เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 196 เธอได้เจอกับผู้ชายที่แสนดี
บทที่ 196 เธอได้เจอกับผู้ชายที่แสนดี
สวี่ชิงพูดด้วยท่าทางสงบ แม้แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังสงบมากจนทำให้เหยียนเฉียวอวี้ไม่พอใจ “กลัวอะไรกะอีแค่แมว ขี้ขลาดตาขาวเหลือเกิน”
โจวเฉิงเหวินกลัวว่าจะเกิดการโต้เถียงอีกครั้ง “เอาล่ะ ๆ ไฟที่ลานบ้านค่อนข้างมืด มีแมวมาวิ่งตัดหน้าคงจะกลัวเป็นธรรมดา กลับเข้าบ้านกันก่อนเถอะ”
โจวจินหนานยังคงโอบเอวสวี่ชิงและมองดูผู้คนสองสามคน “พวกคุณกลับเข้าไปกันก่อนเถอะครับ ชิงชิงกำลังท้องอยู่เลยขี้ตกใจมาก ผมจะส่งเธอไปพักผ่อนที่บ้าน แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้ว”
โจวเฉิงเหวินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าสวี่ชิงกำลังตั้งท้อง แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาดีอดดีใจ เขาจึงโบกมืออย่างมีความสุข “งั้นเหรอ พวกคุณกลับเข้าไปกันก่อน แล้วเจ้าลูกชาย ทำไมแกไม่บอกล่ะ! ชิงชิงไม่ควรมาที่นี่ พาหล่อนกลับไปซะ”
ซูฮุ่ยหรูมองสวี่ชิงด้วยความประหลาดใจ ขณะที่โจวเฉิงเฉียนกับเหยียนเฉียวอวี้แสดงออกว่าไม่เชื่ออย่างชัดเจน พวกเขาเหลือบมองท้องของสวี่ชิง และหันกลับเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าเฉยเมย
สวี่ชิงไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ได้ เธอถูกโจวจินหนานลากกลับออกไปที่ลานบ้าน และจูงรถจักรยานออกมา
“ฉันกลับไปคงดูไม่ดีหรือเปล่าคะ?”
สวี่ชิงยังคงลังเล ถ้าโจวจินหนานไม่เปิดเผยเรื่องดังกล่าว เธอก็คงจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้เธอกลัวว่าจะมีคนมาจับจุดอ่อน
โจวจินหนานถีบจักรยาน “ไม่เป็นไร คุณขึ้นมาก่อน เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังระหว่างทาง”
สวี่ชิงจับเบาะหลังและขึ้นไปนั่งหันข้าง โจวจินหนานรู้สึกวูบโหวงในใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้สวี่ชิงจะพยุงเอวเขาเพื่อซ้อนท้ายเสมอ
แม้ว่าความคิดดังกล่าวจะแวบเข้ามา แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้มีบางอย่างที่สำคัญกว่าต้องทำ
หลังจากขี่จักรยานออกมาจากซอย เขาก็พูดอธิบายกับสวี่ชิงว่า “คุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน ช่วงสองวันนี้จะค่อนข้างยุ่ง ผมคงจะไม่มีเวลาดูแลคุณได้เต็มที่”
สวี่ชิงไม่อาจเข้าใจเรื่องบางอย่างได้ “เราคุยกันก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่บอกเรื่องตั้งท้องกับครอบครัว รอจนกว่าจะถึงสามเดือน”
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
โจวจินหนานเงียบไปขณะหนึ่งและพูดอธิบายว่า “วันนี้ตอนที่กำลังยุ่งกันอยู่ด้านนอก ผมได้ยินคุณป้าพูดว่าคนท้องไม่สามารถรักษาวิญญาณเอาไว้ได้ ทางที่ดีไม่ควรเข้าร่วมงานศพ เพราะเกรงว่าดวงวิญญาณจะชนกัน นอกจากนี้พวกเขารู้แล้วว่าคุณกำลังท้อง ต่อจากนี้คงไม่มีใครกล้าลงมืออุกอาจกับคุณ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณและลูกเกิดอันตราย พวกเขาจะเป็นคนแรกที่ถูกสงสัย”
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็เข้าใจได้ ไม่ว่าเธอจะมีชีวิตยืนยาวมากแค่ไหน แต่เธอยังวิเคราะห์เหตุการณ์ได้อ่อนหัดกว่าโจวจินหนานอยู่ดี
ทุกย่างก้าวย่อมมีความหมายที่ลึกซึ้ง
โชคดีที่เขาไม่ได้ใช้เล่ห์กลอุบายแบบนี้กับเธอ
เธอถอนหายใจด้วยถามโล่งอก และถามว่า “พี่เกาจ้านจะออกไปจับใครได้มั้ยคะ?”
