เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 179 เขาผลักเธอออกจากเปลวไฟ
บทที่ 179 เขาผลักเธอออกจากเปลวไฟ
เมื่อวานนี้หวังไก๋ฮวาป่าวประกาศเรื่องราวของสวี่หรูเยว่กับฟางหลานซิน และหล่อนก็รู้สึกสุขใจขึ้นมาทันทีที่เห็นผู้คุยพูดคุยเรื่องนี้มาจากระยะไกล
ดังนั้นหล่อนจึงเริ่มมองหาเด็กอีกคนหนึ่งมาเขียนป่าวประกาศคำดูถูกเหยียดหยามต่อสวี่ชิง และจะแอบย่องไปติดที่สถานีรถไฟ
เธอทำธุรกิจอยู่ที่สถานีรถไฟไม่ใช่เหรอ? จะต้องทำให้ชื่อเสียงของเธอป่นปี้
มาดูกันว่าเธอจะมีหน้าทำธุรกิจต่อไปได้อย่างไร!
ทว่าเมื่อสักครู่นี้หล่อนเหลือบเห็นสวี่ชิงกำลังอยู่ในท่าทางเย็นชา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่สบอารมณ์ หล่อนกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
ถ้าสวี่ชิงรู้ว่าหล่อนทำเช่นนั้น คงจะหยิบมีดมาถลกหนังของหล่อนเป็นแน่
หวังไก๋ฮวาเป็นคนมากเล่ห์ก็จริง แต่เป็นคนที่กลัวความตายมากที่สุด เช่นเดียวกับสวี่ชิง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หล่อนก็ม้วนกระดาษ ตั้งใจจะล้มเลิกความคิดและกลับบ้านไป
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเมื่อกลับถึงบ้านแล้วจะพบเข้ากับติงชางเหวินอยู่ในลานบ้าน
เมื่อเห็นหวังไก๋ฮวาถือกระดาษม้วนหนึ่งอยู่ และนึกถึงฟางหลานซินที่เข้ามาสร้างปัญหาให้เขาตั้งแต่เช้าตรู่ เส้นเลือดที่ขมับก็โป่งพองขึ้นมาทันที ก่อนจะเหลือบมองหล่อน “ถืออะไรไว้?”
หวังไก๋ฮวาก้าวถอยหลังด้วยความรู้สึกผิด “ไม่ ไม่มีอะไร”
ติงชางเหวินเดินเข้าไปสองสามก้าว ดึงกระดาษสีขาวออกมาจากอ้อมแขนของหวังไก๋ฮวา เมื่อคลี่กระดาษออก เขาพบว่ามันเต็มไปด้วยคำสาปแช่งสวี่ชิง อาทิ นังปีศาจจิ้งจอก นังหน้าไม่อาย นังหญิงร่านเอาแต่ไล่ตามผู้ชาย
คำข้างต้นคล้ายกับคำที่ฟางหลานซินใช้ดุด่าสวี่ชิง
เขาพูดด้วยใบหน้ามืดหม่นขณะจ้องไปที่หวังไก๋ฮวา “คุณคิดว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การป่าวประกาศแบบนี้จะทำให้คนล้มลงได้งั้นเหรอ? หวังไก๋ฮวา ในหัวคุณมีแต่ขี้เลื่อยหรือไง? รู้บ้างไหมว่ากำลังยั่วโมโหใครอยู่? โจวจินหนานไงล่ะ! อย่าบอกนะว่าเขาเห็นมันแล้ว หรือต่อให้เขายังไม่เห็นมัน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไปยั่วโมโหเขาได้”
หวังไก๋ฮวาที่ถูกติงชางเหวินด่าทอรู้สึกไม่พอใจ “นี่มันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณรู้สึกผิดต่อนังชาติชั่วนั่นใช่ไหม? มันบอกให้คุณมาหย่ากับฉันหรือไง? ติงชางเหวิน ถ้าคุณจะหย่ากับฉันแล้วไปดูแลนังสารเลวสองคนนั่น ฉันจะเขียนป่าวประกาศติดให้ทั่วมหาวิทยาลัย!”
