เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 177 สมบัติของไป๋หลางหายไปไหน
บทที่ 177 สมบัติของไป๋หลางหายไปไหน
ในยุคสมัยที่การสื่อสารด้อยพัฒนา การแจ้งข่าวสารอื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้อย่างล่าช้า ทว่าข่าวซุบซิบกลับแพร่กระจายออกไปหลายสิบลี้ราวกับไฟลามทุ่ง
ช่างรวดเร็วอย่างน่าสะพรึงกลัว
และเรื่องซุบซิบดังกล่าวก็มาถึงหูหวังไก๋ฮวาก่อนค่ำ
เมื่อไม่นานมานี้หวังไก๋ฮวาถูกสวี่ชิงจัดการจนกลายมาเป็นคนนอบน้อม เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านและไม่กล้าออกไปไหน
ติงชางเหวินกำลังจะหย่ากับหล่อน หล่อนจึงร้องไห้สะอื้น คอยสร้างปัญหาด้วยการจะแขวนคอตัวเองเพื่อไม่ให้เขาจากไป แต่ติงชางเหวินกลับย้ายออกไปอยู่ที่หอพักและไม่กลับมาอีกเลย
หวังไก๋ฮวาทั้งขุ่นเคืองและคับข้องใจ หล่อนเคยเป็นที่รู้จักกันดีว่าป่าเถื่อนและไร้เหตุผล แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำอะไรสวี่ชิงได้ แม้นังนั่นจะดูไม่ค่อยร้ายกาจแต่ก็เล่นงานหล่อนได้อย่างเจ็บแสบ
สำหรับฟางหลานซินคนนั้น หล่อนนึกอยากจะถลกหนังออกมาให้รู้แล้วรู้รอด อีกทั้งยังมีหน้ามามีลูกกับติงชางเหวินอีก แต่ตอนนี้หล่อนจะบุกเข้าไปหาฟางหลานซินไม่ได้ เพราะต่อให้ใช้กำลังต่อสู้กันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
จะลงมือทั้งทีก็ต้องเอาให้เจ็บแสบ
แต่ก่อนจะค้นพบวิธีการที่ดี หล่อนก็ได้ยินมาว่าลูกสาวของฟางหลานซินตั้งครรภ์ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน ในเมื่อแม่แพศยาขนาดนั้น ลูกก็คงแพศยาเหมือนกัน
หล่อนไม่สนใจแม้แต่จะทำอาหารเย็น รีบวิ่งแจ้นไปที่โรงงานซ่อมรถยนต์
……
ท้ายที่สุดสวี่ชิงกับโจวจินหนานก็ไม่ได้ดูภาพยนตร์ เนื่องจากรอบฉายในช่วงบ่ายเริ่มช้าเกินไป กว่าจะฉายก็ประมาณห้าโมงเย็นได้
หลังจากวนเวียนอยู่แถวโรงภาพยนตร์เป็นเวลาสามชั่วโมง สวี่ชิงก็เริ่มหมดความอดทน ควักเงินสองเฟินออกมาซื้อเมล็ดแตง ส่วนอีกสองเฟินเอาไปซื้อลูกพรุนอบแห้งจากคุณลุงที่ขายเมล็ดแตงหน้าประตู
เงินสองเฟินสามารถซื้อของได้แค่ถ้วยเล็กเท่านั้น ซึ่งจะถูกบรรจุในถุงกระดาษหนังสือพิมพ์
เธอตั้งใจจะเอากลับไปให้เฟิงซูฮวากิน
ระหว่างทางกลับบ้าน สวี่ชิงยังคงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “ฉันเห็นบนกระดานดำเขียนว่าคืนพรุ่งนี้จะฉายภาพยนตร์เรื่องมนต์รักเขาหลู่ชาน มาดูกันไหมคะ”
เมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ในวันนี้ สวี่ชิงชอบภาพยนตร์เรื่องมนต์รักเขาหลู่ชานของพรุ่งนี้มากกว่า