โจวจินหนานปฏิเสธโดยไม่คิด “ไม่ได้หรอก แค่ล่องูออกมาจากรู”
สวี่ชิงถอนหายใจอีกครั้งที่ระดับสติปัญญาของเธอช่างต่ำต้อย เธอหันหน้าไปมองดูแผ่นหลังของโจวจินหนาน ความแข็งแกร่งและความเด็ดเดี่ยวที่อยู่ภายใต้แสงไฟกระพริบบนท้องถนนดูสลัวและไม่ชัดเจนนัก
เมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน เฟิงซูฮวายังคงไม่นอน ส่วนซุนเชียวเฟิ่งก็ไม่ได้จากไปไหน กำลังง่วนกับการทำหมูตุ๋น
พวกเขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นทั้งสองกลับมา แต่กับเป็นซุนเชียวเฟิ่งที่มีปฏิกิริยาตอบสนองก่อน “ชิงชิง เธอท้องอยู่ จะไปเฝ้าศพไม่ได้นะ เดี๋ยววิญญาณก็เข้ามารังควานลูกในท้องหรอก”
สวี่ชิงไม่คาดคิดว่าเธอจะได้ยินข้อความดังกล่าว
โจวจินหนานจากไปอีกครั้ง ขณะที่สวี่ชิงเฝ้าดูเขาขี่จักรยานออกไป ล็อคประตูจากด้านในและเดินเข้าไปในลานบ้าน
เธอมองดูเฟิงซูฮวากับซุนเชียวเฟิ่งที่ยืนอยู่กลางลานบ้าน ซึ่งพวกเขาต่างมองมาที่เธอด้วยความสงสัย
สวี่ชิงลูบหน้าตนเอง “ทำไมถึงมองมาที่ฉันแบบนั้นล่ะคะ?”
ซุนเชียวเฟิ่งยิ้มขณะมองดูสวี่ชิง “ชิงชิงโชคดีจังเลยนะ ที่หาผู้ชายที่รักเธอได้ขนาดนี้”
สวี่ชิงประหลาดใจเล็กน้อย “เขาแค่มาส่งฉันกลับบ้านเองไม่ใช่เหรอคะ? ใช้เวลาปั่นจักรยานเกือบชั่วโมง ถ้าให้ฉันกลับบ้านมาเองคงจะน่ากลัวมากแน่”
ซุนเชียวเฟิ่งหัวเราะ “ตอนที่เธอกำลังคุยกับคุณย่าอยู่น่ะ พ่อโจวจินหนานเขาไปที่ห้องครัวแล้วบอกอาให้ทำอาหารให้เธอเยอะ ๆ ตกกลางคืนถ้าเธอกลัว ก็จะให้อาไปนอนเป็นเพื่อนเธอ และถ้าเธอจะไปห้องน้ำ อาก็ต้องไปกับเธอด้วย ดูสิว่าเขาน่ารักขนาดไหน”
สวี่ชิงคิดว่าโจวจินหนานแค่จอดจักรยานเพื่อไปแวะดื่มน้ำที่ห้องครัว และไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดอะไรกับซุนเชียวเฟิ่งเยอะแยะนัก
ที่สำคัญ เธอไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำเพราะความหวาดกลัวในจิตใจยังคงอยู่
แต่เขากลับเป็นคนที่รอบคอบ
หลังจากซุนเชียวเฟิ่งพูดจบ หล่อนก็เดินเข้าไปดูหมูตุ๋นในห้องครัว สวี่ชิงได้เตรียมวัตถุดิบสำหรับการหมักไว้เป็นอย่างดี ใช้ตาข่ายพันรอบทีละถุง และทุกครั้งที่ตุ๋นเนื้อจะต้องมีน้ำซุปเก่าเหลือค้างตลอด
ทั้งหมดที่หล่อนต้องทำคือคอยเติมน้ำและดูระดับไฟ
ตกกลางคืน สวี่ชิงเข้านอนพร้อมกับซุนเชียวเฟิ่ง เธอรอจนกว่าลานหน้าบ้านจะไม่มีการเคลื่อนไหวและซุนเชียวเฟิ่งเข้ามาพักผ่อน สวี่ชิงจึงกระซิบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านสกุลโจวให้ซุนเชียวเฟิ่งฟัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ เธอรู้สึกถึงหนังศีรษะที่เริ่มชาวาบ และภาพนั้นก็ยังคงติดตาอย่างชัดเจน
ซุนเชียวเฟิ่งรู้สึกแปลกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หล่อนไม่เชื่อว่าจะมีผีจริง ๆ และเคยได้ยินเกี่ยวกับคนแกล้งเป็นผีมามากมาย
