เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 197 น้องสะใภ้ดูเหมือนสหายเก่า
บทที่ 197 น้องสะใภ้ดูเหมือนสหายเก่า
ทันทีที่โจวจินหนานเปิดฝาโลงศพ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
บางคนตกใจ บางคนหวาดกลัว แต่โจวเฉิงเฉียนกลับพาลโกรธ “โจวจินหนาน แกทำอะไร!”
ทว่าก่อนที่จะพูดจบ จู่ ๆ ร่างหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาจากโลงศพ ตรงดิ่งไปหาโจวจินหนานพร้อมกับปืนในมือ
โจวจินหนานรีบหลบไปด้านข้าง ทำให้ลูกกระสุนพุ่งไปเจาะที่ประตู…
……
สวี่ชิงไม่รู้เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของโจวจินหนานจนกระทั่งเที่ยงวันถัดไป
เนื่องจากเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก จึงไม่ได้ไปร้านกับผางเจิ้งหัว เธอทำความสะอาดลาดบ้านและครัว รวมถึงซักผ้าอีกครั้ง
เธอไม่อาจปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉยได้ เพราะเกรงว่าจะคิดไปไกล
แต่ทันทีที่เธอหยิบถ้วยอาหารกลางวันขึ้นมา เกาจ้านก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก และบอกว่าโจวจินหนานได้รับบาดเจ็บ
ถ้วยในมือของสวี่ชิงสั่นไหวและไม่มั่นคง จากนั้นจึงรีบลุกขึ้น “ทำไมถึงบาดเจ็บได้? บาดเจ็บตรงไหนคะ?”
เกาจ้านที่ยังคงสวมผ้าพันแผล ใช้มืออีกข้างหนึ่งโบกไปมา “คุณรีบตามผมมาก่อน เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังระหว่างทาง”
สวี่ชิงไม่ทันได้บอกเฟิงซูฮวา รีบวิ่งตามเกาจ้านออกไปข้างนอก และขึ้นรถจี๊ปที่จอดอยู่หน้าประตู
สวี่ชิงถามอีกครั้งหลังจากขึ้นรถ
เกาจ้านที่นั่งอยู่ในตำแหน่งข้างคนขับสั่งให้คนขับรถออกรถ ก่อนจะหันหน้ามาคุยกับสวี่ชิง “โจวเฉิงเฉียนพยายามช่วยสายลับให้ออกไปจากเมืองภายในคืนนี้ ชายคนนั้นมีปืนและซ่อนตัวอยู่ในโลงศพ แต่โจวจินหนานรู้ทัน เลยเกิดการปะทะดุเดือด เขาได้รับบาดเจ็บระหว่างคอยปกป้องคุณปู่”
ทันใดนั้น สวี่ชิงก็ตระหนักได้ว่าโจวจินหนานส่งเธอกลับมาบ้านด้วยเจตนารมณ์ที่ดี ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องการให้เธอทุกข์ทรมานเท่านั้น แต่ยังเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอด้วย เนื่องจากเขาคาดการณ์มานานแล้วว่าที่นั่นไม่ปลอดภัย อีกทั้งจะยังมีการต่อสู้ที่ดุเดือด
“งั้นคนที่ฉันเห็นในห้องน้ำก็เพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ ล่อให้ทุกคนออกมาจากบ้าน และฉวยโอกาสนั้นเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโลงศพใช่ไหม?”
เกาจ้านพยักหน้าด้วยความชื่นชม “เป็นอย่างนั้นไม่ผิดแน่”
“แล้วใครเป็นคนฆ่าคุณย่า? โจวเฉิงเฉียนเหรอ?”
เกาจ้านส่ายหัว “ไม่ใช่ เหยียนเฉียวอวี้ต่างหาก”
สวี่ชิงนึกไม่ถึง “ทำไมหล่อนต้องฆ่าคุณย่าด้วย?”
