เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 186 ประกาศศึก
บทที่ 186 ประกาศศึก
สวี่ชิงไม่ได้พูดถึงเรื่องที่สวี่หรูเยว่มาหาเธอ และเก็บงำความสงสัยเอาไว้อย่างดี อย่างไรเสียเธอก็ไม่ได้รับผลดีจากมันนัก คนที่ภูมิใจในเรื่องนี้คือฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่ต่างหาก
เพราะฉะนั้นเธอจะทำให้พวกหล่อนมีความสุขได้อย่างไร?
ในอีกไม่กี่วันโจวจินหนานจะต้องไปโรงพยาบาลทุกวัน เพราะเฉินหยิงไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา ในขณะที่บ้านสกุลโจวเริ่มจัดเตรียมงานศพ
สวี่ชิงกำลังยุ่งอยู่กับกิจการในร้านอาหาร และใช้เวลาในการทำรองเท้าคู่ใหม่ให้โจวจินหนาน ตอนนี้อากาศยังร้อนอยู่ เธอจึงเอาผ้าปูที่นอนผืนเก่าที่ชำรุดแล้วมาโปะทับกันทีละชั้น จากนั้นจึงเอาไปผึ่งให้แห้งใต้ต้นไม้ และเอามาใช้ทำพื้นรองเท้า
เฟิงซูฮวามองดูผ้าปูที่นอนพื้นใหญ่ที่วางอยู่บริเวณลานบ้าน และมองดูสวี่ชิงที่กำลังยุ่งอยู่กับการฉีกผ้าปูที่นอนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “หลานจะทำรองเท้ากี่คู่? ผ้าปูที่นอนในมือหลานยังดูใหม่อยู่เลย”
สวี่ชิงยิ้ม “ทำสักสิบคู่เป็นไงคะ ฉันว่าจะทำให้พี่โจวจินหนานสักสองสามคู่ ที่หน่วยงานของเขาหนาวมาก อีกอย่างสิ่งของประเภทรองเท้าก็มีราคาแพงมาก”
เฟิงซูฮวาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก “ก็ใช่ งั้นหลานจะต้องตอกชั้นยางที่พื้นรองเท้าให้ทนทานต่อการสึกหรอด้วย”
สวี่ชิงตอบรับด้วยรอยยิ้ม และทำพื้นรองเท้าต่ออย่างระมัดระวัง
เฟิงซูฮวาหรี่ตาลงขณะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยกิ่งก้านใบไม้ แสงแดดสาดส่องลงมาเป็นประกายผ่านช่องเล็กช่องน้อย ก่อนจะถอนหายใจ “ใกล้จะเดือนกันยายนแล้ว อากาศเริ่มจะเย็นลงทุกที”
สวี่ชิงตอบรับ “ใช่ค่ะ ฉันจะเริ่มเก็บเกี่ยวผักเอามาตากแดดทำผักดองเพิ่ม ส่วนพรุ่งนี้ฉันจะออกไปซื้อไหมาดอง”
เฟิงซูฮวาไม่รู้ว่าตนควรจะรู้สึกอย่างไรดี “ย่าไม่ได้เตือนให้หลานทำของดอง ย่าเตือนให้หลานหมั่นเรียนรู้ หนังสือที่ย่าให้ไป หลานอ่านจบไปกี่เล่มแล้ว? จำชื่อของพวกมันได้บ้างหรือยัง?”
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นในทันที “คุณย่าคะ ฉันยังขาดความสามารถ สำหรับกลุ่มโรคพวกนั้น มันถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มอาการทั่วไป กลุ่มสภาวะโรคลมชัก… ฉันออกเสียงไม่ค่อยได้เลยค่ะ”
เฟิงซูฮวายิ้มขณะมองดูเธอ “เริ่มแรกก็ยากเสมอ เอาไว้หลานเริ่มคุ้นเคยแล้วย่าจะสอนให้เอง”
สวี่ชิงยิ้มออกมาในทันที “ได้ค่ะ ถ้าคุณย่าสอนให้ ฉันจะต้องเรียนรู้ได้เร็วแน่ ถ้าให้ฉันอ่านเองคงจะเรียนรู้ได้ช้า”
เฟิงซูฮวาแสร้งทำเป็นไม่เห็นเล่ห์กลเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสวี่ชิง เด็กคนนี้ฉลาดและระมัดระวังตนเองพอตัว รับรู้ได้ว่าการเรียนรู้จากนางย่อมเร็วกว่ามาก
แต่นั่นก็ไม่เป็นไร
……
เย่เหม่ยรออยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวันแล้ว แต่กลับไม่ได้ยินข่าวคราวการขัดแย้งของสวี่ชิงกับโจวจินหนาน หล่อนแอบไปดูที่สถานีรถไฟถึงสองสามครั้งก็เห็นสวี่ชิงยิ้มแย้มอยู่เสมอ
บางครั้งเธอก็เดินเคียงคู่ไปกับโจวจินหนาน แววตาช่างดูอ่อนโยนยิ่งนัก ไม่มีแม้แต่ร่องรอยความขุ่นเคืองหลงเหลืออยู่
ในใจจึงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย สวี่ชิงไม่สนใจจริงหรือ?
