เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 180 ฉันคิดว่าคุณตายไปแล้ว
บทที่ 180 ฉันคิดว่าคุณตายไปแล้ว
สวี่ชิงได้แต่มองอย่างอับจนขณะโจวจินหนานผู้แผ่นหลังชุ่มไปด้วยเลือดถูกกลืนหายไปกับฝูงชน
ดวงตาของเธอปวดร้าวและรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก
เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงออกจากที่นี่ได้สำเร็จ ก็มีคนบางกลุ่มรีบวิ่งเข้ามาคว้าผ้าม่านและปีนป่ายขึ้นไป แต่มีคนมากเกินไปที่กรูกันเข้ามาคว้าผ้าม่านไว้
ทำให้ผ้าม่านรับน้ำหนักไม่ไหวและขาดร่วงลง
คนบางส่วนพยายามจะหาวิธีช่วยเหลือกันโดยปีนขึ้นบนไหล่ของอีกฝ่าย สวี่ชิงที่ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไปจึงรีบวิ่งไปตามทางบันไดหนีไฟ
เธอรีบวิ่งไปที่ประตู ทว่าทางหน้าประตูมีคนจำนวนมากที่พยายามจะเปิดประตูออกมา คนข้างในต่างพากันดันออก ในขณะที่คนข้างนอกดันเปิดประตูให้เปิดทำให้เข้าไปไม่ได้เลย
ราวกับการชักเย่อที่ไม่มีผู้ชนะ
คนที่อยู่ด้านนอกประตูร้องตะโกนบอกให้คนข้างในออกไปให้พ้นทาง แต่เสียงข้างในนั้นดังมากจนไม่ได้ยินเสียงจากด้านนอก
สวี่ชิงมองดูควันหนาทึบที่พัดมาจากทางหน้าต่าง ซึ่งยังคงมองเห็นเปลวไฟได้เล็กน้อย
หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหว!
โจวจินหนานยังอยู่ข้างในนั้น!
จิตใจของเธอว่างเปล่าในทันที ถ้าเกิดโจวจินหนานไม่สามารถออกมาได้ล่ะ!
เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ด้านในเผาไหม้แค่ส่วนของผ้าม่านเท่านั้น หากคนพวกนี้สงบสติได้ พวกเขาทุกคนก็จะรอดกันหมด
ทว่าในเวลานี้ไม่มีใครฟังใครเลย พวกเขาวิ่งมาออกันที่ปากประตู บางคนถูกเหยียบย่ำ และบางคนเอาแต่ร้องไห้
ชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด
เมื่อโจวจินหนานเห็นว่าตนไม่สามารถเบียดออกไปได้ เขาจึงไม่คิดอะไรมากและรีบกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของชายตรงหน้า เหยียบย่ำไหล่และแผ่นหลังของทุกคน ก่อนจะกระโจนไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
คนที่อยู่ข้างหลังต้องการเลียนแบบ แต่พวกเขาไม่มีทักษะแข็งแกร่งและความคล่องตัวเพียงพอ
คนที่ถูกเหยียบรู้สึกราวกับว่าไหล่ของตนกำลังจมลง มีคนเดินผ่านไปมา และไม่มีความรู้สึกอื่นใด
เมื่อโจวจินหนานเดินมาถึงประตู เขาก็มองเห็นกลุ่มคนมารวมกันอย่างหนาแน่นราวกำแพงเหล็กขณะพยายามผลักประตูออกไป
นอกจากประตูโรงภาพยนตร์จะเป็นไม้หนาเกือบเจ็ดเซนติเมตรแล้ว มันยังหุ้มด้วยเหล็กเพื่อเพิ่มความสวยงาม
เปรียบเสมือนกับประตูกำแพงเหล็กบานหนึ่ง!
โจวจินหนานไม่มีเวลาให้คิดเรื่องนี้ เขาเบียดตัวเข้าไปและคว้าตัวชายหนุ่มที่ถูกอัดแน่นกับประตูจนร่างแทบแหลกไว้ “เร็วเข้า รีบถอยออกมา ข้างหลังมีที่ให้หนีออกไป”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ฝูงชนก็รีบหันกลับไปและไปเบียดกันอยู่ที่ด้านหลัง และในไม่ช้าประตูก็เปิดกว้างออกกว่าครึ่งฟุต
คนที่อยู่ด้านนอกรู้สึกได้ในทันที่ว่าประตูถูกคลายออกแล้ว พวกเขารีบผลักประตูเข้ามา ในขณะที่ฝั่งด้านในเห็นประตูเปิดออก และแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามา
คนบางส่วนรีบวิ่งออกไป ขณะที่ประตูเริ่มเปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
โจวจินหนานยังไม่ได้ออกมา เขาเข้าไปเบียดเสียดกับฝูงชน เพื่อดึงคนที่ถูกเหยียบย่ำอยู่บนพื้นขึ้นมา
สวี่ชิงปล่อยโฮทันทีที่เห็นว่าประตูถูกเปิดออก
แต่เธอกลับไม่เห็นโจวจินหนาน
เปลวไฟด้านในเริ่มประทุแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนยังไม่ได้กลับออกมา ขณะที่คนบางส่วนวิ่งออกมาพร้อมกับร่ำไห้ระงมยามมองหาใครบางคน
สวี่ชิงร้องไห้ไม่ออกและไม่มีแม้แต่เสียงจะร้องตะโกน ได้แต่เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ดูฝูงชนที่หลั่งไหลออกมาจากประตู
แต่กลับไม่เห็นโจวจินหนาน
ยังไม่เห็นโจวจินหนานเลย!
