เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 198 ชายร่างใหญ่ผู้ไร้เดียงสาทั้งสาม
บทที่ 198 ชายร่างใหญ่ผู้ไร้เดียงสาทั้งสาม
หัวใจของสวี่ชิงบีบรัดแน่นหลังจากได้ยินคำพูดของเหยียนจี้ชวน เธอรู้สึกถึงความหวัง
ทุกคนมักจะพูดว่าเธอดูคล้ายคลึงกับเย่หนานผู้เป็นแม่ หรือว่าเขาจะจำเธอได้?
โจวจินหนานชำเลืองมองเหยียนจี้ชวน “ตอนที่คุณเจอไป๋หลางตอนแรก คุณก็บอกว่าไป๋หลางดูเหมือนเพื่อนเก่าคุณ”
เหยียนจี้ชวนขมวดคิ้ว “ฉันพูดว่างั้นเหรอ? ไป๋หลางดูเหมือนสุนัขที่บ้านฉัน มันจะไปดูเหมือนเพื่อนเก่าฉันได้ยังไง?”
สวี่ชิงคาดไม่ถึงว่าผู้ชายที่ดูสง่างามและสุขุมจะกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือเช่นนี้
ความคาดหวังที่พรั่งพรูเข้ามาในจิตใจกลายเป็นฟองสบู่ในทันที
ก่อนจะเข้าไปยืนข้างโจวจินหนาน “ฉันไปถามหมอมาแล้ว หมอบอกให้คุณเปลี่ยนยาที่มือทุกสามวัน ระวังอย่าให้เปียกและห้ามใช้แรงเยอะ พักผ่อนให้เพียงพอ”
เหยียนจี้ชวนที่ยืนอยู่ด้านข้างยิ้ม “เขาน่ะมีผิวหยาบกระด้างเนื้อหนา คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”
เมื่อมองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน สวี่ชิงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองต้องดีมากแน่ ๆ เช่นเดียวกับเกาจ้าน ตอนนี้เลยเวลาอาหารกลางวัน สวี่ชิงจึงหันไปถามโจวจินหนาน “กินอะไรกันหรือยังคะ? ไปกินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ”
โจวจินหนานพยักหน้า “ได้ เดี๋ยวผมไปตามเกาจ้านก่อน”
แล้วจึงหันหลังกลับไปตามเกาจ้านที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย
สวี่ชิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับเหยียนจี้ชวนเพียงลำพัง และนึกอยากถามเขาว่ารู้จักเหยียนป๋อชวนหรือไม่ ทว่าเธอรู้สึกว่ามันดูกะทันหันเกินไปหากถามคำถามนี้ตั้งแต่แรกเจอ
เหยียนจี้ชวนยิ้มขณะมองดูสี่ชิง “คุณคิดยังไงกับคนที่ไม่รู้จักแสดงอารมณ์อย่างโจวจินหนานบ้างครับ ผมนึกว่าเขาจะครองความโสดไปตลอดชีวิตซะอีก”
สวี่ชิงหัวเราะ “เขาดีมากเลยค่ะ”
เหยียนจี้ชวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณไม่ได้ถูกเขาคุกคามใช่มั้ยครับ? ตั้งแต่ผมรู้จักเขามาสิบปี ยังไม่เคยเห็นเขาแสดงความในใจกับใครเลย”
สวี่ชิงยิ้ม ในเรื่องความเข้าใจ บางทีเธออาจจะยังรู้จักโจวจินหนานดีไม่เท่าเหยียนจี้ชวนและคนอื่น ๆ
แต่ถ้าเป็นในด้านความห่วงใยของโจวจินหนาน พวกเขาไม่มีวันได้รู้แน่นอน
โจวจินหนานผู้มีขายาวก้าวเท้ารีบพาเกาจ้านออกมาอย่างว่องไว ราวกับไม่สนใจว่าโจวจินซวนจะต้องอยู่ในห้องพักฟื้นคนเดียวหรือไม่
สวี่ชิงยังคงสงสัยว่าทำไมโจวจินซวนถึงนอนอยู่ที่นั่นคนเดียว คนอื่น ๆ ยังอยู่ที่งานศพอย่างนั้นหรือ?
เกาจ้านรีบยืนตรงเมื่อเห็นเหยียนจี้ชวน ทว่ามือขวาของเขากำลังบาดเจ็บอยู่และไม่สามารถทำความเคารพได้ เขาจึงพูดทักทายด้วยเสียงดังก้อง
เหยียนจี้ชวนเอื้อมมือออกไปตีแขนข้างที่บาดเจ็บของเกาจ้าน “ทำไมตอนนี้นายถึงได้อ่อนแอนัก?”
