เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 234 คนที่คาดไม่ถึง
บทที่ 234 คนที่คาดไม่ถึง
สวี่ชิงคาดไม่ถึงว่าสวี่จื้อกั๋วจะมีสภาพย่ำแย่ลงถึงขั้นนี้ แต่สองปีที่ผ่านมาก็วุ่นวายนัก
มีทั้งโจรปล้นรถ อันธพาลบนท้องถนน การลักเล็กขโมยน้อย การทะเลาะวิวาทและการรวมตัวกันเพื่อเล่นการพนัน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ไม่มีใครถูกฆ่าตายก็ไม่มีใครสนใจอะไร
และดูเหมือนสิ่งเหล่านี้จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังระยะเวลาสองปีที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด
สวี่ชิงยิ้มให้เกาจ้าน “ขอบคุณนะคะ ฉันจะให้โจวจินหนานซื้อเหล้าให้คุณทีหลัง”
เกาจ้านชำเลืองมองโจวจินหนานซึ่งกำลังจัดการชำแหละหัวแกะก่อนจะเอ่ย “รอให้เขาเลี้ยงเหล้าผม? เกรงว่าคงต้องรอให้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทางทิศตะวันตกก่อนนะ”
สวี่ชิงเอ่ยปากปกป้องโจวจินหนาน “อย่าว่าโจวจินหนานขี้เหนียวนะคะ เขาเป็นคนใจกว้างมาก”
เกาจ้านเอ่ยเสียงเรียบ: “มีน้ำใจแค่กับเธอคนเดียวน่ะสิ ถ้าเขาอยู่คนเดียว เขาคงไม่ชวนผมไปกินมื้อค่ำแน่นอน”
โจวจินหนานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จริง ๆ แล้ว นายมันหน้าด้านเกินไปต่างหาก”
เกาจ้านหันกลับไปบ่นกระปอดกระแปดด้วยความขุ่นเคือง
สวี่ชิงยิ้มก่อนจะมองไปที่เกาจ้านซึ่งยังคงดื้อดึงกับการล้างลำไส้ด้วยมือข้างเดียว ขณะเดียวกันก็พูดโต้เถียงกันไปมากับโจวจินหนานที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนเด็ก ทั้งคู่ดูเหมือนเด็กน้อยไปในทันที
เป็นความรู้สึกที่ไม่มีวันตัดขาด
หลังจากล้างเนื้อแกะแล้ว สวี่ชิงก็นำไปต้มก่อนจะใส่หัวหอม ขิง และเหล้าขาวเล็กน้อย ปรุงจนพอสุกเพื่อให้กลิ่นคาวหายไปแล้วจึงนำมาสับ จากนั้นจึงนำไปตุ๋นในน้ำใสอีกรอบ
แล้วนำตีนแกะกับหัวแกะที่ตุ๋นแล้วมาผัดกับพริก
ด้วยความขี้เกียจทำแป้งย่างที่ใช้กินคู่กับเนื้อตุ๋น เธอจึงไปซื้อแป้งย่างที่ขายอยู่ตรงร้านริมถนนมาแทน
เมื่อกินกันเสร็จเรียบร้อย ฝนก็หยุดตก ทั้งหมดจึงออกมานั่งกินบริเวณใต้ต้นไม้กันต่อ
บางครั้งเมื่อลมพัด หยดน้ำบางหยดก็ถูกพัดปลิวมาสัมผัสเข้ากับบริเวณคอ ให้ความรู้สึกเย็นและเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
น้ำหยดลงบนต้นคอของสวี่ชิง ทำให้เธอหดคอลงเล็กน้อย ก่อนจะดื่มซุปเครื่องในแกะแล้วเอ่ยถามเฟิงซูฮวาด้วยรอยยิ้ม “คุณย่า รสชาติเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
เฟิงซูฮวาจ้องมองด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข: “ดี รสชาติดีเหมือนกับที่ย่ากินไปก่อนหน้านี้ รู้สึกสดชื่นมากเลยหลังจากได้กิน”
สวี่ชิงหัวเราะ: “คุณย่าพูดเกินไปแล้ว มันไม่อร่อยขนาดนั้นหรอกค่ะ”
ทั้งสองคุยพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ขณะที่เกาจ้านและโจวจินหนานก็นั่งพูดคุยอยู่ด้วยกัน
เกาจ้านพึมพำขึ้นมา “ทำไมจู่ๆ แม่เฒ่าของตระกูลเหยียนถึงป่วยได้? ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านมีสุขภาพดี แต่เมื่อวานนี้ฉันเห็นเหยียนจี้ชวนมีสีหน้าเป็นกังวลมาก บางทีสถานการณ์อาจไม่ดีก็ได้”
