เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 178 โชคลาภของหล่อนถดถอยลง
บทที่ 178 โชคลาภของหล่อนถดถอยลง
หม่าเสวี่ยหลานบิดร่างอ้วนท้วนออกไปดูด้วยความตื่นเต้น
เมื่อไม่นานมานี้บ้านสกุลสวี่เงียบเกินไป และไม่มีเรื่องอะไรน่าจับตามองนัก
หลี่ต้าหย่งรีบวิ่งออกไปบนท้องถนน มองดูกลุ่มผู้คนรายล้อมอยู่รอบข้าง เขาก็รีบวิ่งเข้าไปดู กระดาษแผ่นใหญ่สีขาวยังติดอยู่ที่ผนัง ตัวอักษรสีดำบนกระดาษดูเด่นเป็นสง่าในสายตา
เขาไม่แม้แต่จะอ่านมันด้วยซ้ำ รีบวิ่งเข้าไปฉีกกระดาษบนผนัง จากนั้นจึงวิ่งไปที่ประตูทางเข้า และฉีกกระดาษอีกแผ่นทิ้ง
เขาฉีกกระดาษทั้งหมดพร้อมขยำและเขวี้ยงลงบนพื้น ก่อนจะวิ่งหนีหายไปด้วยความโกรธจัด
ฉินกุ้ยจือวิ่งตามลูกชายไปไม่ทัน ทว่าขี้ขลาดเกินกว่าจะคิดว่าหลี่ต้าหย่งวิ่งไปหาสวี่หรูเยว่ที่บ้านสกุลโจว นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาสู้กันไม่ใช่เหรอ?
หล่อนโกรธมากจนกระทืบเท้าอย่างแรง ไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดไป
หลี่ต้าหย่งยังคงมีสติอยู่ เขาไม่ได้บุกเข้าไปหาสวี่หรูเยว่ในบ้านสกุลโจว เพียงแต่หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่หน้าทางเข้าบ้านสกุลโจวแทน รอคอยให้สวี่หรูเยว่ออกมา
ความคิดของเขายังคงเรียบง่าย ตราบใดที่สวี่หรูเยว่เต็มใจจะหย่า เขาก็พร้อมจะแต่งงานกับหล่อน
หลังจากรอคอยจนถึงสามทุ่ม หลี่ต้าหย่งที่ไม่อาจอดทนต่อการโดนยุงกัดได้ก็เห็นสวี่หรูเยว่ออกมา
เขาเฝ้าดูหล่อนออกมาและแอบตามหลังไปเงียบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสวี่หรูเยว่ออกมาเพียงลำพัง ขณะที่หล่อนกำลังข้ามถนนที่สองข้างทางมีต้นไม้เรียงราย เขาก็รีบพุ่งออกไปดึงตัวสวี่หรูเยว่เข้ามาในพุ่มไม้
สวี่หรูเยว่ตกใจมากจนเกือบจะกรีดร้อง ทว่าหลี่ต้าหย่งปิดปากของหล่อนเอาไว้
หลังจากเห็นว่าเป็นหลี่ต้าหย่ง หล่อนก็เหยียบเท้าเขาด้วยความโกรธจัด เพื่อให้เขารีบปล่อยตนเป็นอิสระ
หลี่ต้าหย่งปล่อยมือและมองไปที่สวี่หรูเยว่ “หรูเยว่ อย่าเพิ่งร้องตะโกนสิ”
สวี่หรูเยว่โกรธมาก “นายเป็นบ้าอะไร! มาที่นี่ทำไม?”
หลี่ต้าหย่งจ้องไปที่ท้องของหล่อน “เธอท้องเหรอ?”
สวี่หรูเยว่จ้องมองเขาอย่างระมัดระวังตัว “นายรู้ได้ยังไง สวี่ชิงบอกนายเหรอ?”
หลี่ต้าหย่งส่ายหน้า “ไม่ใช่ หวังไก๋ฮวาต่างหาก หล่อนป่าวประกาศไปทั่วโรงงานซ่อมรถเลย ทุกคนคงรู้กันแล้ว”
สวี่หรูเยว่รู้สึกเอะใจ ถ้าเป็นหวังไก๋ฮวา ก็ไม่น่าใช่สวี่ชิง เพราะทั้งสองคนต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด
แต่หวังไก๋ฮวารู้ได้อย่างไร?
