เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 188 ความอดทนข่มกลั้นของเธอ
บทที่ 188 ความอดทนข่มกลั้นของเธอ
หลูเว่ยตงรู้สึกว่าสวี่ชิงจับประเด็นผิดจุด อีกทั้งยังได้ยินมาว่ายังมีปฏิกิริยานิ่งเฉยต่อเรื่องของโจวจินหนาน เขาจึงขมวดคิ้ว “เธอไม่โกรธหรือไง? เขาโกหกเธอ เขาเป็นคนข่มขืนเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอคงไม่ถูกผู้คนดูถูกหรอก เธอไม่ได้โดนเขาหลอกใช่ไหม?”
ยิ่งเขาพูดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งโกรธแทนสวี่ชิงมากเท่านั้น “สวี่ชิง เธอกำลังคิดบ้าอะไรอยู่? อย่าช่วยเหลืออาชญากรเพียงเพราะเขาแต่งงานกับเธอสิ เธอจะปล่อยให้ความทุกข์ทรมานของตัวเองไร้ประโยชน์ไม่ได้ คนใจร้ายแบบนี้ควรได้รับการลงโทษที่เหมาะสม!”
สวี่ชิงจ้องเขม็งไปที่หลูเว่ยตง น้ำเสียงของเธอเย็นชาและแน่วแน่ “พอได้แล้ว! ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ แต่นายกำลังสาดน้ำโคลนใส่สามีฉันอยู่! ฉันรู้ดีที่สุดว่าเขาเป็นคนแบบไหน และฉันก็รู้ด้วยว่าเขาคือคนในคืนนั้น!”
“ฉันอุตส่าห์รับนายเข้ามาเป็นเพื่อน แต่นายกลับหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ เอาแต่พูดว่าจะทำดีกับฉัน แต่นายกลับเปิดแผลของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยในจุดประสงค์และความตั้งใจของนายแล้ว”
หลูเว่ยตงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และมองดูสวี่ชิงด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ใช่แบบนั้นนะ ฉันไม่ได้ต้องการสะกิดแผลเก่าของเธอ ฉันแค่อยากให้เธอเห็นตัวตนที่แท้จริงของโจวจินหนาน ฉันไม่อยากให้เธอถูกเขาหลอก เธอต้องเชื่อฉันนะ ชิงชิง ฉันขอสาบานว่าถ้าฉันโกหก ขอให้ฉันโดนรถไฟชนตาย”
ใบหน้าแสนสวยของสวี่ชิงเย็นเยือกราวกับถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง “ฉันพูดมามากพอแล้ว ฉันเข้าใจสามีฉันดีที่สุด และไม่ต้องการให้นายมาช่วยเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาให้ฉันเห็น ออกไปได้แล้ว!”
เธอไม่สนใจในเรื่องที่หลูเว่ยตงรู้ข่าวเกี่ยวกับแม่ของเธออีกต่อไป
หลูเว่ยตงรู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นว่าสวี่ชิงโกรธจัด เขาอยากจะเปิดใจออก ให้เธอมองดูว่าทุกคำพูดของเขาเป็นความจริง
แต่เขาไม่อยากพูดกระตุ้นโทสะของสวี่ชิงอีกต่อไป จึงถอยออกมา “อย่าเพิ่งโกรธสิ ฉันพักอยู่ในสำนักงานเขตประจำเมืองหลวง อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ห้องสามศูนย์สอง ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้ทุกเมื่อ”
เขาพูดและเดินออกไป ขณะที่สวี่ชิงมองดูหลูเว่ยตงเดินออกไปด้วยใบหน้าเย็นชา ในแววตาของเธอปรากฏให้เห็นเงาของวงล้อเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ตรงประตูทางเข้า
เธอสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับความขุ่นเคืองที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ พยายามทำให้อารมณ์ของเธอเย็นลงเท่าที่จะสามารถทำได้ รีบเดินไปที่ประตูทางเข้า โดยผ่านร่างของหลูเว่ยตงไป
“โจวจินหนาน คุณกลับมาแล้ว ได้ซื้อเกี๊ยวกลับมาไหมคะ?”