เพราะหลังจากต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติมาหลายสิบปี หนังเรื่องนี้คือหนังเรื่องแรกที่เกี่ยวกับความรัก ทั้งโรแมนติกและสวยงาม ตราตรึงใจคู่รักหนุ่มสาวหลายคนในเวลานั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ใครหลายคนได้รู้จักความโรแมนติก ส่งผลให้หนุ่มสาวกระตือรือร้นที่จะตกหลุมรักกันมากขึ้น
ดังนั้นสวี่ชิงจึงอยากจะพาโจวจินหนานไปดูเรื่องนี้ เพื่อให้โจวจินหนานได้เรียนรู้ในการกล้าที่จะรัก
โจวจินหนานไม่ได้ปฏิเสธ “เอาสิ”
สวี่ชิงซบหน้าลงบนแผ่นหลังของโจวจินหนานอย่างสุขใจ ทำให้โจวจินหนานตื่นตระหนกจนร่างกายแข็งทื่อ บังคับจักรยานด้วยมืออันสั่นเทา เพราะนี่มันดูใกล้ชิดกันเกินไปขณะอยู่บนท้องถนน
ถึงอย่างนั้นสวี่ชิงกลับไม่ได้สังเกต ยังคงยิ้มแย้ม “โจวจินหนาน คุณจะเห็นด้วยกับทุกอย่างที่ฉันพูดเลยเหรอ ทำไมช่างแสนดีขนาดนี้ จะทำให้ฉันเสียนิสัยเอานะคะ”
โจวจินหนานดูผ่อนคลายขึ้นหลังจากคุ้นเคยกับสัมผัส แต่เขากลับไม่ตอบรับเมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ชิง เพียงแต่ดวงตาดูอ่อนโยนขึ้น
หลังจากกลับมาถึงบ้าน สวี่ชิงก็มอบเมล็ดแตงกับลูกพรุนอบแห้งให้กับเฟิงซูฮวา “คุณย่าคะ กินข้าวเที่ยงแล้วหรือยังคะ?”
เฟิงซูฮวารับขนมมาทานอย่างมีความสุข “กินแล้วสิ มีน้ำซุปเนื้ออยู่ด้วย เดี๋ยวย่าทำบะหมี่ให้”
จากนั้นจึงมองไปที่ไป๋หลาง “แต่ไป๋หลางยังไม่ได้กินอะไรเลย มันดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าป่วยหรือเปล่า?”
นางรู้วิธีการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของมนุษย์ แต่ไม่รู้วิธีการรักษาสัตว์
สวี่ชิงมองดูไป๋หลางซึ่งกำลังทำสีหน้าบูดบึ้ง หน้าตาไม่น่ามองนัก วันนี้มันเอาแต่นอนอยู่บนพื้นด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อย เปลือกตาหลุบต่ำลง ดูหดหู่ใจยิ่งนัก
โจวจินหนานเดินเข้าไปนั่งยอง ๆ ลูบหัวไป๋หลาง ทว่าไป๋หลางกลับมองดูโจวจินหนานอย่างโกรธเคือง ร้องครางสองสามครั้งราวกับกำลังบ่น
ขณะเดียวกันก็ใช้อุ้งเท้าตะกุยหน้าดิน
โจวจินหนานลูบศีรษะมันเบา ๆ และลุกขึ้นยืน หันไปพูดกับสวี่ชิงและเฟิงซูฮวา “ไม่มีอะไรหรอกครับ เดาว่ามันคงหาสมบัติที่ซ่อนไว้ไม่เจอ ทุกครั้งที่มันหาของที่ซ่อนไว้ไม่เจอ มันก็มักจะเป็นแบบนี้”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี “ทำไมไป๋หลางน่ารักจังคะ”
เฟิงซูฮวาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ย่าก็คิดว่ามันป่วย เอาแต่นอนคว่ำหน้าตั้งแต่พวกหลานออกไป ไม่ยอมขยับไปไหน”
สวี่ชิงอยากรู้มากขึ้น “ไป๋หลางซ่อนสมบัติอะไรเอาไว้เหรอ? ฉันเอาของให้แกใหม่ดีไหม? กระดูกหรือซาลาเปาดีล่ะ?”
