เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 231 ในกระเป๋าสตางค์มีรูปของเหยียนจี้ชวน
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 231 ในกระเป๋าสตางค์มีรูปของเหยียนจี้ชวน
บทที่231 ในกระเป๋าสตางค์มีรูปของเหยียนจี้ชวน
สวี่ชิงไม่คาดคิดเลยว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นฉินกุ้ยจือ
ในขณะเดียวกัน ฉินกุ้ยจือก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ถึงกระนั้นหล่อนกลับเชิดหน้าขึ้นและจ้องมองสวี่ชิงด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “บ้านเราจะเปิดร้านอาหาร เธอไม่ได้คิดจะมาขัดขวางใช่ไหม?”
สวี่ชิงแค่นหัวเราะ “ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะคะ? ฉันไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้นหรอก ดูจากชื่อร้านแล้ว ฉันคิดว่าเขียนได้ดีเลยทีเดียว”
ฉินกุ้ยจือรู้สึกภาคภูมิใจ “แน่นอน ฉันจ้างคนมาเขียนเลยนะ ถึงขนาดให้คนมาดูฤกษ์ด้วย มั่นใจได้เลยว่าได้รับความนิยมอย่างแน่นอน”
สวี่ชิงกับหล่อนไม่ได้มีความบาดหมางกันโดยตรง อีกทั้งยังถือหลักอุดมการณ์ที่ว่า มีมากเสียมากมีน้อยเสียน้อย เพราะฉะนั้นยิ่งน้อยยิ่งดี เธอจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “คุณพูดถูก มันฟังดูดีเลยทีเดียว”
หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังให้และกำลังจะเดินจากไป แต่กลับถูกฉินกุ้ยจื่อรั้งไว้ “อย่าเพิ่งไป ยังไงวันนี้เราก็ได้พบกันแล้ว มาพูดคุยให้ชัดเจนกันเถอะ”
สวี่ชิงหยุดและก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ด้วยเกรงว่าฉินกุ้ยจือจะลงมือทำร้ายเธอ
ฉินกุ้ยจือสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพ่นประโยคยาวเหยียดออกมา “ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวแล้ว เลยคิดว่าคงไม่มีโอกาสพูดคุยกับเธอในเรื่องนั้น แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเคืองว่าทำไมฟางหลานซินถึงยัดเยียดลูกสาวมีมลทินเข้าบ้านฉัน? ลูกสาวหล่อนมีลูกให้ลูกชายฉันแล้วยังไง? ในเมื่อเอาของมือสองมาแต่งงานแล้วยังจะหวังสินสอดจากฉันอีกเรอะ? ฉันไม่ยอมนะ! ถ้าหลี่ต้าหย่งกล้าแต่งงานกับสวี่หรูเยว่จริง ฉันจะไล่เขาออกไปด้วย”
สวี่ชิงไม่คาดคิดว่าฉินกุ้ยจือจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด และไม่ได้คาดหวังว่าสวี่หรู่เยว่จะได้แต่งงานกับหลี่ต้าหยงหลังจากที่หย่าร้างกับโจวจินซวน
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอขอบคุณในความคลั่งรักของหลี่ต้าหยง ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสวี่หรูเยว่ เขาก็เต็มใจที่จะแต่งงานกับหล่อน
ถึงอย่างนั้นสวี่ชิงก็จำเป็นต้องแสดงจุดยืนของตนเองต่อหน้าฉินกุ้ยจือ “อันที่จริงฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยค่ะ เอาเป็นว่าสิ่งที่คุณพูดมาวันนี้ ถือว่าได้ระบายให้ใครสักคนได้รับฟังแล้วกัน แต่ถึงอย่างไรฉันคิดว่าพวกคุณก็ควรจัดการปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้นนะคะ”
ฉินกุ้ยจือถือความคิดที่ว่าศัตรูของศัตรูคือมิตรของตน สีหน้าที่แสดงต่อสวี่ชิงแสดงถึงความเป็นมิตรมากขึ้น ถึงภายในใจจะยังมีคำตราหน้าเธอว่าเป็นขยะไร้ค่า แต่สีหน้าของหล่อนกลับดูใจดีขึ้นมา “ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวเธอ แต่ถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ ฉันไม่สามารถยอมรับฟางหลานซินได้ ”