เมื่อสวี่ชิงเห็นโจวจินหนาน ความเย็นชาบนใบหน้าของเธอก็จางหายไปในพริบตา ดวงตาของเธอพลันหยีเป็นจันทร์เสี้ยว น้ำเสียงสดใสไพเราะพร้อมกับรอยยิ้มแสนหวาน
หลูเว่ยตงหันกลับมาด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงของสวี่ชิง อีกทั้งยังเห็นโจวจินหนานที่กำลังเข็นจักรยานเข้ามายืนนิ่งอยู่ที่ปากประตู ล้อหน้าของจักรยานเกินเข้ามาในประตูเพียงเล็กน้อย
เขาเห็นเหตุการณ์แล้วสินะ!
ดวงตาเรียวยาวและเฉียบคมราวกับถูกห่อหุ้มไปด้วยใบมีดคมกริบ จ้องมองมาที่เขาพร้อมความรู้สึกเย็นยะเยือก
การกระทำดังกล่าวทำให้หลูเว่ยตงสั่นสะท้าน เดิมทีเขาต้องการจะเผชิญหน้ากับโจวจินหนานโดยตรง แต่เขากลับไม่มีความกล้ามากพอ ได้แต่กำหมัดแน่นและเอ่ยขึ้น “โจวจินหนาน แกมันสารเลว!”
ก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างตื่นตระหนก
สวี่ชิงเพิกเฉยต่อหลูเว่ยตง ยิ้มหวานและช่วยจับคันบังคับจักรยาน “ทำไมพี่ไปนานนักล่ะคะ ฉันหิวจะแย่แล้ว เร็ว ๆ หน่อย เอามาให้ฉันก่อนเลย”
โจวจินหนานจ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ ของสวี่ชิง เธอแกล้งทำได้เก่งนัก และไม่มีจุดบกพร่องเลย
เขายื่นถุงตาข่ายที่แขวนอยู่บนคันบังคับออกมาให้สวี่ชิง
เฟิงซูฮวารู้สึกใจเต้นแรงตั้งแต่ที่หลูเว่ยตงเริ่มพูด กลัวว่าสวี่ชิงจะรับความจริงไม่ได้
แต่คาดไม่ถึงว่าสวี่ชิงจะสงบนิ่ง โดยไม่มีข้อสงสัยใด ๆ จึงได้แต่มองดูเธอเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารด้วยรอยยิ้มอ่อน
โจวจินหนานปะติปะต่อความผิดปกติของสวี่ชิงตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และรับรู้ได้ว่าเธอรู้ความจริงแล้ว
ไม่มีการถามซักไซ้ แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดมากที่เธอนิ่งเฉย
โจวจินหนานจอดรถจักรยานและเดินเข้าไป ในเมื่อสวี่ชิงรู้อยู่แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังกับเธออีก และบอกความจริงทั้งหมดกับเธอ
เขานั่งลงด้านข้างสวี่ชิง มองดูสวี่ชิงที่มีท่าทางหิวโหย ใช้ช้อนตักจ้วงและยัดเกี๊ยวเข้าไปในปากทีละชิ้น มุมปากเปียกชุ่มไปด้วยน้ำมันพริกสีแดงสด
ลูกกระเดือกของโจวจินหนานขยับเล็กน้อย ขณะเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากของสวี่ชิง “กินช้า ๆ หน่อย ผมซื้อแบบพิเศษมาให้ตั้งสองชุด”
สวี่ชิงประคองกล่องอาหาร ยิ้มและขมวดคิ้ว “อร่อยมาก ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้กินมานานเลย พอตอนนี้กลับมากินอีกก็อร่อยเหมือนเดิม ฉันจะให้คุณลองชิมดู”
เธอพูดพลางตักเกี๊ยวที่คลุกกับน้ำมันพริกสีแดงสดขึ้นมาและยื่นให้โจวจินหนาน แววตาดูขี้เล่นและเต็มไปด้วยความคาดหวัง “กินสิคะ อร่อยมากนะ”
ทันใดนั้นโจวจินหนานก็รับรู้ได้ถึงความอึดอัด ทั้งที่เธอรู้ความจริงแล้ว แต่ก็ยังปฏิบัติแบบนี้อยู่ เป็นคนที่มีความคิดพลังบวกมาก เมื่อคิดเช่นนั้น ดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีแดงเล็กน้อย เปิดปากและกินเกี๊ยวที่เธอยื่นมาให้
สวี่ชิงยิ้ม “อร่อยมากเลยใช่ไหมคะ? ถ้าได้ไปนั่งกินที่ร้านแผงลอยนะ มันจะอร่อยกว่านี้อีกค่ะ”
ขณะที่โจวจินหนานกำลังจะพูด เกาจ้านก็รีบวิ่งเข้ามาเรียกโจวจินหนานเสียก่อน “เร็วเข้า มากับฉัน เกิดเรื่องแล้ว”
โจวจินหนานเอื้อมมือออกไปลูบผมสวี่ชิง และรีบวิ่งตามเกาจ้านออกไป
สวี่ชิงที่ถือกล่องอาหารเหลือบมองแผ่นหลังของโจวจินหนานที่วิ่งออกไป
เฟิงซูฮวายังคงกังวลเล็กน้อย เมื่อโจวจินหนานออกไป นางก็พยุงไม้ค้ำและเดินไปนั่งตรงข้ามสวี่ชิง “ชิงชิง หลานคิดยังไงกับเรื่องที่พ่อหนุ่มคนนั้นพูด?”