ติงชางเหวินรู้สึกโกรธมากจนอยากจะทุบตีหวังไก๋ฮวา แต่ท้ายที่สุด เขากลับวางมือลงด้วยความรอบคอบ และจ้องเขม็งไปที่หญิงน่าเกลียดตรงหน้า
ตอนนี้เขายังหย่ากับหล่อนไม่ได้ เพราะทางสถานศึกษามีกฎเข้มงวดเกี่ยวเรื่องนี้
เรื่องเกี่ยวกับฟางหลานซินถือว่าเป็นเรื่องในอดีต ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าหย่ากับหล่อนตอนนี้ เรื่องก่อนหน้านี้จะต้องถูกขุดขึ้นมาพูดอย่างแน่นอน
สำหรับตำแหน่งปัจจุบันของเขา มีหลายคนที่ต้องทำงานหนัก
ติงชางเหวินพูดขู่หวังไก๋ฮวาด้วยคำพูดไม่กี่คำและรีบจากไป
อีกทั้งยังรับรู้ได้ว่าฟางหลานซินเข้าใจผิด สวี่ชิงไม่ได้เป็นคนสั่งหวังไก๋ฮวา
เพียงแต่หวังไก๋ฮวาต้องการแก้แค้นคนเหล่านี้เอง
สวี่ชิงไม่รู้ว่าหวังไก๋ฮวาผู้โง่เขลาบังเอิญกำบังมีดที่พุ่งมาหาให้เธอแล้ว
หลังจากมาถึงร้านอาหาร เธอก็ฉกฉวยโอกาสจากความไม่พอใจเดินไปดูรอบ ๆ สถานี เมื่อไม่นานมานี้ได้ยินข่าวลือมาว่าทางสถานีจะปรับปรุงสถานที่ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องรอรถโดยสาร
สวี่ชิงจึงอยากจะถามว่าชั้นสองจะได้รับการปรับปรุงด้วยหรือไม่ และเธอจะสามารถย้ายร้านอาหารจานด่วนเข้าไปด้านในได้หรือเปล่า
หลังจากหันหลังกลับมา เธอก็ได้ยินว่าปีนี้อาจจะยังทำการปรับปรุงไม่เสร็จ และจะเริ่มก่อสร้างภายในปีหน้า
สวี่ชิงไม่ได้รีบร้อนนัก ก่อนจะกลับไปช่วยที่ร้าน
หลังจากยุ่งตลอดช่วงกลางวัน สวี่ชิงคุยกับผางเจิ้งหัวและรีบกลับไปที่บ้านพร้อมกับไป๋หลาง ตั้งตารอที่จะได้ไปดูภาพยนตร์เป็นครั้งแรก
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอตั้งใจสระผมเป็นพิเศษ โดยใช้น้ำมันสกัดจากดอกหอมหมื่นลี้ที่มีกลิ่นหอมหวานเล็กน้อยชโลมให้ผมของเธอดกดำและเงางาม อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกหอมหมื่นลี้
เธอเปลี่ยนเป็นกระโปรงตัวใหม่ที่เพิ่งทำขึ้นมา กระโปรงมีสีเขียวอ่อน แผ่บานคล้ายใบบัวยาวคลุมลงไปถึงน่อง
จากนั้นจึงตามโจวจินหนานไปที่โรงภาพยนตร์ของประชาชนที่ใกล้ที่สุด
สวี่ชิงใช้เวลาระหว่างรอโจวจินหนานเอารถไปเก็บที่โรงจอดรถไปซื้อเมล็ดแตง เพื่อที่เธอจะได้แทะกินระหว่างดูภาพยนตร์
ผู้ชมที่มาชมภาพยนตร์เรื่องมนต์รักเขาหลู่ซานล้วนเป็นคนวัยหนุ่มสาว นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนสองสามกลุ่ม และคู่รักหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มจีบกัน
แม้ว่าพวกเขาจะเดินเคียงข้างกัน แต่กับไม่ได้ใกล้ชิดกันเกินไป
สวี่ชิงที่อยากจะเดินจับมือถือแขนกับโจวจินหนานรู้สึกอาย ทั้งสองเดินเข้าไปซื้อตั๋วภาพยนตร์เป็นอันดับแรก จากนั้นจึงรอรับตั๋วและเดินเข้าไปด้านใน
หลังจากที่สวี่ชิงเห็นโจวจินหนานเข้ามาด้านในแล้ว เขาก็ได้ใช้ประโยชน์จากความสูงของตนเองมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย “คุณมองอะไรอยู่คะ?”
“ไม่มีอะไร”
ทั้งสองไม่ได้รีบเข้ามาตั้งแต่เนิ่น ๆ ที่นั่งจึงเหลือแต่ด้านหลัง เบาะหลังอยู่ในพื้นที่ลาดเอียง โดยมีขั้นบันไดขึ้นทีละขั้น
ภายในโรงภายนตร์ค่อนข้างมืด โจวจินหนานจึงเริ่มเอื้อมมืออกไปจับมือของสวี่ชิง เพื่อตามหาที่นั่งของตน
นี่เป็นการมาโรงภาพยนตร์ครั้งที่สองของสวี่ชิง แต่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาดูภาพยนตร์กับเพศตรงข้าม หลังจากฟังเพลงปลุกใจก่อนที่หนังจะเริ่ม เธอก็หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ
และแอบยิ้มเบา ๆ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างสนุก สวี่ชิงที่อยู่ในยุคสมัยนี้รู้สึกว่าการดูภาพยนตร์ไม่ใช่แค่การมองดูเท่านั้น แต่ยังเป็นการระลึกถึงความทรงจำมากมาย
ครั้นมองดูคู่รักที่ต้องแยกทางกันเพราะภูมิหลังทางครอบครัว แล้วพบกันใหม่หลังจากผ่านไปหลายปี สวี่ชิงก็รู้สึกประทับใจเมื่อได้รับชม ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก แต่กลับต้องใช้เวลายาวนานในการลืมกันและกัน
แต่เธอกับโจวจินหนานกลับถูกแยกจากกันตลอดชีวิต!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบเอื้อมมือไปจับมือของโจวจินหนานที่วางอยู่บนเข่าของเขา ลูบไล้ปลายนิ้วของเขาเบา ๆ ก่อนจะกำเอาไว้ในฝ่ามือแน่น
การรับชมช่างให้ความรู้สึกเสมือนจริงนัก
ขณะที่ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับความสุขของพระเอกและนางเอกที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากห่างหายกันไปนาน คนตรงหน้าก็ร้องขึ้นว่า “ไฟไหม้!”