“หลายปีที่ผ่านมาหล่อนแสร้งทำเป็นคนดี คนนอกจึงคิดว่าหล่อนทำดีกับลูกติดของสามี ไม่คิดเลยว่าจะถูกภาพลวงหลอกตา ที่จริงๆ แล้ววางแผนทำลายเธอสารพัด”
สวี่ชิงยกยิ้มก่อนจะหันหลังเตรียมเดินจากไป ฉินกุ้ยจือก็พูดขึ้นมาอีก “ฟางหลานซินต้องการกำจัดฉันใช่ไหม? จะไม่มีใครได้เข้าประตูวิวาห์ทั้งนั้น และหล่อนจะไม่มีทางได้ร้องขอฉันเช่นกัน ฉัน ฉินกุ้ยจือดูเหมือนยอมคนง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็จ้องมองไปยังสวี่ชิง”เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงฉันจะเปิดร้านอาหารที่นี่ ฉันก็ไม่ได้อยากแข่งกับเธอหรอกนะ แค่เพียงต้องการหารายได้เท่านั้น”
สวี่ชิงส่งยิ้มให้อย่างห่างเหิน “ไม่รู้สิคะ ถึงจะแข่งกัน แต่ถ้ามันยุติธรรม เรื่องนั้นก็ย่อมยอมรับได้”
เฉินกุ้ยจือโบกมืออย่างรวดเร็วเป็นการปฎิเสธ “ไม่หรอก ฉันไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องทำแบบนั้น ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ยุ่งกับร้านของเธอ”
ใบหน้าของสวี่ชิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพิ่งได้รู้ว่าฉินกุ้ยจือยังมีความคิดอ่านเป็นเหตุเป็นผล
ฉินกุ้ยจือต้องการลาเพียงเท่านี้ จึงหยุดพูดพล่าม แต่จากการพูดคุยในครั้งนี้ทำให้รับรู้ได้ว่าตราบใดที่หล่อนยังมีชีวิตอยู่ การรับสวี่หรูเยว่เป็นลูกสะใภ้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หลี่ต้าหย่งอยากแต่งงานนักก็ให้เขาแต่งไป หล่อนไม่สนใจอยู่แล้ว
ต่อให้หล่อนทำตัวราวกับว่าไม่ได้ให้กำเนิดลูกชายแบบนั้น หล่อนก็ยังมีลูกชายที่เลี้ยงดูหล่อนได้
สวี่ชิงเดินจากไปหลังจากฟังหล่อนพูดอยู่เนิ่นนาน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าฉินกุ้ยจือจะบอกว่าหล่อนไม่มีทางเล่นตุกติกลับหลัง แต่สวี่ชิงกลับไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากหล่อนสร้างชื่อเสียงในเรื่องไม่มีเหตุผล อีกทั้งยังชอบพูดปดอีกด้วย
ในปีนั้น ทุกครอบครัวล้วนขาดแคลนอาหาร แต่ครอบครัวของหล่อนยังสามารถกินเนื้อสัตว์ได้
เนื่องจากฉินกุ้ยจือทำงานอยู่ในโรงอาหาร หล่อนจึงแอบขโมยเข้าว บะหมี่ น้ำมัน และเนื้อกลับบ้าน ในเวลานั้น หลี่ต้าหยางอายุยังน้อย เขาชอบนำอาหารส่วนที่มีอยู่มายัดใส่ซาลาเปาเพื่อนำไปให้สวี่หรูเยว่
สวี่ชิงจึงไม่คิดว่าฉินกุ้ยจือจะเป็นคนจิตใจดีเพียงแค่หล่อนทำดีกับเธอ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจกลับไปที่ร้านและบอกซุนเฉียวเฟิงและคนอื่น ๆ ไม่ให้ไปข้องเกี่ยวกับฉินกุ้ยจือเด็ดขาด
เมื่อไปถึงร้านก็พบว่าโจวจินหนานกำลังเช็ดโต๊ะอยู่
เห็นดังนั้นสายตาของสวี่ชิงก็เปี่ยมไปด้วยความปิติทันที “คุณมาได้ไงคะเนี่ย? คิดว่าวันนี้คุณงานยุ่งเสียอีก”
เนื่องจากเมื่อเช้าโจวจินหนานออกไปข้างนอก โดยบอกว่าเขาจะไปพบเหยียนจี้ชวนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานใหม่ที่กำลังจะลงมือทำ
โจวจินหนานถือผ้าขี้ริ้วก่อนจะยืดตัวขึ้นและมองไปที่สวี่ชิงด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเขากลับไปปักกิ่งแล้ว คุณย่าของคุณป่วยหนัก”
สวี่ชิงถึงกับตื่นตระหนก
เมื่อวานนี้ เหยียนป๋อชวนเพิ่งบอกเธอว่าคุณปู่กับคุณย่าสบายดี ร่างกายแข็งรงมาก ทำไมจึงเกิดป่วยหนักกระทันหัน?
“ร้ายแรงไหมคะ?”
