เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 235 ความรักและความเกลียดชัง
บทที่ 235 ความรักและความเกลียดชัง
หญิงชราที่ถูกเหยียนป๋อชวนช่วยประคองไว้มีอายุหกสิบปี สวมเสื้อสูทขนสัตว์สีเทาคอปกเล็ก ตะเข็บกางเกงรีดตรง ผมสั้นสีเทาเล็กน้อย และเป็นเพราะเอาแต่คว่ำปากบึ้งตึงมาหลายปี จึงทำให้เกิดริ้วรอยมากมายรอบปากของนาง
นางช่างเป็นคุณย่าที่ห่างไกลจากจินตนาการของสวี่ชิงเหลือเกิน
เหยียนป๋อชวนบอกว่าคุณย่าเป็นคนใจดีมาก ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่านางควรจะเป็นเหมือนเฟิงซูฮวา ที่ถึงแม้จะดูเย่อหยิ่งเล็กน้อยแต่ก็ยังน่าเอ็นดูแบบเด็กในร่างคนแก่ ส่วนใหญ่เธอใจดีและอ่อนโยน ผู้คนจึงอดไม่ได้ที่จะต้องการอ้อมกอดและทำตัวเหมือนเด็กทารกยามที่ได้อยู่ใกล้
แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอกลับทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงขามอย่างอธิบายไม่ได้
เฟิงซูฮวายืนขึ้นและมองคน ๆ นั้นด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางอายุมากแล้วจึงไม่ได้แสดงอารมณ์หรือความโกรธใด ๆ ออกมา
ก่อนที่เหยียนป๋อชวนจะแนะนำให้รู้จัก หยวนฮวาแม่ของเขากลับเหลือบไปเห็นเฟิงซูฮวาเข้าเสียก่อน นางถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ รวมถึงตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย: “จินซูเหรอ?”
เฟิงซูฮวามีท่าทางเรียบเฉยยิ่งกว่าเดิม “ตอนนี้ฉันไม่ได้ชื่อจินซูแล้ว”
ไม่เพียงแต่สวี่ชิงที่พูดอะไรไม่ออก เหยียนป๋อชวนก็ประหลาดใจเช่นกัน “แม่ พวกคุณรู้จักกันเหรอ?”
หยวนฮวาเดินเข้าไปหาเฟิงซูฮวาอย่างตื่นเต้น นางหมายจะเอื้อมมือไปจับเฟิงซูฮวา แต่ก็ต้องจนใจเพื่องจากอีกฝ่ายนิ่งเฉยเกินไป ถึงอย่างนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “จินซู ฉันไม่คิดเลยว่าเราจะได้เจอกันอีกในชีวิตนี้”
เฟิงซูฮวายังคงตอบกลับอย่างใจเย็น “ใช่ ฉันก็คิดเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ฉงกวงตายไปแล้ว”
ความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยวนฮวา “ฉันขอโทษจริง ๆ ในตอนนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอ ฉันขอโทษ”
เฟิงซูฮวาโบกมือขึ้น “มันผ่านมาหลายสิบปีแล้ว อย่าพูดถึงอีกเลย แล้วเธอมาที่นี่ทำไม?”