หลี่ต้าหย่งจ้องมองใบหน้าของสวี่หรูเยว่ เมื่อแสงไฟจากท้องถนนสาดส่องเข้ามา หล่อนก็ยังคงดูงดงามในความพร่ามัวอยู่เสมอ น้ำเสียงของเขาเบาลงมากจนไม่รู้ตัว ฟังดูไพเราะเป็นพิเศษ “หรูเยว่ ลูกของฉันใช่ไหม? เธอไปหย่ากับโจวจินซวนเถอะ แล้วเราจะได้แต่งงานกัน ฉันจะดูแลเธออย่างดีตลอดไป”
สวี่หรูเยว่ชำเลืองมองหลี่ต้าหย่งอย่างดูถูก “นายจะดูแลอะไรฉันได้? เอาตัวเองยังจะไม่รอด แล้วจะมาเลี้ยงดูฉันกับลูกได้ยังไง? หลี่ต้าหย่ง รีบไปซะเถอะ นายไม่ควรมารู้เรื่องนี้”
หลี่ต้าหย่งกระวนกระวาย “ฉันจะเมินเฉยใส่ลูกตัวเองได้ยังไง? หรูเยว่ เธอจะเก็บลูกไว้ใช่ไหม? ขอแค่เธอคลอดลูกออกมา ฉันก็พร้อมจะดูแลลูกกับเธอ ต่อให้ต้องขายเลือดเนื้อ ฉันก็จะดูแลลูกกับเธอให้ได้”
สวี่หรูเยว่มองดูท่าทางที่ไม่เอาไหนของหลี่ต้าหย่ง และโบกมือ “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก จะเก็บลูกเอาไว้หรือไม่มันก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ไสหัวไปซะ!”
หล่อนแค่อยากจะออกมาเดินเล่น ไม่คิดว่าจะได้พบกับหลี่ต้าหย่ง ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ หล่อนคงไม่ออกมา
อีกอย่างตอนนี้หลี่ต้าหย่งคงไม่สามารถเก็บความลับเกี่ยวกับเรื่องลูกเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
หวังไก๋ฮวารู้แล้ว อีกทั้งยังเกลียดชังแม่และหล่อน ต่อจากนี้ไปจะต้องมาสร้างเรื่องถึงหน้ามหาวิทยาลัยอีกเป็นแน่
แผนการที่หล่อนจะกล่าวโทษสวี่ชิงคงไม่ได้ผล
หลี่ต้าหย่งยืนกรานที่จะหยุดสวี่หรูเยว่เอาไว้ “ฉันไม่ไป ฉันเป็นพ่อของเด็ก ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้! อีกอย่างถ้าบ้านสกุลโจวรังแกเธอ ฉันจะต่อสู้กับพวกนั้นเอง”
สวี่หรูเยว่จ้องไปที่หลี่ต้าหย่ง “นายพูดจริงเหรอ?”
หลี่ต้าหย่งพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถึงฉันจะฉลาดน้อย แต่ฉันก็พูดจริงทำจริง”
สวี่หรูเยว่กลอกตา “คนที่รังแกฉันคือสวี่ชิงยังไงล่ะ นายจะไปคิดบัญชีกับมันด้วยไหม?”
หลี่ต้าหย่งเงียบไปครู่หนึ่ง ถ้าก่อนหน้านี้คงไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้สวี่ชิงมีโจวจินหนานอยู่เคียงข้าง เขาจึงไม่กล้าที่จะทำอะไร
นอกจากนี้ยังรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นมีรังสีอำมหิตอยู่รอบตัวเสมอ จนเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดออกมา
สวี่หรูเยว่ตะคอกอย่างเย็นชา “นี่น่ะเหรอที่นายบอกว่าต่อสู้เพื่อฉัน? ถ้านายไม่อยากให้ฉันเกลียดนาย ก็ลืมเรื่องวันนี้ไปให้หมดซะ”
หล่อนพูดขณะผลักแขนของหลี่ต้าหย่งออก และจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ตอนนี้หล่อนกังวลมากว่าที่มหาวิทยาลัยจะรู้เรื่องนี้ และทางโจวเฉิงเหวินกับซูฮุ่ยหรูจะรู้ หล่อนกับโจวจินซวนจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?
แม้ว่าโจวจินซวนจะปฏิบัติต่อหล่อนไม่ดี แต่บ้านสกุลโจวก็กินดีอยู่ดี อีกทั้งยังมีคนคอยรับใช้
หล่อนไม่อยากจากไป
ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตกกังวล ถึงอย่างนั้นกลับคิดหาทางออกไม่ได้
……
สวี่ชิงรับรู้เรื่องราวทั้งหมดในเช้าวันรุ่งขึ้น และฉินเสวี่ยเหมยคือคนที่เข้ามาบอกเธอ
ฉินเสวี่ยเหมยที่กำลังรีบไปทำงาน รีบวิ่งเอาข่าวซุบซิบมาเล่าและไปทำงานต่อ
เฟิงซูฮวาที่ถือถ้วยข้าวต้มอยู่หรี่ตาลงเล็กน้อย “เด็กคนนั้นมีชีวิตที่ดี แต่ยากที่โชคชะตาจะเข้าข้างนัก”
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าข่าวซุบซิบจะแพร่กระจายไปเร็วขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอกลับประหลาดใจมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงซูฮวา “คุณย่า ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ?”