เกาจ้านจงใจร้องคร่ำครวญ “แย่แล้ว วันพักร้อนคงต้องขยายไปอีกสองเดือนแน่ๆ”
เหยียนจี้ชวนเหลือบมองโจวจินหนาน “นายนี่ตาบอดจริง ๆ ทำไมถึงเลือกคู่หูแบบนี้”
โจวจินหนานพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมตาบอดจริง ๆ ครับ”
สวี่ชิงที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ความสัมพันธ์ของพวกเขาเข้ากันได้ดีมากจริง ๆ ถึงแม้จะมีเปิดโปงความลับกันบ้าง แต่พวกเขาก็สนิทกันมากชนิดที่ว่าไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้
เนื่องจากเลยเวลาอาหารกลางวันไปแล้ว โรงอาหารของทางโรงพยาบาลของรัฐจึงปิดหมด
พวกสวี่ชิงจึงไปที่ร้านขายเกี๊ยวที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย เกาจ้านนั่งฝั่งเดียวกับเหยียนจี้ชวน พวกเขามองดูแผ่นกระดานดำที่ติดอยู่บนผนังและเริ่มสั่งเกี๊ยว “เอาไส้ผักล้วนสองชั่ง ไส้แกะหัวไชเท้าสองชั่ง ไส้หมูกับต้นหอมอีกสองชั่ง เสิร์ฟแยกกันมานะครับ แล้วก็เหล้าเกาเหลียงสองชั่ง”
สวี่ชิงประหลาดใจ แค่กินเกี๊ยวจำเป็นต้องดื่มด้วยหรือ?
เถ้าแก่ไม่ตอบ และกลับเข้าไปทำเกี๊ยวในครัว
โจวจินหนานและอีกสองคนเริ่มพูดคุยกัน โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจะพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ปฏิบัติต่อสวี่ชิงราวกับคนนอก
เกาจ้านเริ่มพูดสาปแช่ง “เจ้าคนใจกล้านั่นบ้าคลั่งมาก ต้องบอกว่าบังเอิญจริง ๆ ที่คิดจะหลบหนีเมื่อคืนนี้ มันเป็นผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไฟไหม้โรงหนังครั้งล่าสุด ถ้ามันหลบหนีไปได้คงจะจับตัวกลับมาไม่ง่าย”
เหยียนจี้ชวนสงสัย “โจวเฉิงเฉียนสมรู้ร่วมคิดกับคนพวกนี้ได้ยังไง? พวกนายได้จับตาดูเขาไว้ไหม?”
เกาจ้านแตะจมูก “ไม่ได้สนใจนักหรอก เพราะอีกฝ่ายใช้ช่องโหว่ คิดว่าเป็นแค่เพื่อนบ้านธรรมดา”
อีกฝ่ายดูธรรมดามากจนไม่สามารถดูธรรมดาไปมากกว่านี้แล้ว แม้แต่เดินท่ามกลางฝูงชนยังไม่ดูสะดุดตา
สวี่ชิงที่นั่งฟังเงียบ ๆ รู้สึกประหลาดใจ เธอไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไฟไหม้โรงภาพยนตร์ เดิมทีเธอคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่กลับกลายเป็นว่ามีคนสร้างสถานการณ์ขึ้นมา
จากนั้นทั้งสามคนก็คุยเกี่ยวกับเรื่องในงานศพ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้โจวเฉิงเฉียนกับเหยียนเฉียวอวี้ถูกจับคุมตัว ในขณะที่โจวจินซวนบาดเจ็บและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
พ่อเฒ่าโจวไม่สามารถตอบสนองได้ทัน แต่โชคดีที่เขามีประสบการณ์อยู่มาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเลือกที่จะเผาศพ โดยมีโจวเฉิงเหวินกับซูฮุ่ยหรูคอยเฝ้าอยู่ที่ห้องจัดงานศพ
พ่อเฒ่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกสะใภ้คนโตจะเป็นคนฆ่าภรรยาของเขา ส่วนลูกชายคนโตจะกระทำความผิดทางการเมืองขั้นร้ายแรง เมื่อถูกตัดสินว่าทำกระทำความผิดครั้งหนึ่ง ผลกระทบก็จะถูกส่งต่อคนรุ่นต่อไป
รวมถึงโจวจินหนาน
สวี่ชิงไม่เคยคิดว่าเรื่องราวมันจะมาถึงระดับนี้ แล้วโจวจินหนานล่ะ?
เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองโจวจินหนาน ท่าทางของเขายังคงดูสงบนิ่งราวกับเรื่องที่พูดถึงไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ตรงกันข้ามกันกับเธอผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับเป็นกังวล
เหยียนจี้ชวนค่อย ๆ หยิบบุหรี่ออกมาจุด และยิ้ม “โจวจินหนาน เป็นอีกครั้งที่นายจัดการทุกอย่างได้ดีมาก ถึงแม้จะมีการสอบสวนเรื่องทางการเมือง แต่เหล่าเหยียนก็ช่วยนายได้อยู่แล้ว”
เกาจ้านพูดแกมติดตลก “คุณกำลังพูดถึงพี่ใหญ่ของคุณอยู่หรือเปล่าครับ? แต่เหล่าเหยียนชอบโจวจินหนานมากนี่นา ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกเหรอว่าถ้าตัวเองมีลูกสาว จะให้เขาไปเป็นลูกเขยให้”
เหยียนจี้ชวนเดาะลิ้น “นายแค่ฟังที่เขาพูดก็พอ จะว่าไปก็มองหาลูกเขยแบบเขาจริง ๆ นั่นแหละ ไม่น่ารำคาญดี”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปมองสวี่ชิงด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคนนี้น่าเบื่อมากไหมครับ เหมือนน้ำเต้าไม่มีปากเข้าไปทุกวัน?”
สวี่ชิงยังคงสงสัยว่าเหล่าเหยียนคือเหยียนป๋อชวนที่หลูเว่ยตงพูดถึงหรือไม่ แต่เมื่อเหยียนจี้ชวนเอ่ยถามคำถาม เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งและรีบส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ เขาก็ดี”
เหยียนจี้ชวนหัวเราะ “พวกเราเองยังไม่รู้เลยว่าเขามีคุณธรรมในด้านไหน เพราะงั้นคุณไม่ต้องพูดเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับเขาก็ได้ ผมมีความลับจะบอกคุณด้วย คุณรู้มั้ยว่าโจวจินหนานกลัวอะไรมากที่สุด?”
สวี่ชิงประหลาดใจกับคำพูดของเขา “กลัวอะไรคะ?”
โจวจินหนานจ้องเขม็งไปที่เหยียนจี้ชวน “ถ้าคุณพูดอะไรไร้สาระ ผมจะไม่ช่วยคุณอีก”
เหยียนจี้ชวนหยุดชะงัก “ช่างเถอะ คุณกลับไปถามเขาเองแล้วกัน”
หลังจากพูดคุยระหว่างรอให้เกี๊ยวมาเสิร์ฟ สวี่ชิงก็พบว่าชายทั้งสามคนที่มีลักษณะนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกลับดูไร้เดียงสาเมื่อมาอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะเหยียนจี้ชวน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนสุภาพและอ่อนโยน อีกทั้งยังชอบกลั่นแกล้งเกาจ้านที่ใช้มีขวาไม่สะดวก
การกินเกี๊ยวรวดเร็วมากขึ้นกว่าสองเท่า
สวี่ชิงคีบเกี๊ยว ก้มศีรษะลงเพื่อเป่า ก่อนกินเกี๊ยวและเงยหน้าขึ้น จากนั้นเธอจึงพบว่าเกี๊ยวมากกว่าครึ่งถูกกินเข้าไปหมดแล้ว และรู้สึกราวกับกำลังโดนขโมยอาหาร
เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่มีเกี๊ยวสองสามชิ้นวางอยู่บนจานเล็ก ๆ ตรงหน้า
ก่อนจะหันไปมองโจวจินหนาน
“รีบกินเร็ว พวกเขาเคยชินกับการแก่งแย่งอาหาร ไม่งั้นคุณจะไม่ทันกินเอา”
เหยียนจี้ชวนรีบกลืนเกี๊ยวในปาก “โจวจินหนาน หยุดกล่าวหากันเสียที มีอาหารมื้อไหนที่นายไม่กินเร็วบ้าง?”
มีเพียงเกาจ้านเท่านั้นที่ไม่พูดอะไร และกำลังใช้มือซ้ายประคองเกี๊ยวเข้าปากอย่างพิถีพิถัน
สวี่ชิงอดพูดขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นสถานการณ์ดังกล่าว “พวกคุณกินช้า ๆ ก็ได้ค่ะ ถ้ายังไม่พอ เราค่อยสั่งเพิ่มอีกสองชั่ง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถ้าถามว่าพี่หนานกลัวอะไร พี่หนานกลัวโดนชิงชิงทิ้งแหละเราว่า
ผู้ชายกินกันเร็วอย่างนี้แหละค่ะ ชิงชิงแย่งไม่ทันเลย
ไหหม่า(海馬)