หรือยังไม่เชื่อในสิ่งที่สวี่หรูเยว่พูด
หล่อนจึงกลับไปถามสวี่หรูเยว่ “เธอแน่ใจใช่ไหมว่าบอกสวี่ชิงไปแล้ว?”
สวี่หรูเยว่ที่กำลังแทะข้าวโพดมองดูเย่เหม่ยด้วยสายตาว่างเปล่า “ก็อย่างที่เธอบอก นังสวี่ชิงไม่เห็นมีท่าทีอะไรเลย นี่น่ะเหรอการแก้แค้นที่เธอพูดถึง?”
เย่เหม่ยขมวดคิ้ว “มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นเธอ และมีคนมาบอกว่าใครข่มขืนเธอ เธอจะนิ่งอยู่แบบนี้หรือไง?”
สวี่หรูเยว่นึกถึงหลี่ต้าหย่งในทันที พลันรู้สึกเกลียดชังจนไม่สามารถกินข้าวโพดในมือต่อไปได้ เขวี้ยงมันลงบนโต๊ะด้วยความโกรธจัด “เธอกล้าดียังไงถึงมายกตัวอย่างกับฉัน?”
เย่เหม่ยจ้องมองเธอ “เพราะงั้นถ้าเป็นเธอ เธอก็คงจะโกรธ แต่นี่สวี่ชิงไม่ตอบสนองเลย มันค่อนข้างผิดปกติอยู่นะ”
สวี่หรูเยว่ถอนหายใจ “ฉันคิดว่าสวี่ชิงคงจะหวังให้คนที่ข่มขืนเธอคือโจวจินหนาน เพื่อที่ต่อจากนี้ไปหล่อนจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเผชิญหน้ากับทางบ้านสกุลโจวได้”
เย่เหม่ยเท้าคางและกลั่นกรองความคิดจากก้นบึ้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมสวี่ชิงถึงไม่สงสัยในตัวของโจวจินหนาน หรือว่าพิษของโจวจินหนานไม่ใช่พิษรูปแบบเดียวกับที่หล่อนคิด?
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าใด หล่อนก็ยิ่งอยากรู้มากเท่านั้น ก่อนจะตัดสินใจออกไปดูด้วยตนเอง ไม่อยากคาดหวังอะไรกับคนไร้ประโยชน์อย่างฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่แล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หล่อนมาดักรอสวี่ชิงระหว่างเดินทางไปที่สถานีรถไฟ แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเหลือบเห็นไป๋หลางสุนัขหน้าตาอัปลักษณ์ ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ออกมาหยุดสวี่ชิง
“สวี่ชิง ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
สวี่ชิงมองดูเย่เหม่ยที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน อีกฝ่ายอยู่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นที่ดูไม่เข้ากับตัวนัก ผมถูกรวบขึ้นเป็นมวย ปักด้วยปิ่นปักผมสีเงิน ดูโดดเด่นยิ่งนัก
เธอเลิกคิ้ว “กับฉัน?”
เย่เหม่ยไม่อยากจะเสียเวลามากนัก “เธออยากรู้เกี่ยวกับอาการของแม่เธอไหมล่ะ?”
สวี่ชิงไม่เชื่อว่าเย่เหม่ยจะเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา อีกฝ่ายก็แค่อยากจะได้แหวนวงนั้น เธอจึงแสยะยิ้มและพูดว่า “เธอเกิดนึกใจดีขึ้นมาหรือไง?”
เย่เหม่ยขมวดคิ้ว “ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ หลังจากที่แม่ของเธอหายตัวไป หล่อนก็เอาแหวนประจำตำแหน่งแม่มดออกไปด้วย ตอนนี้ที่หมู่บ้านสกุลเย่ของเราไม่มีการสืบทอดตำแหน่งแม่มดคนต่อไป อีกทั้งยังโดนกลั่นแกล้งจากหมู่บ้านอื่น ฉันเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นแม่มดคนถัดไป ที่ฉันมาในครั้งนี้ก็เพราะว่าอยากจะได้แหวนวงนั้นคืน”
“ส่วนแม่ของเธอ เธอก็รู้ดีว่าผู้คนในหมู่บ้านของเราไม่สามารถแต่งงานกับบุคคลภายนอกได้ แต่หล่อนดันไปชอบผู้ชายข้างนอกและหนีไปกับเขา ฉันก็นึกว่าเขาจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสวี่จื้อกั๋ว”
“ผู้ชายอย่างสวี่จื้อกั๋วน่ะนะ ยามรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านเรายังดีกว่าเขาเลย ไม่รู้ว่าแม่เธอหลงใหลอะไรในตัวเขานัก ถึงได้หนีไปกับเขา?”