ร่องรอยแห่งความสงสัยแวบเข้ามาในดวงตาของเฟิงซูฮวา “ก่อนหน้าย่าก็แสดงภาพให้หลานทั้งสองเห็นแล้วไง ว่าสวี่หรูเยว่โชคดีกว่าหลาน หลานเป็นคนโชคดีก็จริง แต่หัวอ่อนและถูกรังแกได้ง่าย จะต้องกล้ำกลืนความโกรธเคืองเอาไว้ เพราะงั้นจึงโชคร้ายกว่าสวี่หรูเยว่หน่อย”
“แต่หล่อนโชคดีมากนะ โหงวเฮ้งของลูกก็ดีทีเดียว คนเห็นแก่ตัวในโลกนี้มักจะมีความสุขกันทั้งนั้น แต่ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ โชคลาภของหล่อนถึงได้ถดถอยลง”
สวี่ชิงคิดว่าสิ่งที่คุณย่าพูดเป็นความจริง ในชาติที่แล้วเธอเป็นคนหัวอ่อนและถูกรังแกได้ง่าย
อีกทั้งยังถูกเอาเปรียบได้ง่ายด้วย
แต่ในชาตินี้เธอจะไม่ทำผิดซ้ำรอยเดิมและจะไม่ทนทุกข์กับความสูญเสียอย่างครั้งก่อนแน่นอน
ความโชคดีกลับมาอีกครั้ง ในขณะที่สวี่หรูเยว่คอยตักตวงผลประโยชน์จากคนอื่น เป็นเพราะเธอเกิดใหม่ ทุกอย่างจึงหายไป และทำให้โชคลาภของหล่อนถดถอยลงใช่หรือไม่?
เฟิงซูฮวาส่ายศีรษะ “ไม่ว่ายังไงก็ตาม อย่าได้ทำอะไรผิดแปลก เพราะไม่ช้าหรือเร็วมันจะย้อนกลับมาหา”
โจวจินหนานรู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาลุกซู่อย่างอธิบายไม่ถูก และรู้สึกว่าคำพูดดังกล่าวหมายถึงเขา
หลังจากสวี่ชิงรับประทานอาหารและจัดระเบียบห้องครัวเสร็จแล้ว เธอก็ออกไปช่วยงานที่ร้าน ขณะบอกให้โจวจินหนานรออยู่ที่บ้านกับคุณย่า “ฉันจะกลับมาหลังเที่ยง แล้วตอนบ่ายค่อยไปดูหนังกันนะคะ”
เธอรู้สึกแปลกในใจ ตอนที่โจวจินหนานตาไม่ดี เขามักจะเอาเศษไม้ออกมาแกะสลักทุกวัน
แต่พอดวงตาของเขาดีขึ้น กลับไม่เคยเห็นเขาแกะสลักอีกเลย
โจวจินหนานกังวลว่าสวี่ชิงจะออกไปเพียงลำพัง “ให้ไป๋หลางไปเป็นเพื่อนสิครับ”
ไป๋หลางส่งเสียงคราง บ่งบอกว่ามันไม่ต้องการออกไป มันยังคงรู้สึกเศร้าที่หาสมบัติของตนเองไม่เจอ
แต่มันต้องเชื่อฟังผู้เป็นนายและออกไปกับสวี่ชิง
การแสดงออกอย่างไม่พอใจนี้ทำให้รูปลักษณ์ของมันน่าเกลียดยิ่งขึ้น
สวี่ชิงพาไป๋หลางออกไปด้วย เธอขี่จักรยาน ในขณะที่ไป๋หลางวิ่งเหยาะ ๆ อยู่ด้านหลัง
ไม่ไกลนัก เธอพบเข้ากับหวังไก๋ฮวาที่กำลังเดินเข้าไปในซอยด้วยท่าทางน่ากลัว พร้อมกับของบางอย่างในอ้อมแขน
หลังจากครุ่นคิด เธอตัดสินใจได้ว่าจะไม่ตามอีกฝ่ายไป เพราะจากสติปัญญาของหวังไก๋ฮวาคงไม่สามารถสร้างอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้
และการจัดการกับหวังไก๋ฮวาก็ไม่จำเป็นต้องใช้สมองมากนัก แค่ทุบตีใช้กำลังอย่างป่าเถื่อนก็พอ
เดิมทีหวังไก๋ฮวาจะไปที่สถานีรถไฟ แต่หลังจากที่เห็นสวี่ชิง หล่อนก็รีบเข้าไปซ่อนตัวในซอยด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่ถือแผ่นประกาศเอาไว้ในอ้อมแขน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อีกไม่นานความจริงของพี่หนานก็จะปรากฏแน่เลย พี่หนานชิงบอกความจริงไปตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีไหมคะ ถ้าชิงชิงมารู้จากปากคนอื่นมันจะเจ็บมากนะคะ
ไหหม่า(海馬)