จากนั้นจึงเห็นผ้าม่านบนหน้าต่างสูงที่อยู่ด้านข้างของโรงภาพยนตร์กำลังลุกเป็นไฟ
สวี่ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกว่าผู้คนกำลังวิ่งไปออกันที่ปากประตู
ทว่าประตูของโรงภพยนตร์จะต้องเปิดจากด้านใน หากทุกคนไปกระจุกกันอยู่ที่ประตู พวกเขาจะไม่สามารถเปิดประตูออกได้
เสียงร้องตะโกนดังขึ้นอย่างน่าสยดสยอง “หยุดผลักสักที เปิดประตูไม่ได้”
ทว่าเสียงนั้นกลับถูกกลบเสียงอึกทึกของฝูงชนกลบ
เมื่อสวี่ชิงลุกขึ้นยืน โจวจินหนานก็ดึงเธอเข้ามาหา จับมือเธอด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งโอบไหล่เธอไว้ ก่อนจะเดินไปที่กำแพง
ฝูงชนรีบวิ่งไปที่ประตูสองบานที่อยู่ตรงกลาง แต่คนที่กระจุกอยู่บริเวณกำแพงมีน้อยกว่ามาก
โดยเฉพาะด้านที่มีผ้าม่านติดไฟ แทบจะไม่มีคนเลย
โจวจินหนานเอื้อมมือไปปิดปากและจมูกของสวี่ชิงอีกครั้ง และพูดกระซิบแนบหูเธอ “ผมจะส่งคุณออกไปก่อน!”
หัวใจของสวี่ชิงกระตุกแรง เขาบอกว่าจะส่งเธอออกไปก่อน แต่ไม่ได้บอกว่าเราจะออกไปด้วยกัน!
เธอหันกลับมา บีบมือของโจวจินหนานแน่น พยายามบอกเขาว่าเขาจะไม่เป็นอะไร
โจวจินหนานดึงสวี่ชิงเข้าไปที่ขอบผ้าม่านตรงหน้าต่าง เอื้อมมือออกไปคว้าผ้าม่าน พยายามใช้มันแบกรับน้ำหนักของทั้งสองคนไว้ พลางใช้มือกอดรัดเอวของสวี่ชิงเอาไว้แน่น
แต่ก่อนที่สวี่ชิงจะตอบสนอง ทั้งสองก็ได้ปีนขึ้นไปบนหน้าต่างสูงโดยการใช้แค่มือเปล่ากับผ้าม่าน
“จับไว้!”
โจวจินหนานสั่งให้สวี่ชิงจับลูกกรงเหล็กบนหน้าต่างอย่างมั่นคง เขาใช้กำปั้นทุบกระจก และเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างกันขโมยที่ทำจากลูกกรงเหล็กด้วยมือเปล่า
สวี่ชิงที่ได้สูดดมกลิ่นควันเริ่มสำลักควัน กลุ่มควันฟุ้งหนาแน่น จนเธอไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
การใช้แรงกำลังมหาศาลทำให้เส้นเลือดบริเวณลำคอของเขาปูดออกมา แท่งเหล็กค่อย ๆ เปิดออกจนคนสามารถลอดผ่านไปได้
โจวจินหนานผลักดันสวี่ชิงออก “ออกไป!”
ขณะที่สวี่ชิงกำลังจะเคลื่อนไหว บางอย่างก็ตกลงมาจากด้านบน แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันตั้งตัว โจวจินหนานก็รีบเข้ามาปกป้องเธออย่างแน่นหนาเสียก่อน!
เธอได้ยินเสียงโจวจินหนานร้องคราง ยังคงยืนกรานที่จะผลักสวี่ชิงออกไปทางบันไดหนีไฟ
สวี่ชิงก้าวขึ้นมาบนบันไดหนีไฟ และเมื่อเธอหันหลังกลับไป เธอก็พบเข้ากับโจวจินหนานที่กระโดดลงไปด้านล่าง เสื้อเชิ้ตสีขาวตรงแผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
รู้สึกสยองเหมือนตอนอ่านข่าวไฟไหม้ผับที่เป็นผับปิดแล้วคนก็หนีตายมาออกันตรงประตูทางออกเลยค่ะ ใครเป็นคนวางเพลิงเนี่ย
พี่หนานบาดเจ็บซะแล้ว
ไหหม่า(海馬)