จนกระทั่งถึงเวลามืดค่ำที่แสงเริ่มสลัวลง เธอก็ยังไม่เห็นโจวจินหนาน
นักดับเพลิงจำนวนมากมาถึงแล้ว แต่อุปกรณ์ดับเพลิงค่อนข้างล้าหลัง ดังนั้นการสกัดเพลิงจึงเป็นไปอย่างล่าช้า
เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังระงมไปทั่วทุกสารทิศ ผู้คนต่างหวาดกลัวที่จะนึกถึงอัตราการบาดเจ็บล้มตาย
ขาทั้งสองขาของสวี่ชิงแข็งทื่อ แทบรอไม่ไหวว่าจะมีใครออกมาอีก ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่เห็นโจวจินหนาน ทำให้ความรู้สึกสิ้นหวังปะทุขึ้นในใจ จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรือไม่?
มองดูนักดับเพลิงที่พยุงผู้คนออกมา พวกเขาต่างอ่อนแรงจนต้องทรุดนั่งอยู่บนพื้น อ้าปากสูดลมหายใจพะงาบ ๆ
หัวใจของเธอเจ็บปวดราวกับจะระเบิดออกมา หายใจอย่างยากลำบาก ร้องไห้ก็ไม่ออก
“ชิงชิง~”
สวี่ชิงรีบหันหน้ากลับไปและพบกับโจวจินหนานที่นั่งยอง ๆ อยู่ด้านข้าง เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือด ใบหน้าเต็มไปด้วยเขม่าสีดำ ทว่าภายใต้แสงไฟสลัว รูปลักษณ์ของเขากลับดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
“ฮือ โจวจินหนาน!”
ในที่สุดสวี่ชิงก็อดทนไม่ได้อีกต่อไป เธอปล่อยโฮและรีบพุ่งเข้าไปกอดโจวจินหนาน “คุณรู้ไหมว่าฉันกลัวมากแค่ไหน? ฉันกลัวว่าคุณจะตาย”
เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถออกมาได้ แต่ก็ออกมาในสภาพสะบักสะบอม
โจวจินหนานไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในที่สาธารณะหรือไม่ รีบโอบรอบสวี่ชิงและตบหลังเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ผมสัญญากับคุณว่าจะดูแลคุณไปตลอดชีวิตไม่ใช่หรือไง ผมไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอก”
สวี่ชิงยังคงร้องไห้ เธอกลัวมากจริง ๆ
ทั้งช่วงชีวิตทั้งสองภพ เธอไม่เคยประสบกับความสิ้นหวังและความหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน
โจวจินหนานได้รับบาดเจ็บ แผ่นหลังมีเลือดไหลซิบเพราะถูกกรอบรูปที่แขวนอยู่บนกำแพงร่วงลงมาครูดใส่ และถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลบริเวณใกล้เคียง
สวี่ชิงรออยู่นอกห้องฉุกเฉิน เขย่งปลายเท้าอยู่บริเวณหน้าประตูกระจกเพื่อดูทีมแพทย์รักษาอาการบาดเจ็บบนหลังของโจวจินหนาน เจ็บปวดใจทุกครั้งที่เห็นเขาเลือดตกยางออก
นึกไม่ออกเลยว่าถ้าโจวจินหนานไม่ปกป้องเธอเอาไว้ และเป็นเธอที่โดนเช่นนี้ ตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง
“เป็นยังไงบ้าง?”
