เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 183 ใครฉลาดกว่ากัน
บทที่ 183 ใครฉลาดกว่ากัน
ร่างกายโจวจินหนานพลันแข็งเกร็ง ความทรงจำเลวร้ายที่มีแต่เดิมได้ดับมอดลงเพราะสวี่ชิง
เขาบรรจงวางมือลงบนศีรษะของเธออย่างช่วยไม่ได้ “คุณอย่าท้านะ”
สภาพร่างกายตอนนี้ของเธอยังไม่เหมาะที่จะทำเรื่องพรรค์นั้น
สวี่ชิงแค่นเสียง “ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ที่ไม่เคยมีใครต้องการ กลับกลายเป็นว่าคุณต้องการตอบแทนบุญคุณที่ฉันช่วยชีวิตไว้นี่เอง”
สวี่ชิงพลันรู้สึกไม่สบายใจ เธอมีความคาดหวังเล็กๆ ตรงที่ไม่ได้อยากให้เขาตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แค่คาดหวังว่าเขาจะชอบเธอเท่านั้น
โจวจินหนานประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธอ “ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าต้องตอบแทนบุญคุณหรอก แต่ผมดีใจที่ได้มาพบคุณต่างหาก”
ริมฝีปากบางประทับไปตามคิ้ว สันจมูก และริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน
ทั้งอ่อนโยนและรักใคร่
สวี่ชิงจะทนต่อความอ่อนโยนนี้ของโจวจินหนานได้อย่างไร ในที่สุดเธอก็รู้สึกราวกับว่ากำลังละลายกลายเป็นน้ำภายในอ้อมแขนของเขา
ในห้วงเสน่หาตอนนี้นี่เอง สวี่ชิงได้ทอดกายลงบนเตียง ก่อนจะได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาของโจวจินหนาน “ภรรยา… ”
น้ำเสียงแผ่วเบานุ่มนวลนั้นราวกับหลอมละลายที่ปลายลิ้น เปี่ยมด้วยแรงปรารถนาอันติดตรึง
…………
อีกด้านหนึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เย่เหม่ยกำลังศึกษาเกี่ยวกับพิษจากตระกูลสวี่ที่ทำให้โจวจินหนานตาบอด
แต่การไขปริศนายังไม่เป็นผล
เมื่อไม่นานมานี้ฟางหลานซินเอาแต่เก็บตัวเงียบเพราะข่าวฉาวของลูกสาวจนไม่ยอมทำกับข้าว ได้แต่ทำของกินอย่างง่าย ๆ
เย่เหม่ยคร้านที่จะโต้เถียงกับหล่อน เอาแต่นอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงว่าสวี่ชิงจะเอาแหวนไปซ่อนไว้ในที่ใด?
แล้วโจวจินหนานได้รับพิษชนิดใดเข้าไปกันแน่?
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้องก็เริ่มร้องไม่หยุด หล่อนหิวมากจนไม่มีสมาธิขบคิดเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ได้ และตัดสินใจว่าหากพรุ่งนี้ฟางหลานซินยังไม่ลุกขึ้นมาทำอาหาร ก็อย่าหาว่าหล่อนไร้ปรานี
ในตอนที่หล่อนลังเลเล็กน้อยว่าจะออกไปหาอะไรกินดีหรือไม่ เสียงทุบประตูก็ดังมาจากห้องนั่งเล่น
พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญเบาๆ
ฟางหลานซินลุกขึ้นไปเปิดประตู จากนั้นสวี่หรูเยว่ก็เอ่ยขึ้นพลางสะอึกสะอื้น “แม่ ฉันจะหย่า โจวจินซวนตบตีฉัน”
เย่เหม่ยรู้สึกว่าน่าสนใจไม่น้อย จึงลุกขึ้นออกไปเสพความสนุก
ซีกหน้าของสวี่หรูเยว่ข้างหนึ่งบวมตุ่ยขึ้นมา อีกทั้งมุมปากยังเปื้อนเลือด ดวงตาปูดเขียวช้ำ
ฟางหลานซินถึงกับเดือดดาลขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของลูกสาว “ไอ้ตัวดีโจวจินซวน ทำกันเกินไปแล้วนะ กล้าตบตีลูกแบบนี้ได้ยังไง!”
