เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 200 ถ้าฉันสั่งให้เขาคุกเข่า เขาก็ไม่กล้ายืนเฉยหรอก!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 200 ถ้าฉันสั่งให้เขาคุกเข่า เขาก็ไม่กล้ายืนเฉยหรอก!
บทที่ 200 ถ้าฉันสั่งให้เขาคุกเข่า เขาก็ไม่กล้ายืนเฉยหรอก!
สวี่ชิงตกใจกับเสียงอึกทึกครึกโครม แต่หลังจากเสียงดังสนั่น เธอก็ยังไม่ได้ยินเสียงของไป๋หลาง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เป็นกังวลมากนัก
เพราะไป๋หลางผู้เฝ้าบ้านมักจะขยันหมั่นเพียรอยู่เสมอ “เดี๋ยวฉันออกไปดูก่อนนะคะ”
เฟิงซูฮวาเองก็งงงวยเช่นกัน “เสียงเหมือนกับหินก้อนใหญ่ตกลงมา”
สวี่ชิงเปิดไฟที่ลานบ้านก่อนจะเดินออกไป และเห็นไป๋หลางมอบอยู่ที่กลางลานบ้าน เฝ้ามองไปที่กองเนื้อหมูขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าตกใจ
ทั้งหมดเป็นเนื้อหมูที่หนักกว่าห้าสิบกิโล
สวี่ชิงตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้เนื้อหมูทั้งหมดที่ดูราวกับถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี หมูที่เลี้ยงดูมาเกือบสองปีและมีน้ำหนักหนึ่งร้อยถึงสองร้อยกิโล ไขมันหนาเท่านิ้วสี่นิ้ว สั่นกระเพื่อมเมื่อสัมผัส
แต่ใครจะโยนหมูตัวใหญ่เช่นนี้เข้ามาในลานบ้าน!
เฟิงซูฮวาตกตะลึงเมื่อเดินตามหลังเข้ามา “วันนี้มีหมูตกมาจากฟ้าด้วยเหรอ?”
สวี่ชิงกวาดสายตาดูหมูรอบ ๆ ตีหัวไป๋หลางเบา ๆ พามันไปที่ประตูหน้าบ้านเพื่อมองดู แต่กลับไม่มีใครอยู่บนท้องถนน ไม่รู้ว่าคนเลวคนไหนมาพังเสาไฟบนถนน ถึงได้มืดตึดตื๋อแบบนี้
สวี่ชิงไม่กล้าลงมือทำอะไร เนื่องจากยังไม่รู้แหล่งที่มาของหมู หากมีคนใช้กลอุบายวางกับดักสินค้าที่ขโมยมา เธอคงไม่สามารถชี้แจงกับตำรวจได้ว่ามันเป็นของที่ถูกขโมยมา
เธอกับเฟิงซูฮวาปล่อยให้ไป๋หลางเฝ้าอยู่ที่ลานบ้าน ปิดไฟบริเวณลานบ้านและกลับเข้าไปในบ้าน เพื่อตรวจสอบดูว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลหรือไม่
ทว่าทั้งสองกลับง่วงเกินไป ทั้งที่ได้อยู่เสียงการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา ไป๋หลางยังคงเฝ้าหมูครึ่งตัวอยู่ สายตาจับจ้องไปที่หมู แลบลิ้นออกมาพร้อมกับน้ำลายไหล
สวี่ชิงคิดว่ามันแปลกมาก มันควรจะถูกโยนลงมาจากผนังที่กั้นอยู่ระหว่างห้องครัวกับตัวบ้าน ทั้งที่โยนหมูเข้ามาได้ แต่ทำไมถึงไม่ยอมส่งมาให้ทางหน้าประตูบ้าน?
ก่อนจะหันไปถามเฟิงซูฮวา “เนื้อหมูมีพิษมั้ยคะ?”
เฟิงซูฮวาส่ายหน้า “เนื้อไม่ติดมัน เป็นสีชมพูอมขาว ไม่น่าเป็นอะไร”
สวี่ชิงรู้สึกว่าเนื้อหมูไม่ได้มีปัญหาอะไรหากมองดูด้วยตาเปล่า แต่เพื่อความปลอดภัย เธอจึงหยิบถุงมือสองชั้นขึ้นมาสวมใส่ พลิกดูเนื้อหมูด้านข้างและพบเข้ากับแผ่นกระดาษที่อยู่ใต้ก้นหมู
เธออดจะหัวเราะไม่ได้เมื่อหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาอ่าน กลับกลายเป็นว่าโจวจินหนานเป็นคนโยนหมูเข้ามา เขาโยนเนื้อหมูเข้ามาเพราะว่ามีงานจะต้องทำและไม่กล้าเอาเข้ามาทางประตู
เมื่อเห็นสวี่ชิงยิ้มแปลก ๆ เฟิงซูฮวาก็ถามด้วยความสงสัย “ทำไมเหรอ? บนกระดาษเขียนว่ายังไง?”
