เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 182 พบกันครั้งแรกเมื่อสี่ปีที่แล้ว
บทที่ 182 พบกันครั้งแรกเมื่อสี่ปีที่แล้ว
สวี่ชิงดูมีความสุขขึ้นทันที “ของขวัญอะไร เตรียมมาเมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยคะ”
โจวจินหนานเห็นท่าทางนั้นก็ยิ้มชอบใจ “คุณกินก่อนเถอะ เดี๋ยวจะให้ทีหลัง”
สวี่ชิงกินอาหารด้วยความสุขล้น ลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปทันที
เฟิงซูฮวาเฝ้ามองดูคู่รักหนุ่มสาวด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ แต่ไม่นานก็กังวลเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสวี่ชิง นางเป็นห่วงและกังวลว่าหลานสาวจะสามารถแข่งขันกับผู้ที่มาจากเหมียวเจี่ยงและแย่งชิงตำแหน่งแม่มดได้หรือไม่?
หลังกินอาหารเสร็จเรียบร้อย สวี่ชิงก็ล้างจานรวมถึงเช็ดทำความสะอาดครัวอย่างรวดเร็ว เธอรอแทบไม่ไหวที่จะลากโจวจินหนานกลับไปยังห้อง
“มันคืออะไรเหรอ? รีบเอามาให้ฉันดูสิคะ”
เนื่องจากครั้งก่อนโจวจินหนานได้มอบผ้าพันคอให้เธอหนึ่งผืนเป็นของขวัญชิ้นล่าสุด สวี่ชิงจึงตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ
โจวจินหนานจับตัวสวี่ชิงให้นั่งลงบนเตียงก่อนที่เขาจะหยิบกล่องของขวัญซึ่งถูกห่อด้วยผ้าสีแดงขึ้นมา
สวี่ชิงจ้องมองไปยังสิ่งนั้นด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย เพราะอะไรเขาถึงทำให้เหมือนมันเป็นพิธีการอะไรบางอย่าง
โจวจินหนานทิ้งตัวนั่งลงข้างสวี่ชิง ก่อนจะส่งมอบของชิ้นนั้นให้เธอ “คุณดูสิ”
สวี่ชิงรับของปริศนาที่ห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในมือก่อนจะบีบมันแน่นเพื่อคาดเดาสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าผืนนั้น ความรู้สึกแรกหลังจากสัมผัสคือความแข็ง เธอจึงเปิดมันออกก่อนจะพบเข้ากับรูปเสมือนของเธอที่ถูกแกะสลักด้วยไม้มะเกลือ
ไม้มะเกลือถูกขัดเงาจนเรียบเนียนเป็นเงา มันช่างเป็นงานที่ละเอียดอ่อน ทั้งคิ้วและดวงตาดูละมุน และยังมีมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างเอียงอาย
สวี่ชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา โจวจินหนานช่างมีฝีมือจริงๆ ผมเส้นเล็กถูกแกะสลักให้เรียงตัวกันอย่างประณีต รวมถึงคิ้วและดวงตา ทำให้ตุ๊กตาไม้แกะสลักชิ้นนี้มีชีวิตชีวาราวกับพูดได้ขึ้นมา
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งเดียวที่บกพร่อง คือบริเวณด้านหน้าของหน้าผากตุ๊กตากลับมีผมหน้าม้าหนา ถึงแม้จะเป็นหน้าม้าบางๆ แต่มันก็ไม่เข้ากับเธอเลย
เนื่องจากหลังกลับมาเกิดใหม่เธอก็ไม่เคยไว้ผมหน้าม้าอีก เผยให้เห็นหน้าผากเรียบเนียนของเธอ และนั่นทำให้ดวงตาของเธอเปล่งประกายมากขึ้น
แต่ในตอนที่โจวจินหนานเห็นเธอ เธอไม่ได้ไว้ผมหน้าม้าแล้วเหรอ?
เป็นไปได้ไหมว่าโจวจินหนานจะชอบผู้หญิงที่ไว้ผมหน้าม้า?
