เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 195 เที่ยงคืนสยองฝัน
บทที่ 195 เที่ยงคืนสยองฝัน
สวี่ชิงถามโจวคังอันเป็นเชิงหยั่งความคิด “ทำไมถึงเหลือกันแค่สองคนนั้นคะ? คนอื่นไปไหน?”
ทำไมถึงปล่อยให้พี่ชายคนโตกับน้องสะใภ้เฝ้ากันอยู่สองคน ไหนจะเหยียนเฉียวอวี้ที่ยังว่างอีก ทำไมหล่อนถึงไม่อยู่ที่นั่น?
โจวคังอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อคืนพ่อเธอมีธุระที่จะต้องจัดการที่โรงเรียน ส่วนคุณป้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย”
ส่วนโจวจินซวน เมื่อไม่นานมานี้เขาทำตัวเหมือนกึ่งไร้ชีวิต ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน
สวี่ชิงรู้สึกว่าสถานการณ์มันบังเอิญไป บังเอิญไปมาก และดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจสร้างขึ้น
เธอคิดจะพูดต่อ แต่จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก โจวเฉิงเฉียนเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าบูดบึ้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ท่าทางดูมืนหม่นจนทุกคนรู้สึกตกใจ
สวี่ชิงมั่นใจว่าเธอไม่ได้พูดเสียงดังนัก และโจวเฉิงเฉียนไม่มีทางแอบฟังที่หน้าประตูทั้งที่คนเดินผ่านไปมาได้ ดังนั้นเขาคงจะไม่ได้บทสนทนาของเธอกับโจวคังอัน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็เหลือบมองไปทางด้านข้างด้วยท่าทางสงบนิ่ง
โจวเฉิงเฉียนเหลือบมองสวี่ชิงและเดินเข้าไปหาโจวอันคัง “ลี่หวายังอยู่ที่โนวาสโกเทีย ผมส่งโทรเลขไปหาหล่อนแล้ว แต่เกรงว่าหล่อนจะกลับมาไม่ได้ ส่วนพวกลี่หงไปที่ตัวเมือง ให้คนส่งข้อความกลับมาบอกว่าไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ ตอนนี้อากาศร้อนมาก มันคงไม่ดีถ้าเราเก็บแม่ไว้ที่บ้านตลอดทั้งวันแบบนี้”
โจวคังอันขมวดคิ้ว “งั้นก็ทำให้ไวที่สุด ไม่ต้องรอถึงสามวันก็ได้ ฝังแม่แกให้เร็วที่สุดดีกว่า”
สวี่ชิงรู้สึกว่าโจวเฉิงเฉียนกำลังรีบร้อน ถึงแม้ว่าจะสมเหตุสมผล แต่เขากลับดูกังวลจนเกินไป
โจวเฉิงเฉียนแสร้งทำท่าเช็ดน้ำตา “เมืองนี้สั่งให้เผาศพอย่างเดียว ผมอยากจะส่งแม่ไปฝังไว้ที่ชนบทแทน ไม่อยากให้แก่แล้วยังไม่มีแม้แต่ร่างกาย”
โจวคังอันต่อต้านการเผามาก เพราะคนรุ่นเก่ายังคงเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ พวกเขาคิดว่าเมื่อตายไปแล้ว พวกเขาควรถูกฝังร่างเอาไว้ในดิน เพื่อให้วิญญาณของพวกเขายังคงสถิตอยู่
มิฉะนั้นผีสางจะสูญเสียร่างเดิม และจะไม่รู้สึกปลอดภัยเมื่อตายไปแล้ว
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็โบกมือ “ไปหารือกับเฉิงเหวินก่อน”
โจวเฉิงเฉียนเหลือบมองสวี่ชิงอีกครั้งและถอยออกไป
เมื่อถึงมื้อกลางวันก็ปรุงอาหารมื้อใหญ่ที่ลานบ้าน เสิร์ฟพร้อมกับแป้งทอด และทุกคนต่างก็กินอาหารกันอย่างเรียบง่าย
โจวจินหนานผละตัวออกจากเรื่องยุ่งเหยิงมาตักซุปตุ๋นสองถ้วย วางแป้งทอดที่ประดับอยู่ด้านบน และวางถ้วยไว้บนโต๊ะขนาดเล็กที่อยู่ด้านข้างโจวอันคัง
ส่วนอีกถ้วยถูกส่งต่อไปให้สวี่ชิง “รีบกินเข้า และกลับไปพักผ่อนเถอะ คุณไม่ต้องมานั่งเฝ้าศพกลางดึกหรอก”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ฉันอยากอยู่ที่นี่ค่ะ แค่นั่งเฉย ๆ ไม่เหนื่อยหรอก”
เธอเป็นสะใภ้ของหลานชายคนโต ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าคนข้างนอกจะไปพูดอะไรอีก
โจวจินหนานเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยัดอะไรบางอย่างไว้ในมือของสวี่ชิง “งั้นคอยดูสถานการณ์ตอนกลางคืนไว้ให้ดี ถ้าคุณกินเสร็จแล้วก็วางถ้วยเอาไว้ที่นี่ ไว้ผมว่างจะเอาไปเก็บให้”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองสวี่ชิงและเดินจากไป
สวี่ชิงรู้สึกถึงคำเตือนของโจวจินหนานอย่างชัดเจน เธอถอนหายใจ ก้มหน้าลงและกางมือออก ภายในมีลูกอมรสผลไม้สี่เม็ดที่ถูกห่อด้วยกระดาษลายดอกไม้ คาดว่าโจวจินหนานคงจะกำมันไว้ในมือเป็นเวลานาน กระดาษห่อถึงได้เปียกชุ่มเล็กน้อย
ดวงตาของเธอถึงกับปวดร้าวเล็กน้อย เธอถูมือเข้าด้วยกัน และยัดลูกอมใส่ไว้ในกระเป๋า ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมากิน
อันที่จริงเธอไม่ได้มีความอยากอาหารมากนัก แต่เพื่อเห็นแก่ลูกในท้อง เธอจึงพยายามกินให้มากที่สุด ใช้ตะเกียบคีบของตุ๋นขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบะหมี่ เนื้อหั่นสไลซ์ และผักกาดขาวที่เธอชื่นชอบ แต่กับไม่มีเต้าหู้เจและไก่เจที่เธอไม่ชอบกินอยู่เลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าโจวจินหนานทำได้อย่างไร แม้แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้าทุกคน เธอก็ยังได้กินแต่ของที่เธอชื่นชอบเท่านั้น
ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็พลันเปรี้ยวฝาด รู้สึกว่าตนเองหน้าซื่อใจคดนัก และคิดว่าจะคุยกับโจวจินหนานหลังจากเสร็จจากงานศพของเฉินหยิง
ตกตอนเย็น เกาจ้านที่เพิ่งรู้ข่าวกำลังจะเดินทางมา แต่สวี่ชิงขอให้เขากลับไปบอกเฟิงซูฮวาว่าเธอจะไม่กลับไปในคืนนี้
กว่าเกาจ้านจะเดินทางมาถึง แขกทั้งหลายในลานบ้านก็กลับออกกันไปหมดแล้ว ความมีชีวิตชีวาลดลง เหลือเพียงแต่ความเงียบสงัด
ทุกคนอยู่ในห้องโถงไว้ทุกข์ ขณะที่สวี่ชิงคุกเข่าลง โดยมีโจวจินหนานอยู่ด้านข้าง
โจวจินซวนก้าวถอยหลังเล็กน้อย และคุกเข่าลงด้วยสีหน้ามืดหม่น
เกาจ้านไม่คิดจะเฝ้าอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงเข้าไปพักผ่อนในห้องถัดไป
ในช่วงครึ่งหลังกลางดึก ผู้เฝ้าสามารถงีบหลับได้โดยไม่ต้องคุกเข่า สามารถนั่งพิงกำแพง หรือคุกเข่าพิงข้างโลงศพ
สวี่ชิงง่วงนอนมากเช่นกัน เธอเอนกายไปทางโจวจินหนานโดยที่ไม่รู้ตัว ผล็อยหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกอึดอัดมากจนอยากไปเข้าห้องน้ำ
แม้ว่าเธอจะเคยตายไปแล้วและกลับมาเกิดใหม่ แต่เธอก็ยังไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำกลางดึกแบบนี้ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เอนตัวไปทางโจวจินหนานและพูดว่า “คุณพาฉันไปห้องน้ำหน่อยสิคะ”
โจวจินหนานไม่พูดอะไร เอื้อมมือออกไปพยุงข้อศอกเธอและเดินออกไป
ไม่รู้ว่ามันเป็นอุปาทานหรือว่าวิญญาณของเฉินหยิงยังไม่ได้ไปไหน สวี่ชิงที่เดินออกมาจากห้องโถงถึงได้ตัวสั่นสะท้าน รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ทำให้เส้นขนลุกชัน
ม้ากระดาษกับรถกระดาษถูกผูกติดไว้ที่ลานบ้าน ธงกระดาษปลิวพลิ้วไสวไปตามสายลม ดูมืดหม่นเล็กน้อยภายใต้แสงไฟสลัว
สวี่ชิงโน้มตัวไปทางโจวจินหนานเงียบ ๆ แอบดูรอบข้างแต่กลับไม่พบใคร และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณรู้หรือเปล่าคะว่าคุณลุงสั่งให้รีบฝังคุณย่าตั้งแต่เนิ่น ๆ?”