สวี่ชิงตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอหันไปมองรอบ ๆ และพบกับเกาจ้านที่อยู่ยืนอยู่ด้านข้าง
“แผลค่อนข้างลึกและบาดแผลค่อนข้างเหวอะหวะค่ะ เพราะงั้นเลยช้าหน่อย”
ขณะที่สวี่ชิงพูด เสียงของเธอยังคงขึ้นจมูกราวกับว่าเธอกำลังร้องไห้
เกาจ้านยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ถือว่าจิ๊บจ้อยสำหรับเขาน่ะ ชีวิตเราอันตรายกว่านี้อีก”
สวี่ชิงขยี้ตาแดงก่ำ “เขาบาดเจ็บเพราะช่วยชีวิตฉัน ฉันมันไร้ประโยชน์จังเลยค่ะ”
เกาจ้านหัวเราะ “เธออยากจะมีพละกำลังมากขนาดไหน? เขาไม่ใช่คนธรรมดา ผิวของเขาหยาบกร้านและกล้ามเนื้อแข็งแกร่งมาก เพราะงั้นพวกนี้เป็นเรื่องขี้ปะติ๋วน่ะ เขาก็ควรจะปกป้องเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอก็ควรจะจำเอาไว้นะว่าเธอคือคนที่เขาอยากจะปกป้องไปตลอดชีวิต”
สวี่ชิงรู้สึกแสบไปทั้งจมูก “แต่ฉันไม่ต้องการแบบนี้”
เกาจ้านยิ้มขณะมองดูสถานการณ์ภายในห้องฉุกเฉิน “ถ้าวันหนึ่งเธอพบว่าโจวจินหนานไม่ได้ดีอย่างที่คิด ก็ลองนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ดู หรือถ้าวันหนึ่งเธอเผลอคิดว่าเขาทำร้ายเธอ ก็ให้เธอนึกถึงเรื่องราวในวันนี้และให้อภัยเขาซะ”
สวี่ชิงรู้สึกว่าคำพูดของเกาจ้านแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างเสมอ “คุณหมายความว่ายังไง? โจวจินหนานจะทำร้ายฉันเหรอคะ?”
เกาจ้านเลิกคิ้ว “ก็แค่พูดเปรียบเปรยน่ะ อาจเป็นเพราะอาชีพของเขา เขาถึงไม่ได้มีทางเลือกมากนัก”
ความคิดของสวี่ชิงเชื่องช้าไปชั่วขณะ ทั้งหมดที่เธอคิดได้ในตอนนี้คือโจวจินหนานไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอยู่เคียงข้างเธอ
เกาจ้านกำลังจะพูดถึงอะไร ในขณะเดียวกันโจวจินหนานก็ออกมาทั้งที่ยังเปลือยท่อนบน โดยมีผ้ากอซพันรอบแผ่นหลังและหน้าอก
สวี่ชิงก้าวไปจับมือโจวจินหนาน “เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บไหม?”
โจวจินหนานยิ้ม “ไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอก”
ก่อนจะมองไปที่เกาจ้าน “ในข่าวได้พูดอะไรเกี่ยวกับการบาดเจ็บล้มตายไหม?”
เกาจ้านส่ายหัว “ยังเก็บสถิติกันอยู่ แต่ประมาณการว่าไม่ดีนักหรอก”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “ประตูทางหนีทั้งสองฝั่งถูกพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดขวางไว้”
เขาที่มีความเป็นมืออาชีพมักจะมองดูแผนผังของห้องโถง และระยะห่างจากประตูทางออกหลังจากเข้าไปเสมอ
เกาจ้านขมวดคิ้ว “ฉันได้ยินมาว่าหนังเพิ่งเริ่มฉายไปไม่นาน สิ่งของต่าง ๆ เลยถูกวางกองเอาไว้ที่หน้าประตูและไม่ทันได้เอาออกไป ไฟไหม้ในครั้งนี้เกิดจากคนที่เข้ามาดูหนังสูบบุหรี่ในโรงหนัง ส่วนแรงจูงใจยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนเพิ่มเติม”
ในความทรงจำของสวี่ชิงไม่มีเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในเมืองเอกประจำมณฑลเลย
แต่ในชาตินี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
โจวจินหนานเห็นดวงตาของสวี่ชิงแดงก่ำ แม้แต่ปลายจมูกยังเป็นสีแดง ดูน่าสงสารจับใจ
เขายื่นมือออกไปจับมือสวี่ชิง โดยไม่นึกถึงการมีอยู่ของเกาจ้าน “ไม่เป็นไร ผมเห็นเหตุการณ์พอดี ผู้คนไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไร”
เกาจ้านพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้ยังไม่มีรายงานข่าวของผู้เสียชีวิต”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ช่วงเวลาหนีตายนี่รู้สึกระทึกมากเลยค่ะ รู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงเลย แบบที่คนเยอะๆ พากันหนีตายแล้วเบียดเสียดยัดเยียดขวางทางออกกัน
พี่หนานเจ็บหนักอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)