หลังจากพูดคุยกับสวี่ชิงด้วยเสียงกระซิบสักพักหนึ่ง หล่อนก็ได้ยินเสียงลมหายใจยาวดังมาจากหญิงสาวที่นอนอยู่ด้านข้างจนอดจะหัวเราะไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเด็กที่ใจกล้ามาก
……
ทั้งที่โจวจินหนานกลับไปถึงแล้ว แต่เกาจ้านก็ยังไม่กลับมา ทุกคนนั่งรวมตัวกันอยู่ที่โถงไว้ทุกข์ ยกเว้นเหยียนเฉียวอวี้
หลังจากมองดูรอบ ๆ โจวจินหนานก็หันหลังและเตรียมจะออกไป ทว่าโจวเฉิงเฉียนกลับลุกขึ้นและเรียกหาเขา “จินหนาน แกกลับมาได้เวลาพอดีเลย ลุงคุยกับพ่อของแกแล้วว่าพรุ่งนี้จะให้แกกับจินซวนไปหาขุดหลุมที่ชนบทก่อน แล้วพวกเราจะตามไปตอนบ่าย”
โจวจินหนานหันกลับไปมองโจวเฉิงเฉียน “มีเหตุผลอะไรจะต้องฝังศพในตอนบ่ายด้วยครับ พรุ่งนี้เราจะออกไปตั้งแต่รุ่งสาง ใช้เวลาขุดหลุมแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น และทั้งหมดใช้เวลาไม่นานหรอก”
โจวเฉิงเฉียนรู้สึกว่าเขากำลังถูกท้าทายอำนาจ “แกเป็นเด็กจะมารู้อะไร? ฉันบอกว่าตอนบ่ายก็คือตอนบ่าย แกยังมีกะใจจะให้คุณย่ารอกลางแดดหนึ่งชั่วโมงอีกเหรอ?”
แม้แต่โจวเฉิงเหวินก็ยังสองจิตสองใจ “ใช่ จินหนาน ถ้ารีบไปแต่เช้าแล้วโลงศพโดนแดดจะไม่ดี”
โจวจินหนานจ้องไปที่โจวเฉิงเฉียนด้วยสายตาหนักแน่น และจู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้น ทว่ารอยยิ้มกลับไร้ซึ่งความอบอุ่น เป็นรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นและพร้อมจะแทรกแซงทุกอย่าง
โจวเฉิงเฉียนตื่นตระหนก “แกยิ้มอะไร?”
โจวจินหนานค่อย ๆ เดินเข้าไปในบ้าน และไปหยุดอยู่ที่หน้าโลงศพ เอื้อมมือออกไปลูบฝาโลง และใช้นิ้วชี้ยื่นออกไปแตะเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองโจวเฉิงเฉียน “ก็แล้วทำไมพรุ่งนี้ลุงไม่พาคนไปขุดหลุมที่ชนบทเองล่ะ ผมกับพ่อจะได้ออกไปช้าสักหนึ่งชั่วโมง จะได้ฝังหลุมศพคุณย่าก่อนเวลาเที่ยง ยังไงการฝังหลุมศพก็ต้องทำตามฮวงจุ้ยอยู่ดี ผมล่ะไม่เข้าใจเลย”
หัวใจของโจวเฉิงเฉียนบีบรัดแน่นทุกครั้งที่นิ้วชี้แตะฝาโลง รู้สึกราวกับหัวใจกำลังจะกระโจนออกมาจากลำคอ เพราะกลัวว่าวินาทีต่อไป โจวจินหนานจะทำอะไรบางอย่างที่เป็นการตลบหลังเขา
มันบีบเค้นจนเขาตื่นตระหนก “ฉันเป็นลูกคนโต จะต้องไปแบกธงถือโปรยกระถางขี้เถ้าก่อน จะให้รีบไปแต่เช้าได้ยังไง?”
โจวจินหนานยังคงใช้นิ้วแตะโลงศพเบา ๆ แสยะยิ้มขณะมองดูโจวเฉิงเฉียน เฝ้าดูสีหน้าของเขาที่ตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อย ๆ และทันใดนั้นก็เอื้อมมือออกไปผลักฝาโลงศพที่ยังไม่ได้ตอกตะปูให้เปิดออก!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หนานรู้ทันใช่ไหมคะ ว่าลุงคนนี้คิดจะทำลายหลักฐานที่ย่าโดนฆาตกรรม
ไหหม่า(海馬)