สวี่ชิงขยำกระดาษ “โจวจินหนานโยนมันเข้ามาค่ะ บอกว่ายุ่งมากจนไม่มีเวลาเข้ามา”
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเคาะประตูเพื่อขนเอาเนื้อหมูเข้ามา เห็นได้ชัดว่าพยายามจะหลบเลี่ยงกัน!
เนื้อหมูมีจำนวนมากจนร้านเอามาใช้ไม่ทัน แต่อากาศที่ร้อนเกินไปทำให้เก็บมันเอาไว้ไม่ได้
สวี่ชิงรอให้ผางเจิ้งหัวมาช่วยชำแหละเนื้อหมู บางส่วนเอาไปทำเป็นเบคอน บางส่วนเอาไปหมัก และบางส่วนไปเอาสับละเอียดเพื่อทำเป็นลูกชิ้น สามารถนำไปทำเป็นอีกหนึ่งเมนูสำหรับวันพรุ่งนี้
เธอไม่สามารถจัดการทั้งหมดด้วยคนเดียวได้ ดังนั้นเธอจึงเรียกฉินเสวี่ยเหมยที่กำลังพักผ่อนอยู่ให้มาหา
อีกทั้งยังมอบเนื้อหมูหนึ่งถึงสองชั่งแก่บ้านสกุลฉิน
ฉินเสวี่ยเหมยเดินควงแขนสวี่ชิงออกมาจากบ้าน และเดินออกมาได้ครู่หนึ่ง “ฉันไม่เข้าใจแม่เอาซะเลย ก่อนหน้านี้แม่ไม่ให้ฉันทำดีกับเธอ แต่พอตอนนี้ได้เห็นความสามารถของเธอแล้ว แม่กลับบอกให้ฉันเรียนรู้จากเธอ พอเห็นเธอเอาเนื้อหมูมาให้ แม่ก็ดีใจแทบตาย ประจบสอพลอซะไม่มี”
สวี่ชิงยิ้ม “เธอพูดแบบนั้นกับแม่ตัวเองได้ยังไง ที่แม่เธอไม่ให้เธอมาเล่นกับฉันก็เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของเธอเอง ยังไงซะชื่อเสียงของฉันก็ไม่ได้ดีนัก และมันจะส่งผลต่อเธอด้วย ผู้คนมักจะคิดว่าคนที่ทำดีกับฉันคือพวกหน้าไม่อาย”
มุมปากของฉินเสวี่ยเหมยกระตุก “ฉันไม่สนหรอก ใครกล้าว่าฉันจะฉีกปากให้หมด”
สวี่ชิงหัวเราะ ต้องยอมรับว่าหลังจากที่รู้จักกับโจวจินหนาน อารมณ์ของเธอก็ผ่อนคลายมากขึ้น “เธอมาช่วยฉันทอดลูกชิ้น แล้วเย็นนี้ฉันจะเลี้ยงไก่ย่างเธอเอง”
ฉินเสวี่ยเหมยมองตาปริบ ๆ “ที่บ้านฉันมีเนื้อหมูมากพอแล้ว จะซื้อไก่ย่างเท่าไหร่ก็ได้ แต่ฉันอยากกินลูกชิ้นทอด”
สวี่ชิงตอบ “ก็ได้ ถึงตอนนั้นฉันจะให้เธอกินให้พอ และจะให้เอากลับไปด้วย”
ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะไปจนถึงหัวมุม จากนั้นจึงเห็นซูฮุ่ยหรูที่ใส่เสื้อสีขาวมีปลอกแขนไว้ทุกข์ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า ท่าทางดูลังเลว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่
สวี่ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หุบยิ้มบนใบหน้าและดึงฉินเสวี่ยเหมยออกไป
มือของซูฮุ่ยหรูกระชับตะกร้าไม้ไผ่แน่นเมื่อเห็นสวี่ชิง และฉีกยิ้มอย่างเต็มใจ “ฉันกำลังคิดจะเคาะประตูอยู่เลย ฉันเอาไข่ไก่มาให้เธอน่ะ”
สวี่ชิงปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไรค่ะ ที่บ้านฉันมีไข่ไก่เยอะแล้ว”
ซูฮุ่ยหรูเงียบไปครู่หนึ่ง “ชิงชิง ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”
“พูดมาเลยค่ะ”
สวี่ชิงสามารถคาดเดาจุดประสงค์การมาเยือนของซูฮุ่ยหรูได้ ไม่ใช่เพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ แต่อีกฝ่ายต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์อันดีงาม และตอนนี้โจวเฉิงเฉียนไม่อยู่แล้ว อีกฝ่ายจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก
ซูฮุ่ยหรูมองไปที่ฉินเสวี่ยเหมย “ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องในครอบครัวเราน่ะ…”
ฉินเสวี่ยเหมยรีบปล่อยแขนสวี่ชิงทันที “งั้นพวกคุณคุยกันที่หน้าประตูนะ ฉันเข้าไปรอในบ้านก่อน”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปในลานบ้าน โดยไม่สนใจเสียงห้ามปรามของสวี่ชิง
สวี่ชิงขมวดคิ้ว “ตอนนี้คุณจะพูดได้หรือยังคะ?”