แม้จะเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำ แต่ถึงอย่างนั้นสวี่ชิงกลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความรักและความเกลียดชังระหว่าง เฟิงซูฮวา หยวนฮวา และสวี่ฉงกวงคุณปู่ผู้ล่วงลับ
เมื่อมองดูรูปร่างหน้าตาของหยวนฮวา ใบหน้าของนางไร้ซึ่งอารมณ์และมีความสง่างามประดับอยู่ นางอาจเป็นปัญญาชนหญิงความคิดก้าวหน้าในยุคนั้นและเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับสวี่ฉงกวง ในตอนนั้นคุณย่าเฟิงซูฮวาที่ไม่มีการศึกษาจึงถูกครอบครัวของฝ่ายชายแทนที่ด้วยหยวนฮวา
เป็นเรื่องง่ายที่จะสร้างเรื่องราวความรักและความเกลียดชังในช่วงชีวิตที่ผ่านมา
เหยียนป๋อชวนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างแม่ของตนกับเฟิงซูฮวา มันดูไม่เหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน กลับดูเหมือนจะมีความแค้นร่วมกันมากกว่า แต่เขาไม่ต้องการทำลายบรรยากาศและจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้ จึงรีบพูดขึ้นทันที “แม่ คุณป้า ดีใจที่พวกท่านรู้จักกันแล้วนะครับ แล้วก็…แม่…นี่คือชิงชิงลูกสาวของผม ”
หยวนฮวาคลายความตื่นเต้นของตนเองลง ก่อนจะหันไปมองสวี่ชิง ท่านมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเงียบสงบก่อนจะพยักหน้า “ดีเลย เป็นเด็กดีจริงๆ แล้วก็ดูดีด้วย”
แต่น้ำเสียงกลับฟังแล้วไม่ตื่นเต้นเหมือนตอนได้พบกับเฟิงซูฮวาเลย
สวี่ชิงรู้สึกตื่นเต้นน้อยลง พร้อมกับเอ่ยเรียกท่านว่าคุณย่าด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงของเธอกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนตอนเรียกเฟิงซูฮวาอย่างสนิทใจ
สักพักเธอก็ยุ่งอยู่กับการเคลื่อนย้ายเก้าอี้เพื่อนำมาให้หยวนฮวาและเหยียนป๋อชวนนั่งลง ก่อนจะไปชงชาให้พวกเขา
เฟิงซูฮวายังคงนั่งลงและค่อยๆ ละเลียดกินพุทราโดยไม่สนใจการมีอยู่ของหยวนฮวาเลยแม้แต่น้อย
ท่าทางของเฟิงซูฮวาทำให้หยวนฮวาค่อนข้างไม่สบายใจ หลังจากนั่งลงแล้วก็พยายามเปิดปากพูดคุยกับเฟิงซูฮวาหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองกลับมา นางจึงเลือกที่จะยอมแพ้
นางหันไปหาเหยียนป๋อชวน “ชิงชิงอยู่ที่นี่เหรอ? ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมจะไม่เลวร้ายนะ ลานบ้านก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย”
เหยียนป๋อชวนยิ้มตาหยี “หล่อนเป็นเด็กดีมากครับ”
หยวนฮวาเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “อายุยังน้อยควรได้เรียนหนังสือ มันมีการศึกษาภาคค่ำอยู่ไม่ใช่เหรอ ถึงอย่างไรก็ควรให้หล่อนได้อ่านหนังสือ เป็นผู้หญิงยังไงก็ต้องศึกษาให้เยอะเข้าไว้”
เฟิงซูฮวาได้ยินแบบนั้นก็แค่นเสียงเย้ยหยันทันที ก่อนจะยัดพุทราอีกลูกเข้าปากและหันหน้าไปทางไป๋หลาง
หยวนฮวาได้ยินเสียงเย้ยหยันของเฟิงซูฮวา จึงเงียบปากลงทันที
ฉินเสวี่ยเหมยเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแปลก ๆ จึงมาหาสวี่ชิงที่กำลังยืนชงชาอยู่ในครัวก่อนจะถามด้วยความสงสัยว่า “พวกเขาเป็นใครเหรอ?”
สวี่ชิงนึกคิดสักพักก่อนจะนึกได้ว่าเธอไม่เคยเล่าเรื่องอดีตของเธอให้ฉินเสวี่ยเหมยฟัง “นั่นคือพ่อที่แท้จริงของฉันกับคุณย่าน่ะ”
ฉินเสวี่ยเหมยกล่าวต่อ “เขานั่นเอง พี่สะใภ้ของฉันบอกว่า เขาคือคนที่ควบคุมโรงงาน ทุกคนรู้กันทั่วแม้แต่คนเก็บขยะ เขาบอกว่าพ่อของเธอเป็นข้าราชการระดับสูง จึงบอกให้ฉันมาคอยติดตามเธออย่างใกล้ชิด ชีวิตเธอนี่ดีจังเลย…”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ทำไมล่ะ ฉันว่ามันไม่ได้มีผลต่อชีวิตฉันมากเท่าไหร่นะ ทุกวันนี้ก็ยังต้องทำงานหนัก และจริง ๆ แล้วฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อทำงานอะไร แต่เขาไม่ใช่ข้าราชการระดับสูงแน่นอน”
ฉินเสวี่ยเหมยไม่สนใจ: “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอเป็นคนมีความสามารถอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมีพ่อเป็นข้าราชการหรอก เธอรู้ไหมว่าคนในซอยนี้มีกี่คนที่อิจฉาบ้านเธอ พวกเขาพูดว่าเดินผ่านบ้านเธอทีไรได้กลิ่นเนื้อย่างทุกที ใคร ๆ ก็รู้ว่าบ้านเธอสามารถซื้อเนื้อกินได้ทุกวัน”
สวี่ชิงเองไม่แปลกใจ อย่างไรก็ตามทั่วทั้งถนนมีร้านอาหารเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ทุกวันและมีร้านอาหารเพียงสองถึงสามแห่งที่มีโทรทัศน์ เนื่องจากการมีสิ่งเหล่านี้นี่เอง จึงทำให้ทุกคนอิจฉา
หลังจากชงชาเสร็จ เธอก็ยกมาไว้ต่อหน้าหยวนฮวาและเหยียนป๋อชวน ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างเฟิงซูฮวา
ในที่สุดหลังจากคิดหัวข้อสนทนาอยู่นาน เธอจึงเอ่ยถามขึ้น “ตอนนี้คุณย่ารู้สึกดีขึ้นหรือยังคะ?”