เธอจ้องมองมายังคนตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย “ทำไมถึงมีผมหน้าม้าด้วยล่ะคะ? พี่ไม่เห็นเหรอว่าฉันไม่ได้ไว้ผมหน้าม้า?”
เธอพูดพร้อมสัมผัสหน้าผากของตนเอง “พี่เอารูปแกะสลักของหญิงอื่นมาให้ฉันหรือเปล่าเนี่ย?”
โจวจินหนานจึงตระหนักได้ว่าตนเองทำผิดพลาด งานแกะสลักนี้เป็นภาพของสวี่ชิงตามจินตนาการของเขา แต่เมื่อดวงตาของเขาหายดีพอจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ เขาก็ได้แกะสลักส่วนเรือนผมของตุ๊กตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก แต่สวี่ชิงกลับมองเห็นจุดแตกต่างตรงนั้นได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นแววตาของสวี่ชิงโจวจินหนานรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิด เขาจึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “ผมเคยเห็นคุณมาก่อน ก่อนที่จะกลับมามองเห็นอีกครั้ง ดังนั้นรูปแกะสลักนี้จึงเป็นรูปลักษณ์ของคุณในสมัยก่อน ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณไว้ผมหน้าม้า”
สวี่ชิงยิ่งประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม “พี่เคยพบฉันมาก่อนเหรอ? ตอนไหน เมื่อไหร่กัน?”
โจวจินหนานเอื้อมมือไปลูบไล้บนแก้มนุ่มของสวี่ชิงก่อนจะใช้มืออีกข้างกุมมือเธอและลูบไล้บริเวณนิ้วหัวแม่มืออย่างอ่อนโยน “เมื่อสี่ปีที่แล้ว ช่วงฤดูใบไม้ผลิ”
สวี่ชิงพยายามนึกคิดถึงช่วงเวลานั้น สี่ปีที่แล้วเธอคงอายุน้อยกว่าสิบหกปีและเพิ่งเข้าศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง ในฤดูใบไม้ผลิของปีนั้น ทางโรงเรียนได้จัดทริปไปยังสถานที่ที่ยากลำบากที่สุดเพื่อให้เด็กนักเรียนได้สัมผัสประสบการณ์ชีวิต จึงได้ไปยังหมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาเล็ก ๆ ในหลงซี เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในท้องที่ อีกทั้งยังต้องทำอาหารกินเองด้วย
ทำไมเธอถึงไม่มีความทรงจำในช่วงที่พบโจวจินหนาน ณ ขณะนั้นเลยล่ะ?
โจวจินหนานก้มศีรษะลงมาจนปลายจมูกของทั้งคู่แตะเข้าด้วยกัน“คุณจำได้ไหมว่าเคยช่วยคน ๆ หนึ่งไว้?”
สวี่ชิงเริ่มคิดย้อนกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ช่วงนั้นไม่มีแป้งขัดขาว อีกทั้งแป้งข้าวโพดก็มีจำกัดเช่นกัน
โดยที่สวี่ชิงจำเป็นต้องรับผิดชอบทำอาหารให้กับสมาชิกในกลุ่มจำนวนสิบคน
เนื่องจากทำอาหารที่บ้านบ่อย เธอจึงมีฝีมือในการทำอาหารเก่งกาจพอตัว สามารถคำนวณว่าจะกินมันฝรั่งอย่างไรให้เพียงพอกับความต้องการอาหาร หากช่วงเวลาไหนไม่ได้ทำงานก็จะทำเกี๊ยวมันฝรั่งหรือต้มมันฝรั่งในข้าวโพดเหลว
เวลาต้องทำงานก็จะทำบัวลอยไส้ผักป่าด้วยแป้งก้นหม้อ
ช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นไม่ค่อยมีผลผลิตอื่นมากมายนัก นอกจากพวกผักป่า
ครั้งหนึ่งเมื่อสวี่ชิงต้องขึ้นไปขุดผักป่าบนหุบเขา เธอบังเอิญพบเข้ากับชายคนหนึ่งนอนอยู่ในคูโคลนด้วยร่างกายที่สกปรกและขาที่บาดเจ็บ
เมื่อมองเห็นเขาอยู่ในสภาพนั้น ในใจก็เกิดรู้สึกประหม่าขึ้นมา แต่หากจะให้เดินหันหลังกลับไปแล้วทอดทิ้งเขาให้นอนจมโคลนตมก็ทำไม่ได้เช่นกัน
หลังจากตระหนักคิดอยู่เนิ่นนาน เธอจึงเดินไปลากชายคนนั้นขึ้นมาจากคูโคลน ก่อนจะพาเขาเข้าไปในถ้ำแห้งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
เธอวิ่งไปที่แม่น้ำเพื่อเติมเข้าในกาแล้ววางไว้ข้างชายคนนั้น ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปเพราะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมา
ประเด็นสำคัญคือหากเขาคนนั้นตื่นมาแล้วไม่ใช่คนดี จะทำเช่นไร?