ตะเกียบในมือของเฟิงซูฮวาหยุดลงชั่วขณะ ก่อนจะหันหน้าไปมองสวี่ชิง “คุณย่าป่วยหรือเปล่า?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ ทุกคนดูค่อนข้างเครียด แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
เฟิงซูฮวาปรายตามองแล้วจิบซุปก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว “ถึงเวลาป่วยได้ประจวบเหมาะจริง”
เสียงที่เอ่ยออกมาแผ่วเบาเสียจนสวี่ชิงได้ยินไม่ชัดเจน หลังจากนั้นนางก็ขอตัวออกไป
โจวจินหนานและเกาจ้านพูดคุยกันด้วยรหัสลับที่สวี่ชิงไม่ค่อยเข้าใจนัก อีกทั้งยังพูดถึงบางหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพที่เธอไม่คุ้นเคย
ฝนตกในฤดูใบไม้ร่วงนี้กินเวลาไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะหยุดตก
อากาศเริ่มเย็นลงมาก จึงจำเป็นที่จะต้องสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น
ถึงท้องฟ้าจะไม่ค่อยมีแดด แต่โจวจินหนานก็ยังรักษาสัญญาเสมอ อีกสองวันเขาจะพาเฟิงซูฮวาพร้อมกับสวี่ชิงไปที่ศูนย์พักฟื้นอวี้หูเพื่อพักผ่อนเป็นเวลาสองวัน ดังนั้นจึงได้ไหว้วานให้ผางเจิ้งหัวและหู่จือมาช่วยดูแลบ้าน
เฟิงชูฮวากำลังรับประทานอาหารเช้าและได้ยินว่าตนกำลังจะได้ไปที่ศูนย์พักฟื้น จึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ศูนย์พักฟื้นอะไร? จะทำอะไรกัน?”
สวี่ชิงกลัวว่าคุณย่าของเธอจะปฏิเสธการตรวจร่างกาย “แค่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมและพักผ่อนสองวัน ฉันได้ยินมาว่ามีทะเลสาบตั้งอยู่ใกล้ ๆ แล้วก็ยังมีหงส์ด้วยนะคะ”
เฟิงซูฮวาไม่สนใจที่จะออกไปข้างนอก “หงส์มีดีอะไรนักหนา? อยู่บ้านสบายกว่าตั้งเยอะ ย่าอยากกลับไปดูบ้าน ฝนตกมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าหลังคาเก่าจะรั่วหรือเปล่า”
สวี่ชิงจึงชี้ไปทางโจวจินหนาน “ให้โจวจินหนานกลับมาดูทีหลังก็ได้ค่ะ ฉันก็อยากไปศูนย์พักฟื้นเหมือนกัน ได้ยินว่าในนั้นมีสิ่งน่าสนใจเยอะมาก ซึ่งฉันเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนน่ะค่ะ”
เฟิงชูฮวาหัวเราะ “ช่างน่าสนใจเสียจริง แล้วทำไมหลานถึงไม่ไปกับจินหนานล่ะ เดี๋ยวย่าจะอยู่บ้านเฝ้าบ้านเอง”
สวี่ชิงเริ่มรู้สึกไม่ดี “ฉันอยากให้เราไปกันทั้งครอบครัว ถ้าคุณย่าไม่ไป ฉันก็จะไม่ไปเหมือนกัน”
แต่อยู่ ๆ โจวจินหนานก็พูดขึ้น “ในบ้านพักคนชรามีของว่างเล็กๆ น้อยๆ มากมายที่จัดไว้ให้เป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีอาหารจากทั่วทุกที่อีกด้วย พ่อครัวที่นั่นทำอาหารได้ดีทีเดียวครับ”
เมื่อได้ยินว่ามีของว่าง เฟิงซูฮวาจึงขยับตัวเล็กน้อยตั้งใจฟัง
ตราบใดที่มีคำว่า “พิเศษ” ติดอยู่ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาซื้อได้จากข้างนอกและอร่อยกว่า
สวี่ชิงเหลือบมองโจวจินหนาน นึกไม่ถึงว่าเขาจะโน้มน้าวใจคนได้เก่งขนาดนี้ เธอรีบพยักหน้าถี่รัวเพื่อสนับสนุนคำพูดของโจวจินหนาน “ใช่ค่ะคุณย่า ถ้าคุณย่าไปก็จะได้ชิมขนมมากมาย หากอร่อยก็อาจหาวิธีกลับมาทำกินเองได้ด้วย”
เฟิงชูฮวารู้สึกใจเต้นรัว ก่อนจะพยักหน้าลงหลังจากลังเลอยู่สองวินาที “ก็ได้ เราไปพักกันสักสองวัน”
หลังจากพูดจบ นางก็เอ่ยถามเสียงเรียบอีกครั้ง “ชิงชิง คุณย่าเป็นยังไงบ้าง?”