หยวนฮวามองเฟิงซูฮวาแล้วถอนหายใจออกมา “ฉันแก่มากแล้ว ไม่ได้รู้สึกสบายตัวเหมือนเมื่อก่อน เดี๋ยวก็ปวดนั่นปวดนี่ ครั้งนี้ก็เป็นลมเพราะความดันโลหิตสูง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อาหญิงเสวี่ยอิงของหลานจึงให้พ่อและอาของหลานพากลับมา”
สวี่ชิงเดาว่าอาหญิงเสวี่ยอิงอาจเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลเหยียน
หยวนฮวาหัวเราะออกมา “ตอนแรกฉันไม่เชื่อที่พ่อเธอบอกว่าเขามีลูกสาวตัวโตแล้ว เพราะไม่เคยเห็นเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเลย จึงคิดว่าเขาจะมีเธอได้อย่างไร จนกระทั่งมีจดหมายจากอาของเธอส่งมา”
สวี่ชิงยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ แม่คลอดฉันออกมาอย่างยากลำบาก แล้วก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่รับความสุขต่อ”
เธอมีประสบการณ์จากช่วงชีวิตในชาติก่อนมาแล้ว อีกทั้งยังมีความเข้าใจถึงเรื่องราวพลิกผันของโลกอยู่พอสมควร
ดูเหมือนว่าหยวนฮวาไม่เพียงแต่ไม่เชื่อการมีอยู่ของสวี่ชิงเท่านั้น อันที่จริงแล้วนางกลับไม่ชอบและยังดูถูกแม่ของเธอมาก่อน! แต่แล้วอยู่ ๆ ลูกชายก็เดินเข้ามาบอกว่าตนเองมีลูกกับเย่หนาน มันหมายความว่าอย่างไร? ไม่เพียงเท่านั้นเย่หนานยังตั้งท้องทั้งที่ไม่แต่งงานแล้วให้กำเนิดลูกสาว ถึงอย่างไรมันก็ยากที่จะเชื่อ และนางก็ยังคงสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเหยียนป๋อชวนจริงหรือไม่
สวี่ชิงไม่ยอมอ่อนข้อแค่เพียงเพราะว่าบุคคลตรงหน้าอาวุโสกว่า คุณย่าคนใหม่ของเธอช่างน่าเบื่อหน่าย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้อนรับขับสู้ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและคำพูดนุ่มนวล
หยวนฮวาพยักหน้าลง “ใช่แล้วล่ะ แม่ของหลานต้องทนลำบาก น่าสงสารมาก ”
เหยียนป๋อชวนที่นั่งข้างกันขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะหาเรื่องเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ชิงชิง ทำไมถึงไม่เห็นจินหนานเลย?”
“เป็นเพราะครั้งก่อนฝนตกหนักมาก จินหนานจึงไปที่บ้านเก่าของคุณย่าเพื่อดูว่ามีรอยหลังคารั่วหรือเปล่า แต่อีกสักพักคงกลับมาแล้วค่ะ”
สวี่ชิงกล่าวก่อนจะเลื่อนจานที่เต็มไปด้วยพุทราไปให้เหยียนป๋อชวน “พุทรานี่เพิ่งเก็บใหม่จากต้น ลองกินดูนะคะ”
หยวนฮวากำลังเอื้อมมือไปเตรียมจะหยิบ แต่แล้วเฟิงซูฮวากลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา “ยังไม่ได้ล้างนะ กินแล้วเดี๋ยวปวดท้อง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สมัยสาวๆ ย่าหยวนต้องทำอะไรร้ายแรงกับย่าเฟิงไว้แน่ๆ ย่าเฟิงถึงแสดงออกว่าเกลียดขี้หน้าขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)