สวี่ชิงโยนสิ่งของของชายคนนั้นลงก่อนจะวิ่งหนีไปพร้อมกับความคิดภายในจิตใจที่ตีกันยุ่งเหยิง เมื่อตกกลางคืน เพื่อนร่วมชั้นกลับมาจากที่ทำงาน พวกเขากำลังจะเล่าเรื่องที่ประสบพบเจอมาในวันนั้นให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง เมื่อทุกคนอยากรู้อยากเห็นจึงพาจับกลุ่มล้อมวงกันเข้าไปนั่ง
นั่นทำให้ผู้คนทยอยกันออกไป เหลือเพียงจานที่ว่างเปล่าและกาต้มน้ำ
สวี่ชิงไม่ได้สนใจหน้าตาของชายคนนั้นสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่โจวจินหนานเอ่ยถึงเรื่องนี้ ดวงตากลมโตของเธอกลับเบิกกว้างขึ้นมาทันที “คุณคือชายคนที่นอนจมโคลนเนื้อตัวสกปรกนั่นเหรอ?”
โจนจินหนานพยักหน้ารับ “ใช่ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ ผมคงตายอยู่ในคูโคลนนั้นไปแล้ว”
สวี่ชิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ “ตอนนั้นผมของคุณยาวมากแล้วบนหน้าก็เต็มไปด้วยลอยแผล แถมยังสกปรกมากด้วย”
โจวจินหนานยกยิ้มขึ้น “ตอนนั้นผมปฏิบัติภารกิจลับซึ่งเกี่ยวข้องกับเหมืองหายาก ดังนั้นจึงต้องมีการปรับแต่งโฉมหน้า นั่นเป็นสาเหตุที่ใบหน้าของผมเปลี่ยนไปจากตอนนี้ ผมเป็นสายอยู่ในนั้นมาสองปีก่อนจะถูกคนวงในหักหลัง วันนั้นอีกฝ่ายปิดล้อมภูเขา พอจะหนีเอาชีวิตรอดก็ดันพลาดตกลงไปในคูน้ำเหม็นเน่า”
เขาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำไม่ปกปิดสิ่งใด แต่สวี่ชิงกลับเป็นกังวลเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาประสบพบเจออันตรายในช่วงเวลานั้น
“ถ้าฉันรู้ว่าเป็นคุณ คงพากลับไปที่ค่ายแล้วทำแผลให้แล้ว”
โจวจินหนานยกยิ้มอีกครั้งพรางใช้มือลูบไล้บริเวณคิ้วของเธอ “ ชิงชิง ผมอายุมากกว่าคุณแปดปี มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าคุณมากนัก ผมเข้าเรียนเป็นนักเรียนนายร้อยตอนอายุสิบแปด เข้าร่วมปฏิบัติการภารกิจลับ ได้เห็นความมืดมิดของจิตใจตนเองและผู้คนมามาก การทำให้มือคุณเปื้อนเลือดนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น มันช่างไม่ยุติธรรมสำหรับคุณเลยที่จะมาแต่งงานกับผม ”
สวี่ชิงรีบเงยหน้าขึ้นพยายามจะเอ่ยปากพูดเพื่อให้โจวจินหนานไม่คิดเช่นนั้น แต่กลับถูกเขาใช้นิ้วหัวแม่มือแตะเข้าบริเวณริมฝีปาก “ดังนั้นที่ผมชอบกินเกี๊ยวมันฝรั่งก็เป็นเพราะคุณ”