โจวจินหนานส่ายศีรษะ “ไม่รู้เหมือนกัน เพิ่งบินกลับไปเมื่อช่วงบ่ายนี้”
เนื่องจากสวี่ชิงไม่เคยพบคุณย่าคนนี้มาก่อน ในใจของเธอจึงไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ถอนหายใจ “หวังว่าจะไม่เป็นไรนะคะ”
โจวจินหนานมีสีหน้าเคร่งเครียดตาม “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรอก ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเขาจะรีบแจ้งมาให้คุณกลับไปทันที”
สวี่ชิงคิดแบบเดียวกัน แต่เธอไม่อยากไปปักกิ่งตอนนี้ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันยังไม่อยากไปปักกิ่งตอนนี้”
โจวจินหนานเหมือนจะดูอาการของเธอออก “ถ้าอยากกลับไป ผมจะไปกับคุณเอง”
เขาไม่ค่อยสบายใจหากจะปล่อยให้สวี่ชิงกลับไปปักกิ่งคนเดียว ด้วยความกังวลว่าเธอจะถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง
สวี่ชิงรู้ทันความคิดของโจวจินหนาน “คุณวางใจเถอะ ขาสองข้างนี้เป็นของฉัน จะอยู่หรือจะไปฉันจะตัดสินใจเอง”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา ลูกค้าก็เดินเข้ามาในร้านมากมาย
สวี่ชิงเดินเข้าไปช่วยทำอาหาร ก่อนจะได้ยินลูกค้าคนหนึ่งตะโกนขึ้น “ว้าว วันนี้มีหมูน้ำแดงตุ๋นฟักด้วย”
สวี่ชิงเงยหน้ามองผ่านซุนเฉียวเฟิงไป ก่อนจะพบเข้ากับฉินเหมียวเหมียว ไม่คาดคิดมาก่อนว่าหล่อนจะมากินที่ร้านแห่งนี้
เมื่อเห็นสวี่ชิงมองมา ฉินเหมียวเหมียวก็โบกเมนูอาหารไปมา “ฉันจะสั่งสองที่ล่ะ ครั้งนี้ฉันอยากกินหมูน้ำแดงตุ๋นฟัก”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาในสถานการณ์ตรงหน้า “สองที่ คุณจะกินหมดเหรอคะ?”
พลันสายตามองไปที่ใบหน้ากลมเล็กของหญิงสาว มันให้ความรู้สึกเอ็นดูจนอยากเอื้อมมือเข้าไปหยิก
หากเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคงไม่อะไรมากนัก แต่หล่อนเป็นสาวน้อยที่หุ่นกำลังพอดี ผิวของหล่อนขาวอมชมพูช่างดูน่ารัก
อีกทั้งหล่อนยังเป็นนักเต้นของคณะศิลปศาสตร์!
ฉินเหมียวเหมียวยกยิ้ม “หมดสิ ยังไงก็หมดแน่นอน อาจารย์ของฉันบอกว่าให้กินฟักเยอะ ๆ จะช่วยลดการบวมน้ำและลดน้ำหนักตัวได้ อีกอย่างฉันกินฟักเขียวไปสองลูก น้ำหนักยังไม่ขึ้นเลย”
สวี่ชิงพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักของฉินเหมียวเหมียว ทุกคำพูดไม่ขัดหูเลยสักนิดเดียว
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเพิ่มฟักให้แล้วกันนะคะ”
ฉินเหมียวเหมียวโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ฉันมากินก็ต้องจ่ายเงิน ใส่ฟักให้เยอะเท่ากับเนื้อตุ๋นก็พอ”
ในขณะที่พูด หล่อนก็ยื่นกล่องอาหารกลางวันออกมาตรงหน้าสวี่ชิง “ขอเท่า ๆ กันนะ”
สวี่ชิงยิ้มให้ก่อนจะเติมเนื้อไม่ติดมันและฟักให้กับฉินเหมียวเหมียว ด้วยความมองออกว่าเธอเป็นกังวล ฉินเหมียวเหมียวจึงรีบพูดขึ้น “อ้วนก็ดีนะ ฉันยังชอบกินมันหมูเหมือนเดิม มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะหลังจากกินเสร็จ ฉันยังต้องฝึกซ้อมเพิ่มอยู่ดี”
สวี่ชิงยกยิ้มให้หล่อนก่อนจะเพิ่มหมูสามชั้นติดมันให้อีกสองสามชิ้น
ฉินเหมียวเหมียวหันกลับมาพร้อมกับกล่องอาหารกลางวันในมือด้วยความพอใจ ทำให้กระเป๋าเงินที่เสียบไว้ในกระเป๋ากางเกงของหล่อนร่วงลง และรูปถ่ายใบหนึ่งก็หลุดออกมา
แม้จะมีรถอาหารคั่นกลาง แต่สวี่ชิงกลับมองเห็นรูปนั้นได้อย่างชัดเจน รูปถ่ายนั้นเป็นของผู้ชายคนหนึ่ง
นอกจากนี้เขาคือคนที่เธอรู้จัก ผู้ชายคนนั้นคือเหยียนจี้ชวน !
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ป้าคนนี้จะเชื่อได้แน่เหรอว่าจะไม่แย่งธุรกิจ
เหยียนจี้ชวนเกี่ยวข้องอะไรกับสาวคนนี้?
ไหหม่า(海馬)