สวี่หรูเยว่ร้องไห้โฮ “แม่ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ทั้งครอบครัวเขารู้แล้วว่าฉันไม่ได้ท้องลูกของโจวจินซวน ทั้งครอบครัวนั้นเลยไม่สนใจใยดีฉัน แถมโจวจินซวนยังตบตีฉันด้วย”
ยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ได้พูดออกไป นั่นคือเมื่อเฉินหยิงรู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของโจวจินซวน นางก็โกรธจัดกระทั่งเป็นลมเป็นแล้งจนคนในครอบครัวต้องนำส่งโรงพยาบาล
อีกทั้งโจวเฉิงเหวินก็โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ เขารีบไปที่โรงพยาบาลโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดสักคำ
ส่วนซูฮุ่ยหรูพุ่งเข้ามาตบหน้าหล่อน ด่าหล่อนว่านังแพศยา นังชั้นต่ำ
สวี่หรูเยว่ไม่อาจรับถ้อยคำผรุสวาทเช่นนี้ได้ หล่อนคิดตอบโต้ซูฮุ่ยหรู แต่กลับโดนโจวจินซวนตบตีอย่างแรง
หากไม่วิ่งออกมา ก็อาจถูกพวกเขาฆ่าตาย
ฟางหลานซินเอื้อมสองมือไปประคองใบหน้าของสวี่หรูเยว่อย่างระมัดระวัง ตัวสั่นด้วยความชอกช้ำระกำใจ “นี่มันมากเกินไป มันเกินไปจริง ๆ ฉันจะไปที่บ้านตระกูลโจวเพื่อสะสางบัญชีกับพวกเขา ต้องถามให้แน่ชัดว่าสั่งสอนลูกชายมาได้ยังไง”
เย่เหม่ยที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ช่างน่าสนใจเสียจริง ลูกสาวของเธอไม่ได้ตั้งท้องกับคนในตระกูลนั้น มันก็สมควรแล้วที่เธอจะโดนตบแบบนี้”
ฟางหลานซินได้สติกลับมาก่อนจะมองไปยังสวี่หรูเยว่ “ครอบครัวของพวกเขารู้เรื่องแล้วหรอ?”
สวี่หรูเยว่พยักหน้าโศกเศร้า “ไม่ใช่แค่คนในครอบครัวของพวกเขาที่รู้ แต่ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยก็รู้กันหมดแล้วค่ะ”
ฟางหลานซินกัดฟันกรอด “หวังไก๋ฮวานังตัวดี รอฉันก่อนเถอะ!”
เย่เหม่ยพึมพำขึ้นมา “ไม่สงสัยสวี่ชิงบ้างหรอ? เป็นไปได้ไหมว่าพวกนั้นรู้แผนการณ์ของเธอแล้ว ถึงได้โต้กลับมาแบบนี้?”
ฟางหลานซินส่ายศีรษะ “ครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของสวี่ชิงแน่นอน หวังไก๋ฮวาไม่ได้หมายหัวแค่สวี่หรูเยว่แต่รวมถึงตัวนังสวี่ชิงด้วย ชีวิตของสวี่ชิงตอนนี้ดีมากพอแล้ว มีแค่นังโง่หวังไก๋ฮวาเท่านั้นที่ขัดขวางแผนการนี้ให้หล่อน”
คิ้วของเย่เหม่ยขมวดมุ่น หล่อนไม่ได้โง่เหมือนสองแม่ลูกคู่นี้
อาจเป็นแผนการของสวี่ชิงที่ยืมมือคนอื่นมาเล่นงานก็ได้?
เมื่อต้องทนฟังสวี่หรูเยว่ร้องห่มร้องไห้ หล่อนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “พอกันที เลิกร้องไห้โอดครวญได้แล้ว เธอจะรอดจากการถูกทุบตีได้ เพียงแค่วางยาพิษครอบครัวนั้นซะ”
สวี่หรูเยว่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะจ้องมองไปยังเย่เหม่ยด้วยแววตาขื่นขม: “นั่นมันผิดกฎหมายนะคะ”
เย่เหม่ยหัวเราะ “เพราะเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่อยู่แบบนี้ไงถึงสมควรโดนเขาตบตีมาแบบนั้น ไม่อยากลงโทษสวี่ชิงบ้างหรอ ฉันบอกเคล็ดลับให้เอาไหม?”