เกาจ้านส่ายหัวอีกครั้ง “ขึ้นอยู่กับว่าเหยียนเฉียวอวี้พูดอะไร เพราะไม่มีใครอยู่ที่นั่น หล่อนจะพูดอะไรที่ต้องการก็ได้”
สวี่ชิงไม่คาดคิดว่าสิ่งต่าง ๆ จะแตกต่างจากที่เธอคิดเอาไว้
แต่เนื่องจากเธอกำลังกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของโจวจินหนาน จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้มากนัก หลังจากมาถึงโรงพยาบาล เกาจ้านวิ่งเหยาะ ๆ นำเธอไปที่ชั้นสามของโรงพยาบาล
หลังจากเข้าไปในห้องพัก เธอเห็นโจวจินหนานยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มีผ้ากอซพันรอบมือ ขณะที่โจวจินซวนนอนอยู่บนเตียงพยาบาล
สวี่ชิงหันไปมองเกาจ้านด้วยความงุนงง
ขณะที่เกาจ้านมองดูโจวจินหนานด้วยใบหน้าสับสน สงสัยว่ามันยังได้ผลหรือไม่! ก่อนที่เขาจะออกไป เขาอธิบายให้อีกฝ่ายฝั่งอย่างดี บอกให้ขึ้นไปนอนบนเตียงพยาบาล ขอให้หมอพันผ้ากอซรอบอกกับแผ่นหลัง อย่างไรก็มีแผลที่บริเวณด้านหลังอยู่แล้ว พันผ้ากอซเพิ่งอีกหน่อยคงไม่เป็นไร
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของสวี่ชิงอ่อนยวบลง ก่อนจะเข้าไปดูแลเขา พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันทุกวัน จะมีเรื่องคับข้องใจอะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้อีก?
เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ!
เขายังกล้าแสดงต่อไปได้อย่างไร?
สวี่ชิงหันไปมองเกาจ้านที่ปิดปากเงียบ และร้องเรียกว่า “พี่ใหญ่เกาคะ?”
เกาจ้านดึงสติกลับมาอีกครั้งและรีบหันไปคุยกับโจวจินหนาน “ฮ่าๆ ก็นายโทรมาแล้วพูดไม่ชัดนี่หว่า เข้าใจผิดไปหรือเนี่ย? ฉันคิดว่านายบาดเจ็บสาหัส ไม่คิดว่าจะเป็นจินซวน พวกเราตื่นตูมกันไปหมด”
หลังจากพูด เขาก็หัวเราะอีกสองครั้ง
โจวจินหนานขมวดคิ้วและมองไปที่เกาจ้าน “ตอนนั้นนายก็อยู่ที่นั่นด้วย”
ตอนนี้เกาจ้านต้องการมีดมาก ไม่รู้ว่าควรจะแทงโจวจินหนานให้ตายหรือแทงตนเองให้ตายดี จำเป็นต้องโหดเหี้ยมพูดเปิดโปงกันขนาดนี้เชียวหรือ?
สวี่ชิงมองดูการแสดงที่เงอะงะของเกาจ้าน และเหลือบมองมือของโจวจินหนานด้วยความตกตะลึง “แผลลึกหรือเปล่าคะ?”
โจวจินหนานกางฝามือออกและกำมืออีกครั้ง “ไม่หรอก ก็แค่ผิวเผินน่ะ”
หางตาของเกาจ้านกระตุก เขาไม่รู้จักวิธีการแสดงความอ่อนแอบ้างหรือไง?
มองดูสิ่งที่เขากำลังประสบสิ เส้นเอ็นบนฝ่ามือแทบจะขาด แต่แสร้งทำเป็นเจ็บแค่ผิวเผินเนี่ยนะ
สวี่ชิงรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่อาการผิวเผินเมื่อมองดูผ้ากอซที่พันกันอย่างแน่นหนา อีกทั้งยังมีคราบเลือดอีกเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไปถามหมอ
สองคนที่อยู่ต่อหน้าเธอไม่มีใครน่าเชื่อถือสักคน
เมื่อหันไปเห็นโจวจินซวนที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาล เกาจ้านก็รีบพูดว่า “เมื่อคืนระหว่างที่ตกอยู่ในอันตราย เขาพยายามจะวิ่งหนี แต่ถูกกระสุนพุ่งมาเจาะปอดก่อน”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าเธอควรจะแสดงสีหน้าอย่างไร เธอจึงหันไปมองด้านข้างด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า “ฉันจะไปถามหมอดูว่ามีอะไรที่ต้องระมัดระวังอีกบ้าง”
เธอพูดและเดินออกไป โจวจินหนานจึงสาวเท้ายาวเดินตามไป