ไป๋หลางชำเลืองมองสวี่ชิง ขมวดคิ้วอีกครั้งและยังมีท่าทางเศร้าสร้อย เพราะสมบัติล้ำค่าของมันหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
………
หวังไก๋ฮวารีบไปที่ลานบ้านพักของพนักงานในโรงงานซ่อมรถยนต์ แทนที่จะตรงดิ่งไปหาฟางหลานซิน หล่อนกลับมุ่งหน้าไปที่ร้านค้าด้านข้าง ซื้อกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่ พู่กัน หมึก และวิ่งไปหยุดอยู่ที่โรงเรียนชั้นประถม จ่ายเงินเด็กนักเรียนคนหนึ่งให้เขียนแผ่นประกาศให้ในราคาสองเหมา
ผลการเรียนของนักเรียนชั้นประถมคนดังกล่าวไม่ค่อยดีนัก เขาจึงตอบตกลงช่วยหวังไก๋ฮวาเขียนแผ่นประกาศในราคาสองเหมา
สวี่หรูเยว่อาจไร้ยางอาย ถึงได้ตั้งครรภ์ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน แต่ทั้งหมดก็เกิดจากรากฐานที่ผุผัง ฟางหลานซินเองก็ไร้ยางอายไม่แพ้กัน
นักเรียนชั้นประถมใช้การวาดภาพแทนการเขียนตัวหนังสือ นอกจากนี้ยังเลือกใช้คำพ้องเสียงมาแทนที่ กระดาษสีขาวแผ่นใหญ่จึงเต็มไปด้วยตัวอักษร
ทว่าหวังไก๋ฮวาอ่านไม่ออก เมื่อหล่อนเห็นว่าตัวอักษรเต็มหน้ากระดาษแล้ว จึงมอบเงินสองเหมาให้นักเรียนคนดังกล่าว และไปซื้อกาวมาติดแผ่นกระดาษ แปะเอาไว้ที่หน้าประตูทางเข้าโรงงานซ่อมรถยนต์
กำแพงบนท้องถนนและประตูทางเข้ามีคนพลุกพล่านมากที่สุด
แม้จะมีการสะกดผิดหลายคำและเขียนชื่อได้ไม่ถูกต้องนัก แต่หลังจากอ่านประกาศแล้ว ผู้คนทั้งหลายก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับครอบครัวของสวี่หรูเยว่กับฟางหลานซิน
เมื่อหม่าเสวี่ยหลานได้ยินข่าวซุบซิบ หล่อนก็ยุติการทำอาหาร รีบวิ่งออกไปดูพร้อมกับผ้ากันเปื้อนและไม้นวดแป้งในมือ
เพียงมองดูตัวอักษรแค่ไม่กี่คำ หล่อนก็อ่านแผ่นประกาศจบ ดวงตาเป็นประกาย พระเจ้า สวี่หรูเยว่ตั้งครรภ์อย่างนั้นเหรอ?
ถ้าท้องก่อนแต่ง งั้นก็ต้องเป็นลูกของหลี่ต้าหย่งน่ะสิ!
หล่อนรีบวิ่งไปที่บ้านของหลี่ต้าหย่ง และตะโกนโวยวายก่อนจะเดินเข้าประตูไป “น้องสะใภ้กุ้ยจือ น้องสะใภ้กุ้ยจือ ฉันมาประกาศข่าวดีให้เธอฟัง เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยล่ะ”
ฉินกุ้ยจือออกมาจากห้องและมองไปที่หม่าเสวี่ยหลานอย่างโกรธเคือง “ป้าลำโพง อย่างป้าเนี่ยนะจะพูดอะไรดี ๆ ได้?”