ซูฮุ่ยหรูพยายามระงับความขุ่นเคืองใจ “สองวันมานี้ฉันยุ่งมาก คุณย่าของจินหนานเพิ่งจากไปและมีหลายอย่างให้ต้องทำ เพราะงั้นฉันถึงได้มาที่นี่ ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจผิดเกี่ยวกับเธอไปมาก แต่ยังไงซะเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ อีกอย่างฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิดไป จินหนานถึงได้เกลียดฉันมากขนาดนี้”
สวี่ชิงรู้สึกหมดคำพูดกับยัยแก่จอมเสแสร้ง “คุณไม่รู้จริง ๆ หรือแสร้งไม่รู้กันแน่?”
ซูฮุ่ยหรูส่ายหน้า ใบหน้ายังคงไร้การเปลี่ยนแปลง “ฉันไม่รู้จริง ๆ นะ เป็นไปได้ไหมว่าเขาต้องการช่วยผู้ชายที่ชื่อเหยียนป๋อชวน แต่ฉันไม่เห็นด้วย?”
สวี่ชิงเคยได้ยินชื่อของเหยียนป๋อชวนมาหลายครั้ง ทั้งที่ไม่เคยรู้จักบุคคลนี้มาก่อน และไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเขา
ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้จักเหยียนป๋อชวน ยกเว้นเธอ
“เหยียนป๋อชวนคือใครคะ?”
ซูฮุ่ยหรูไม่ได้ปิดบัง “เหยียนป๋อชวนเป็นคนของเราเอง ต่อมาเขาได้รับการเลื่อนขั้น แต่ด้วยปัญหาทางด้านตำแหน่ง เขาเลยถูกส่งตัวไปที่ชนบท ตอนนั้นมันเกิดเรื่องขึ้นที่หมู่บ้านเหอวานที่เราอาศัยอยู่ ทุกคนไม่ชอบเขา ต่างพากันเรียกร้องให้เขาไปทำงานหนักหนาสาหัส ครั้งหนึ่งเขาไปเก็บถ่านที่ถ้ำถ่านหิน และพลัดตกลงมาจากภูเขา”
“โจวจินหนานแบกเขากลับมาด้วย ฉันกลัวว่าเขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับบ้านของเรา เพราะตอนนั้นเขาเป็นคนไม่ดี ฉันเลยสั่งให้จินหนานรีบพาเขาออกไป”
สวี่ชิงนึกไม่ถึงว่าเหยียนป๋อชวนจะเป็นคนกานซู ถ้าอย่างนั้นเขารู้จักกับแม่ของเธอได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงไม่พูดอะไร หล่อนก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ และรีบพูดเสริมด้วยท่าทางกังวล “จินหนานไม่ได้สนใจฉันตั้งแต่นั้นมา แอบเข้าไปมีส่วนร่วมในงานลับ ๆ และจากไปโดยที่ไม่บอกฉันก่อน นอกจากนี้เขาโดนเหยียนป๋อชวนปลุกระดมมาตลอด”
สวี่ชิงรู้สึกว่าการที่เหยียนป๋อชวนเป็นคนบ้านเดียวกันมันก็ยิ่งง่ายต่อการตรวจสอบ ทั้งนี้ต้องขอบคุณซูฮุ่ยหรูที่มาส่งข้อความถึงบ้าน เธอจึงแสยะยิ้มอย่างไร้ปราณี “ถ้าคุณคิดว่าอย่างนั้นก็คืออย่างนั้นแหละค่ะ แต่ว่าคุณแผลงอิทธิฤทธิ์ใส่ฉันตั้งแต่แรกเจอ เกรงว่าฉันคงจะเข้ากันกับคุณไม่ได้หรอก”
“อย่าว่าแต่ลูกชายคุณไม่สนใจเลย ต่อให้พวกคุณเข้ากันได้ ฉันก็จะไม่เอาอกเอาใจคุณอยู่ดี เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ไปคุณไม่ต้องมาพยายามทำอะไรเพื่อฉันอีก!”
ซูฮุ่ยหรูมองดูสวี่ชิงผู้ที่มีทิฐิสูง และอยากจะโยนตะกร้าไข่ไก่ใส่หน้าเธอเต็มทน ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน!
แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาข้างหลังสวี่ชิง อารมณ์ของหล่อนก็ผ่อนคลายลง “ชิงชิง ยังไงซะจินหนานก็เป็นสามีเธอนะ เธอจะพูดแบบนั้นไม่ได้”
สวี่ชิงเยาะเย้ย “สามีฉันแล้วยังไง? ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ถ้าฉันสั่งให้เขาคุกเข่า เขาก็ไม่กล้ายืนเฉยหรอก!”
เหยียนจี้ชวนกับโจวจินหนานที่เดินเข้ามาเคียงข้างกันพลันหยุดชะงักกะทันหัน!
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มาทำไมเนี่ย มาหาเรื่องชิงชิงเหรอ เธอนี่ความลับเยอะนะฮุ่ยหรู
ไหหม่า(海馬)