สวี่ชิงไม่พูด เพียงแต่ฟังเรื่องราวของแม่จากเย่เหม่ยเงียบ ๆ
แม้ความน่าเชื่อถือจะมีไม่สูงนัก แต่สวี่ชิงก็เชื่อว่าเย่เหม่ยไม่ได้โกหก แม่ของเธออาจจะเป็นพวกคลั่งรัก ถึงได้สละทรัพย์สมบัติหนีออกมากับผู้ชาย
เธอไม่รู้เกี่ยวกับหมู่บ้านแม้วมากนัก แต่รู้ว่ามีเพียงไม่กี่คนที่สามารถออกมาแต่งงานได้
และต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอยู่นอกบ้าน
เมื่อเย่เหม่ยเห็นว่าสวี่ชิงไม่ได้พูดอะไร หล่อนจึงพูดต่อ “แค่ให้แหวนวงนั้นกับฉัน แล้วฉันจะกลับไปสืบทอดตำแหน่งแม่มดที่หมู่บ้านสกุลเย่ ส่วนเธอก็ใช้ชีวิตที่นี่อย่างมีความสุข คงจะดีกว่าใช่ไหมล่ะ”
หล่อนพูดเช่นนั้นและก้าวมาข้างหน้า ขณะที่สวี่ชิงถอยหลังกลับ “ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่เคยเห็นแหวนวงนั้น และที่นี่ก็ไม่ใช่หมู่บ้านสกุลเย่ด้วย ถ้าเธอคิดจะเล่นเล่ห์เพทุบายล่ะก็ ฉันเกรงว่าเธอจะไม่มีวันได้กลับไปบ้านสกุลเย่อีก”
เย่เหม่ยหัวเราะออกมาในทันที “ถ้าแม่เธอฉลาดพอ ๆ กับเธอ แม่เธอก็คงจะไม่พบกับจุดจบที่ทุกข์ทรมานแบบนั้นหรอก คุยกันมาตั้งนาน ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ฉันเป็นน้าของเธอ เป็นลูกสาวจากบ้านคุณลุงของแม่เธอ”
สวี่ชิงเลิกคิ้วขึ้น “ฉันจำได้ว่าตำแหน่งแม่มดจะถูกส่งต่อจากแม่สู่ลูกสาว เพราะงั้นคุณยายของฉันไม่ส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ และเธอก็ไม่มีส่วนคุณสมบัติในการเป็นแม่มด”
ทว่าเย่เหม่ยไม่ได้โกรธ “ฉันมาที่นี่เพื่อบอกเธอว่าฉันต้องการแหวนคืนและฉันสืบทอดตำแหน่งแม่มด! ถ้าเธอมีความสามารถนักก็ปกป้องแหวนเอาไว้ให้ได้แล้วกัน”
หลังจากพูดเช่นนั้น หล่อนก็บิดตัวหันกลับไปอย่างเย่อหยิ่ง
สวี่ชิงเหลือบมองแผ่นหลังของเย่เหม่ยที่ส่ายยักย้ายราวกับงูน้ำ ครั้งนี้หล่อนมาเพื่อประกาศศึกใช่ไหมนะ?
เดิมทีเธอตั้งใจจะไปที่ร้านอาหาร แต่สุดท้ายเธอก็กลับบ้านไปคุยกับเฟิงซูฮวา
เฟิงซูฮวาขมวดคิ้วหลังจากฟังเรื่องราวจากสวี่ชิง “หล่อนพูดว่างั้นเหรอ?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันรู้สึกว่าหล่อนกำลังท้าทายฉัน ฉันกลัวว่าหล่อนจะใช้วิธีสกปรกมาเล่นงานฉัน แล้วฉันจะรับมือไม่ไหว”
เธอไม่รู้อะไรเลย นอกจากวิธีการฝังเข็มธรรมดา
เฟิงซูฮวาหรี่ตาลงซ่อนแสงเย็นเยือกในดวงตา “กลายเป็นว่าหล่อนคิดขยายอาณาเขตหมู่บ้านด้วยสินะ เมื่อไหร่ที่เกิดการช่วงชิงอาณาเขต เมื่อนั้นความเดือดร้อนจะบังเกิด และถ้าจะใช้วิธีการร้ายกาจที่สุด วิธีการนั้นคือการใช้กู่!”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชิงชิงต้องรีบอัพแพตช์แล้วนะคะ แม่มดมาประกาศศึกต่อหน้าแล้ว เดี๋ยวต้านวิชาไม่อยู่
ไหหม่า(海馬)