โจวจินหนานพยักหน้า “รู้สิ อากาศมันร้อนเกินกว่าจะเก็บศพไว้ได้”
สวี่ชิงลังเล “แต่ถ้าฝังก่อนกำหนด เราจะไม่มีทางตรวจสอบหาสาเหตุการตายของคุณย่าได้เลยนะคะ”
โจวจินหนานเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะของสวี่ชิง ยกมือค้างไว้ครึ่งทางก่อนจะผละออก “ฆาตกรไม่มีทางหนีพ้นหรอก เรามีวิธีจับตัวได้แน่”
สวี่ชิงไม่ได้พูดอะไรอีกหลังเห็นว่าโจวจินหนานมีความมั่นใจมาก เธอมองดูห้องน้ำที่อยู่ตรงหัวมุม แสงไฟสลัวของตะเกียงดูอ่อนแสงอีกนัก ก่อนจะสั่งให้โจวจินหนานหยุด “คุณรอฉันอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวฉันเข้าไปเอง”
โจวจินหนานมองดูห้องน้ำที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว “เข้าไปแล้วก็ระวังด้วยนะ”
สวี่ชิงลูบท้องเบาๆ ขณะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ มือที่กำลังสัมผัสเข็มขัดอยู่พลันชะงักชั่วคราว รู้สึกถึงเลือดลมที่ไหลเวียนย้อนไปทั่วร่างกาย แม้กระทั่งในตอนนั้นเองก็ยังได้ยินเสียงฟันกระทบกัน
มีคนผู้หนึ่งกำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนหลุมส้วม สวมใส่เสื้อผ้าห่อศพสีดำที่คล้ายคลึงกับของเฉินหยิง อีกทั้งบนศีรษะยังมีผ้าสีดำคาดอยู่ ใบหน้าขาวซีดเรืองแสงสีเขียว ลูกตาสีขาวเต็มเบ้าจนไม่เห็นลูกตาดำ
มันจ้องมองเขม็งไปที่สวี่ชิง
สวี่ชิงก้าวถอยหลัง และรีบวิ่งกลับไปหาโจวจินหนาน “กรี๊ดด…”
ฟันของเธอสั่นจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ร่างกายของเธออ่อนยวบลงทันทีที่คว้าตัวโจวจินหนานเอาไว้ได้
โจวจินหนานโอบรอบเอวสวี่ชิงและอุ้มเธอขึ้น เดินไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
แต่กับไม่มีอะไรอยู่ในนั้น นอกจากตะเกียงเจ้าพายุไร้แก๊สที่มีรูปทรงเหมือนเมล็ดถั่ว
โจวจินหนานใช้มืออีกข้างลูบหลังสวี่ชิง “คุณเห็นอะไรเหรอ ข้างในนั้นไม่เห็นมีอะไรเลย”
สวี่ชิงตัวสั่นเทาขณะที่ใจเต้นระรัว ถึงอย่างนั้นเธอกลับกล้าที่จะหันไปมองข้างในอีกครั้ง และพบว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างใน ราวกับว่าเธอแค่ตาฝาดไป ก่อนจะส่ายหัวอย่างแรง “ไม่ มีคนนั่งยอง ๆ อยู่ในนี้ ใส่ชุดคลุมศพสีดำ ไม่มีตาดำด้วย”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว มองดูแผ่นกำบังลมครึ่งซีกที่อยู่ด้านหลังหลุมส้วม มันมีขนาดห้าสิบตารางเซนติเมตร ผู้ใหญ่ไม่สามารถลอดออกไปในระยะเวลาอันสั้นได้
ทุกคนในห้องที่ได้ยินเสียงกรีดร้องรีบวิ่งออกมา นำขบวนโดยเกาจ้านที่อยู่ด้านหน้าสุด
โจวจินหนานมองดูเขา และเขาก็เดินไปทางลานบ้าน
คนอื่น ๆ มารวมตัวกัน ขณะที่โจวเฉิงเหวินมองไปที่สวี่ชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของโจวจินหนาน “ชิงชิงเกิดอะไรขึ้น?”
สวี่ชิงสงบสติอารมณ์และมองไปรอบ ๆ ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว จะมีผีอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร ร้อยละแปดสิบเก้าสิบจะต้องเป็นฝีมือของมนุษย์แน่ ๆ!
เธอเหลือบมองทุกคนอย่างรู้สึกผิด “เมื่อกี้มีแมวกระโดดออกมาทำให้ฉันตกใจ ต้องขอโทษด้วยค่ะ”
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตกใจเลย นึกว่าจะกลายเป็นนิยายสยองขวัญไปซะแล้ว ว่าแต่ใครสร้างผีมาหลอกกันนะ
ไหหม่า(海馬)