สวี่ชิงไม่รู้จะตอบเช่นไร “ฉันไม่รู้เลยค่ะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะถามยังไง”
อันที่จริงแล้วเธอไม่รู้หมายเลขโทรศัพท์ของตระกูลเหยียนเลย โจวจินหนานและคนอื่นๆ อาจรู้ แต่เธอไม่ได้ถามและมันดูไม่เหมาะสมสักเท่าไรที่จะโทรไปตอนนี้
เฟิงซูฮวาไม่พูดอะไรต่อแล้วตักโจ๊กทานช้า ๆ
หลังอาหารเช้า โจวจินหนานเดินไปที่ซอยฮ่วยชูเพื่อสำรวจดูว่าหลังคาบ้านรั่วหรือไม่
อีกด้านหนึ่ง สวี่ชิงนำผ้าห่มทั้งหมดในบ้านออกมาตากแดด ก่อนจะเดินไปนำผักตากแห้งที่ยังไม่แห้งสนิทมาวางไว้กลางแดดต่อเพื่อผึ่งให้แห้ง
เมื่อตอนที่เธอกำลังยุ่งวุ่นวาย ฉินเสวี่ยเหมยก็เดินมาพร้อมกับถุงพุทราที่ยังไม่สุกเต็มที่ “พุทราในสวนของฉันสุกแล้ว แม่จึงบอกให้ฉันเลือกมาให้เธอ ถึงจะยังแดงไม่หมด แต่หวานกรอบอร่อยมากเลยนะ”
ขณะพูดหล่อนก็นำพุทราไปให้เฟิงซูฮวา ก่อนจะไปช่วยสวี่ชิงพลิกผักแห้ง
หล่อนเริ่มซุบซิบราวกับคนไม่สามารถเก็บซ่อนข่าวไว้ในใจได้ “ฉันมีข่าวใหญ่มาบอกล่ะ รับรองว่าเธอคาดไม่ถึงแน่”
สวี่ชิงรู้สึกขบขัน: “ข่าวใหญ่อะไรกัน ขอซื้อได้ไหม?”
ฉินเสวี่ยเหมยแกล้งทำเป็นมีลับลมคมนัยก่อนจะพูดขึ้นว่า: “หลี่ต้าหย่งกับสวี่หรูเยว่แต่งงานกันแล้ว ฉินกุ้ยจือโมโหมากไปทุบทำลายข้าวของที่บ้านตระกูลสวี่พังยับเลย”
สวี่ชิงตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น “เรื่องจริงเหรอเนี่ย? เกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน?”
“เมื่อสองวันก่อนที่ฝนไม่ตก ป้ามาบอกฉัน”
ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าข่าวนี้มาจากหม่าเสวี่ยหลานอีกตามเคย
ฉินเสวี่ยเหมยรู้สึกยินดีอยู่ภายในใจเล็กน้อย “ฉินกุ้ยจือตบต้นขาหล่อนดังมากตอนอยู่ในลานบ้าน ต่อว่าสวี่หรูเยว่ว่าไร้ยางอาย แถวยังบอกอีกว่าต่อให้แต่งกันแล้วแต่ก็จะไม่ยอมรับในฐานะลูกสะใภ้เด็ดขาดและไม่สนใจด้วยว่าสวี่หรูเยว่จะมีลูกให้กับลูกชายหล่อนในอนาคต”
สวี่ชิงเลิกคิ้วขึ้น “ฉินกุ้ยจือคงทำจริง หล่อนไม่เคยอ่อนข้อให้ใครเลย”
ฉินเสวี่ยเหม่ยตั้งหน้าตั้งตาเล่าต่อ “ในอนาคตสวี่หรูเยว่อาจต้องทนทุกข์ แต่ถึงอย่างนั้นหลี่ต้าหย่งกลับภูมิใจมาก เขายอมซื้อแหวนทองคำวงใหญ่ให้สวี่หรูเยว่ในวันแต่งงานด้วย”
เพราะแบบนี้ฉินกุ้ยจือจึงโกรธจนไปพังข้าวของในบ้านตระกูลสวี่
สุดท้ายแล้วลูกชายที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่กลับไม่เคยป้อนน้ำแม่ตัวเองเลยสักหยด แต่กลับซื้อแหวนทองคำวงใหญ่ให้สวี่หรูเยว่!
ฉินกุ้ยจือจะข่มกลั้นโทสะนี้ได้อย่างไร!
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน อยู่ ๆ ประตูบ้านก็เปิดขึ้น ไป๋หลางวิ่งออกมาก่อนจะเห่าอยู่สองสามครั้ง น้ำเสียงฟังไม่ดุดันมากนัก เห็นได้ชัดว่าผู้มาเยือนเป็นคนที่มันรู้จัก
สวี่ชิงหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเหยียนป๋อชวนเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ พลางประคองหญิงชราที่ยืนอยู่ข้างกาย
ทำให้เฟิงซูฮวาซึ่งกำลังนั่งกินพุทราอยู่บนเก้าอี้หวายลุกขึ้นแทบทันที…
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เปิดตัวตัวละครใหม่แล้ว คราวนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของชิงชิงทางไหนเนี่ย
ไหหม่า(海馬)