หม่าเสวี่ยหลานมองไปรอบ ๆ “ต้าหย่งไม่อยู่เหรอ?”
ฉินกุ้ยจือขมวดคิ้ว “อยู่ในห้อง”
ตั้งแต่วันที่สวี่หรูเยว่เข้าพิธีแต่งงาน หลี่ต้าหย่งก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง นอกจากกินและไปเข้าห้องน้ำแล้ว เขาก็ไม่เคยห่างออกจากเตียงอีกเลย เอาแต่ติเตียนฉินกุ้ยจือว่าไม่ควรเอากล่องไปหลอกบ้านสกุลสวี่
ไม่อย่างนั้นเขากับสวี่หรูเยว่คงได้แต่งงานกัน
ฉินกุ้ยจือโกรธเคืองเช่นกัน นังแพศยาอย่างสวี่หรูเยว่มีค่าพอสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออย่างไร? ปัญหาก็คือหล่อนไม่ต้องการให้พวกเขาแต่งงานกัน
ทำไมลูกชายหัวทึบของหล่อนถึงคิดไม่ได้?
เมื่อหม่าเสวี่ยหลานได้ยินว่าหลี่ต้าหย่งอยู่ที่นี่ หล่อนก็ตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้น “ฉันมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพวกเธอ ต้าหย่งเอ๊ย เธอเป็นพ่อคนแล้วนะ!”
ฉินกุ้ยจือขมวดคิ้ว “ป้าพูดบ้าอะไร? ต้าหย่งยังไม่มีภรรยา จะไปเป็นพ่อคนได้ยังไง”
หม่าเสวี่ยหลานขมวดคิ้ว “ไอ้หยา เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าต้าหย่งเป็นผู้ชายคนแรกของสวี่หรูเยว่ ตอนนี้สวี่หรูเยว่กำลังท้องได้สองเดือนแล้ว ใช่ไหมต้าหย่ง!”
ฉินกุ้ยจือประหลาดใจ “อะไรนะ? ป้าบอกว่าสวี่หรูเยว่ท้องงั้นเหรอ?”
หลี่ต้าหย่งที่กำลังนอนอยู่ในห้องได้ยินประโยคดังกล่าวก็รีบกระโดดขึ้น หยิบรองเท้าแล้ววิ่งออกไปทันที: “ป้าหม่า ป้าพูดจริงเหรอ?”
หม่าเสวี่ยหลานจ้องเขม็ง “ฉันพูดเรื่องไร้สาระที่ไหน หวังไก๋ฮวาป่าวประกาศเรื่องนี้ไปทั่วโรงงานซ่อมรถ ทุกคนรู้กันหมดแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ตามฉันไปดู แผ่นประกาศยังติดอยู่บนถนนอยู่เลย”
หลี่ต้าหย่งวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่พูดไม่จา ขณะถือรองเท้าเอาไว้ในมือ
หม่าเสวี่ยหลานแสยะยิ้มขณะมองดูฉินกุ้ยจือ “น้องสะใภ้กุ้ยจือ นี่นับว่าเป็นเรื่องดีเลยนะ ตอนนี้เธอเป็นย่าคนแล้วนะ เป็นข่าวดีใช่มั้ยล่ะ?”
ฉินกุ้ยจืออยากจะฉีกปากหม่าเสวี่ยหลานทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด “สมแล้วที่ฉันเคยพูดว่าป้าเป็นลำโพงน่ะ ฉันไม่ได้ปรักปรำป้าแม้แต่น้อย แต่ฉันคงจะรับหลานคนนี้ไว้ไม่ได้หรอก”
หล่อนพูดจบก็รีบวิ่งตามหลี่ต้าหย่งไป เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรไร้เหตุผล
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มีคนขโมยสมบัติของไป๋หลางไปได้เหรอ ใครเอาแหวนนั่นไป?
ตายแน่นังแม่เลี้ยงกับหรูเยว่ ข่าวไปไกลทั่วทั้งบางแล้ว
ไหหม่า(海馬)