เกาจ้านก็อยากตามไปเช่นกัน แต่โจวจินหนานกลับใช้สายตาปรามเขา เขาจึงรีบหยุดเดินและรออยู่ในห้องพักฟื้นผู้ป่วยแทน เฝ้าดูโจวจินซวนที่กำลังโศกเศร้ากับความโชคร้ายของตนเอง
โจวจินหนานเดินตามสวี่ชิงไปจนถึงทางเดิน และหักหลังเกาจ้านอย่างไร้ความปราณี “ผมไม่ได้บาดเจ็บอะไร เกาจ้านขอให้ผมแกล้งทำเป็นบาดเจ็บสาหัส เพื่อให้คุณเห็นใจจะได้ยกโทษให้ผม แต่ว่าผมไม่เห็นด้วย”
สวี่ชิงสามารถคาดเดาความคิดชั่วร้ายของเกาจ้านออก ขณะเหลือบมองโจวจินหนาน “ก็แล้วทำไมพี่ไม่ทำตามเขาล่ะ ถ้าพี่บาดเจ็บสาหัส ฉันคงจะดูแลพี่อย่างดี”
โจวจินหนานขมวดคิ้วและเม้มปาก “นอกจากเรื่องนั้น ผมจะไม่หลอกลวงคุณอีกแล้ว และจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบามาก มีร่องรอยแห่งความน่าสงสารอยู่ในนั้น
ใครจะคิดว่าคนที่ว่องไวราวกับเสือดาวเมื่อคืนนี้ คนที่คว้าปืนด้วยมือเปล่าจะเป็นคนเดียวกับสุนัขล่าเหยื่อตัวน้อยที่กำลังหลุบตาลงอย่างน่าสงสารเพราะกลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง
สวี่ชิงเหลือบมองเขา และโบกมือ “มันไม่ใช่ปัญหาของพี่หรอก เป็นปัญหาของฉันเอง ฉันจะไปถามหมอก่อน พี่รออยู่ที่นี่นะ”
เมื่อได้รับหมอบอกว่าฝ่ามือของโจวจินหนานบาดเจ็บสาหัสและต้องได้รับการดูแลที่ดีจึงจะไม่เป็นรอยแผลเป็น สวี่ชิงก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากออกมาจากห้องทำงานของหมอ เธอก็พบว่าโจวจินหนานยืนอยู่กับชายแปลกหน้าด้านข้างหน้าต่าง
โจวจินหนานกำลังสูบบุหรี่ในมือ ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ควันดูพร่ามัวกลับแผ่รังสีดุร้าย ราวกับมีดคมเย็นยะเยือกที่พร้อมจะกระโจนออกมา
สวี่ชิงหยุดชะงักก่อนที่จะเดินไปถึงทั้งสองคน
โจวจินหนานหันหน้ากลับมาเมื่อได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหว และรีบยัดบุหรี่รมควันครึ่งม้วนในมือให้กับชายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ความเย็นชาจางหายไป แปรเปลี่ยนมาเป็นความน่าสงสารและมีท่าทีเชื่อฟังอีกครั้ง
สวี่ชิง “???”
ผู้ชายคนที่อยู่ถัดจากโจวจินหนาน “!!!”
โจวจินหนานกระแอมเบา ๆ และรอให้สวี่ชิงเข้ามาใกล้ ก่อนจะพูดแนะนำสวี่ชิง “นี่คือเหยียนจี้ชวน อดีตหัวหน้าผม”
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเหยียนจี้ชวน “นี่สวี่ชิง ภรรยาผมครับ”
สวี่ชิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเมื่อได้ยินชื่อของเหยียนจี้ชวน เพราะเธอเคยได้ยินชื่อของเหยียนป๋อชวนมาก่อน และเมื่อนำทั้งสองชื่อนี้มาเทียบกัน มันให้คามรู้เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน
เหยียนจี้ชวนดูเหมือนจะยังอยู่ในวัยสามสิบต้น ๆ รูปลักษณ์หน้าตาดูงดงาม สุขุมตามแบบฉบับเจียงหนาน
แตกต่างกับความเย็นชาของโจวจินหนานอย่างสิ้นเชิง เป็นเหมือนกับหยกอบอุ่นที่เปี่ยมด้วยความละมุนละไม
เธอยิ้มให้ “สวัสดีค่ะหัวหน้าเหยียน”
เหยียนจี้ชวนยิ้มตอบรับอย่างอ่อนโยน “ผมไม่อยากเป็นหัวหน้าแล้วล่ะ ตอนนี้โจวจินหนานเก่งกว่าผมมาก”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่โจวจินหนาน “น้องสะใภ้ดูเหมือนกับสหายเก่าของบ้านผมเลย”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ปรับอารมณ์ไม่ทันเลยค่ะ จากนิยายสยองขวัญมาเป็นนิยายสายลับเฉย
ตัวละครใหม่มาแล้ว จะมีบทบาทยังไงบ้างนะ
ไหหม่า(海馬)