สวี่ชิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “มันเป็นแค่ข่าวลือค่ะ หนูไม่เชื่อหรอก”
เฟิงซูฮวาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ใช่ๆๆ หลานกับโจวจินหนานอยู่ด้วยกันมาตั้งสองเดือน ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน น่าจะรู้ดีที่สุดว่าเขาเป็นคนแบบไหน จะปล่อยให้คนนอกเอาคำพูดแค่สองสามคำมาทำให้ไขว้เขวไม่ได้ ที่สำคัญที่สุด หลานมีลูกอยู่ในท้องแล้ว”
สวี่ชิงพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม พึมพำเบา ๆ และยัดเกี๊ยวเข้าไปในปาก
จนกระทั่งตอนบ่าย โจวจินหนานก็ยังไม่กลับมา ทำให้สวี่ชิงรู้สึกหงุดหงิดและไม่สบายใจเล็กน้อย
โจวจินหนานที่ออกไป ไม่ได้ไปทำธุระกับเกาจ้าน แต่เขาถูกพาไปกักตัวเพื่อสืบสวน
ระหว่างทางเกาจ้านรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาเอ่ยถามเบา ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะไปถึงทีมสืบสวน “สวี่ชิงรู้ความจริงหรือยัง?”
โจวจินหนานเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร
เกาจ้านคิดเพียงว่าโจวจินหนานรับรู้เรื่องที่สวี่ชิงรู้แล้ว เขาจึงพูดสบถหลายครั้งติดต่อกัน “เรื่องนี้แย่แน่ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแจ้ง มาบอกว่านายเป็นคนข่มขืนสวี่ชิง ทีมสืบสวนมาถามฉันจนฉันอยากจะกัดลิ้นตายไปซะ เดิมทีพวกเขาจะบุกไปหานาย แต่ฉันบอกว่าสวี่ชิงท้องอยู่ ส่วนคุณย่าก็แก่มากแล้ว การกระทำของพวกเขาจะทำให้คนตกใจเอา”
“พวกเขาเลยตกลงกันว่าให้ฉันมาตามนายแทน ไม่มีเวลาให้ได้สารภาพเลย ตอนนี้ฝั่งสวี่ชิงก็ลำบากกันมาก
”
ขณะที่เกาจ้านกำลังพูดพล่าม ทีมสืบสวนได้มาถึงแล้ว พวกเขาพยักหน้าเรียกโจวจินหนานให้มาขึ้นรถอีกคัน
และให้เกาจ้านเข้าไปในรถอีกคัน
เกาจ้านรู้สึกกระวนกระวายราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน กลัวว่าโจวจินหนานจะยอมจำนนต่อสิ่งที่เขาทำลงไป และยิ่งกลัวว่าคนพวกนี้จะบุกเข้าไปถามคำถามกับสวี่ชิง
ถ้าสวี่ชิงรู้ความจริง และให้คำว่าการผิดแม้แต่ประโยคเดียว พวกเขาจะผลักโจวจินหนานให้เข้าสู่กระบวนการรับโทษได้
นอกจากนี้คำสั่งการลับลำดับที่หนึ่งจะถูกเปิดเผย และผู้คนจำนวนมากจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรื่องนี้มีเงื่อนงำซับซ้อนจริงๆ ทำไมถึงไม่อยากให้สวี่ชิงรู้กันหนอ?
ไหหม่า(海馬)