ฟางหลานซินและสวี่หรูเยว่มองไปที่เย่เหม่ยอย่างชั่งใจ ถึงอย่างไรเย่เหม่ยก็เป็นผู้มาขออาศัยอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังเอ่ยปากว่าจะช่วยสองแม่ลูกคู่นี้ หากแต่อยู่มาเนิ่นนานเธอกลับไม่ลงมือทำสิ่งใดเลย แค่เพียงนั่งร่ายมนตร์แปลก ๆ อยู่ภายในห้องเท่านั้น
เย่เหม่ยยักไหล่ “ถ้าอยากรู้ก็รีบทำบะหมี่ใส่ไข่สองฟองและพริกอีกสักชามให้ฉันก่อนสิ”
ฟางหลานซินไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไรนัก แต่เมื่อนึกถึงวิธีการวางยาพิษของเย่เหม่ยแล้ว หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะมีความหวังอันริบหรี่ ยอมเดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารให้เย่เหม่ยทันที
เย่เหม่ยยืนพิงประตูพร้อมกับกอดอกมองดูหญิงโง่เขลาที่ยืนอยู่ภายในห้องครัว
สมควรแล้วที่โดนรังแกอยู่ทุกวัน
……
วันต่อมาสวี่ชิงและโจวจินหนานก็ได้รับข่าวว่าเฉินหยิงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
หลังจากกิจกรรมยามค่ำคืน สวี่ชิงเริ่มรู้สึกเหมือนตนเองเป็นสัตว์ร้ายตัวน้อยที่ไม่รู้จักพอ เอาแต่คลอเคลียข้างโจวจินหนานอยู่ตลอด
ซึ่งผลของการทำแบบนั้นคือความเหนื่อยล้าจนไม่อาจตื่นเช้าได้ แต่เมื่อตื่นขึ้นมากลับได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่บริเวณลานบ้าน
เมื่อตั้งใจฟังอย่างถี่ถ้วน ปรากฎว่าเป็นเสียงของโจวเฉิงเหวิน
หลังจากนอนครุ่นคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้น สวี่ชิงจึงลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าหวีผมแล้วเดินออกไปเพื่อพบปะผู้คนข้างนอก
เมื่อมองออกไปยังสวนหลังบ้าน ก็เห็นโจวจินหนานและโจวเฉิงเหวินนั่งอยู่ด้วยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง ส่วนคุณย่ากำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัว
เมื่อเห็นสวี่ชิงเดินออกมาแล้ว โจวเฉิงเหวินก็พยักหน้าให้เธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะหันไปพูดกับโจวจินหนานอีกครั้ง “คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านยังไม่ฟื้นเลย ลูกกับชิงชิงรีบไปเยี่ยมเถอะ”
โจวจินหนานพยักหน้ารับ “อีกเดี๋ยวเราจะไปกันแล้วครับ”
โจวเฉิงเหวินถอนหายใจอย่างอึดอัด “น่าเสียดายที่ครอบครัวของเราพบเจอกับเรื่องเช่นนี้ บางทีคุณยายอาจไม่อยากตื่นขึ้นมาเพื่อยอมรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น”
หลังจากได้ยินสองประโยคนั้น สวี่ชิงรู้ได้ทันทีว่าเฉินหยิงต้องโมโหมากจนถึงขั้นต้องรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ เธอรู้สึกอายเกินกว่าจะอยู่ทนฟังเรื่องราว จึงรีบเดินไปที่ห้องครัวเพื่อช่วยเฟิงซูฮวาทำอาหารเช้า
เฟิงซูฮวากำลังก้มโยนฟืนชิ้นหนึ่งเข้าไปในเตาถ่าน ก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วมองหน้าสวี่ชิงด้วยแววตามีเลศนัยที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้ เตือนเธอว่า “ร่างกายของหลานยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำเรื่องแบบนั้นนะ ถึงร่างกายของคนหนุ่มสาวจะยังมีพลัง แต่ก็ควรอดใจกันหน่อย”
สวี่ชิงหน้าแดงก่ำเมื่อรู้ว่าคุณย่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืน “คุณย่า….”
เฟิงชูหัวหัวเราะขึ้นทันทีเมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า “หลานยังขี้อายเหมือนเดิมไม่มีผิดเลยนะ ว่าแต่…คุณย่าของสามีหลานเข้าโรงพยาบาลแล้ว อย่างไรหลานก็ควรไปเยี่ยมท่านสักหน่อยนะ”
สวี่ชิงตอบอ้อมแอ้มในลำคอ “ค่ะ”
ทั้งสองทำอาหารเช้ากันจนเสร็จก่อนจะออกมาพบว่าโจวเฉิงเหวินกลับไปแล้ว เหลือเพียงโจวจินหนานเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
สวี่ชิงก้าวเดินไปหาเขาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกาย “คุณย่าเป็นยังไงบ้างคะ?”
โจวจินหนานส่ายศีรษะ “อาการไม่ค่อยสู้ดีนัก ผมจะไปหาท่านหลังกินอาหารเสร็จ คุณไม่ต้องไปหรอก”
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจจึงเอ่ยถามออกไป “ทำไมล่ะคะ? ให้ฉันไปด้วยเถอะ”
โจวจินหนานชำเลืองมองเธอ “โจวเฉิงเฉียนกับภรรยาของเขาก็อยู่ที่นั่น”
สวี่ชิงเริ่มไม่พอใจ เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความรู้สึกขัดใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันยิ่งต้องไปค่ะ หากพวกเขารังแกคุณขึ้นมาฉันจะได้ปกป้องคุณได้ เรื่องการใช้กำลังฉันอาจสู้คุณไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องฝีปากฉันก็มั่นใจว่าจะชนะ”
เดิมทีในจิตใจของโจวจินหนานรู้สึกเศร้าหมองเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ชิงแล้วก็รู้สึกขบขันขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นเราไปด้วยกัน ถึงเวลานั้นคุณก็ปกป้องผมด้วยนะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เบาๆ กันได้ไหมน่ะคู่นี้ ชิงชิงกำลังท้องกำลังไส้นะ
งามไส้ตระกูลโจวแล้วไหมล่ะหรูเยว่ ว่าแต่เย่เหม่ยมีแผนอะไรต่อนะ
ไหหม่า(海馬)