สวี่ชิงคร่ำครวญก่อนจะโอบกอดรอบคอของโจวจินหนาน “คุณยังไม่ได้ตอบแทนฉันเลยที่ช่วยชีวิตพี่เอาไว้ เพราะฉะนั้นคุณต้องทำสัญญาด้วยร่างกายของคุณเท่านั้น โจวจินหนาน ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณช่างร้ายกาจนัก ตอนนั้นฉันยังอายุไม่ถึงสิบหกด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินดังนั้นโจวจินหนานก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ก็ตอนนั้นผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย”
สวี่ชิงมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด “แล้วคุณมีความคิดแบบนั้นกับฉันตั้งแต่ตอนไหน?”
โจวจินหนานสวมกอดแล้วบรรจงวางคางพร้อมกับถูมันอย่างแผ่วเบาบนเรือนผมของเธอ
นั่นสินะ เขาเริ่มมีความคิดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาเฝ้าดูสวี่ชิงที่ถูกมอมยาตรงริมฝั่งแม่น้ำ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พบเธอมาสี่ปี แต่ก็ยังจำรูปลักษณ์ของเธอได้ขึ้นใจ
เมื่อเห็นดังนั้น ความอดกลั้นและความยับยั้งชั่งใจทั้งหมดของเขาก็พังทลายลงทันที เมื่อเขาเห็นว่าเป็นสวี่ชิง เขาก็แทงมีดสั้นบนต้นขาของตัวเองพลางบอกว่าอย่าแตะต้องเธอ
ก่อนจะมีใครบางคนวิ่งเข้าไปหาสวี่ชิงและพูดคุยกับเธอ ฟังจากบทสนทนาเหล่านั้น ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเธอคนนี้อาจถูกใส่ร้าย
เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพาเธอไปยังที่ปลอดภัย แต่เขาประมาทกับพิษที่อยู่ในกายของตนมากเกินไป
ราวกับว่าตัวตนที่แสนสงบถูกครอบงำ เขาก็ครอบครองเธอด้วยการกระทำที่ขาดสติ
หลังจากนั้นเขาก็ข่มกลั้นความเจ็บปวดและแต่งตัวให้เธอจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะพาเธอไปหาเกาจ้านเพื่อหาคนดูแลและพาเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย
หลังจากเขาและเกาจ้านกลับไป ก็เกิดเหตุให้ต้องสูญเสียการมองเห็น ภายหลังจากนั้นหนึ่งเดือนเขาจึงได้เดินทางมาสู่ขอเพื่อจะแต่งงานกับสวี่ชิง หลังจากต้องอดทนอดกลั้นกับความรู้สึกตัวเองมาเนิ่นนาน
เมื่อเห็นว่าโจวจินหนานเงียบไป สวี่ชิงจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับใช้ลิ้นบรรจงเลียบริเวณคอของโจวจินหานอย่างจงใจ “พี่รู้จักฉันตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เห็นเคยบอกฉันเลยคะ?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หนานเขาก็รักของเขามานานแล้วนี่นา รู้จักเพราะสวี่ชิงเคยช่วยชีวิตนี่เอง
ใครเป็นคนใส่ว่านจั๊กจั่นให้พี่กินเนี่ยหา? ป้าเจีย นายแม่ มีคนขโมยว่านจั๊กจั่นไปให้พี่หนานกินค่ะ
ไหหม่า(海馬)