เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 174 พวกเธอคิดว่าสวี่ชิงโง่หรือไง
บทที่ 174 พวกเธอคิดว่าสวี่ชิงโง่หรือไง?
ฟางหลานซินคิดเพียงว่าเย่เหม่ยอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา หล่อนจึงหยิบยกเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนแรกขึ้นมาพูดอีกครั้ง
เย่เหม่ยตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ “เกิดอะไรขึ้นกับสวี่ชิงที่แม่น้ำหวงโห? แล้วหล่อนไปทำอะไรที่แม่น้ำหวงโห?”
ฟางหลานซินเหลือบมองด้วยความขุ่นเคือง “ก็ไปหาผัวน่ะสิ ไร้ยางอายซะไม่มี”
เย่เหม่ยขมวดคิ้ว “แล้วจับคนที่ข่มขืนหล่อนไม่ได้เหรอ?”
ฟางหลานซินส่ายศีรษะ “ไม่ได้ คิดว่าคงเป็นพวกคนจรจัดแถวนั้นที่หายตัวไป”
สวี่หรูเยว่พูดกระซิบอยู่ด้านข้าง “ไม่รู้ว่าโดนไปกี่คนบ้าง หน้าด้านจริง ๆ”
เย่เหม่ยเหลือบมองฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่ และรู้สึกว่าผู้หญิงสองคนนี้ช่างไร้สมองเหลือเกิน!
หล่อนไม่ได้คิดเช่นนั้น บางทีเรื่องการข่มขืนอาจเกี่ยวข้องกับโจวจินหนาน
แต่หล่อนจะต้องหาให้ได้ก่อนว่ายาพิษที่โจวจินหนานโดนคือประเภทไหน
เมื่อฟางหลานซินเห็นว่าเย่เหม่ยไม่มีคำถามต่อ ได้แต่นั่งเงียบไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จึงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ถามมากความจะมีประโยชน์อะไร เธอเอาแต่อยู่บ้านทั้งวัน แล้วเมื่อไหร่สวี่ชิงจะทุกข์ทรมานสักที”
เย่เหม่ยเหลือบมองฟางหลานซินเล็กน้อย ท่าทางดูเฉยเมยนัก “สวี่จื้อกั๋วยังไม่กล้าพูดกับฉันแบบนี้เลยนะ! การที่โจวจินหนานกับนังแก่นั่นยังอยู่ ลงมือตอนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่ามันได้หรอกหรือ? อย่าลืมสถานภาพของโจวจินหนานสิ ฉันไม่ได้ไร้สมองเหมือนพวกเธอที่ตกม้าตายตั้งแต่เริ่มหรอกนะ”
ฟางหลานซินโกรธจัด “งั้นเธอก็รีบหน่อยสิ”
เย่เหม่ยยิ้มเยาะ และหันไปมองสวี่หรูเยว่อีกครั้ง “เธอก็ท้องเหมือนกันเหรอ?”
สวี่หรูเยว่ขมวดคิ้ว ไม่ต้องการพูดถึงการตั้งครรภ์ของหล่อน “ค่ะ”
เย่เหม่ยค่อย ๆ หลับตาลง พูดพึมพำสองสามคำราวกับผีสาง ก่อนจะลืมตาขึ้นและจ้องมองไปทางสวี่หรูเยว่ “เธอไม่ต้องการเด็กนี่ใช่ไหม? เพราะงั้นเธอเลยคิดจะกล่าวโทษสวี่ชิงที่ทำให้เธอแท้งลูกสินะ?”
สวี่หรูเยว่ตอบอย่างไม่รู้สึกผิด “ใช่ค่ะ”
เย่เหม่ยถอนหายใจ “พวกเธอคิดว่าสวี่ชิงโง่จนตำหนิอะไรก็ได้ตามที่ต้องการหรือไง?”
นังโง่สองคนนี้เผชิญกับความสูญเสียมากมาย แต่กลับไม่เคยจำใส่สมอง!
สวี่หรูเยว่ขุ่นเคือง แต่กลับถูกฟางหลานซินห้ามปรามเอาไว้ เย่เหม่ยดูน่าสะพรึงกลัวขึ้นทุกวัน จะไปยั่วยุหล่อนไม่ได้
เย่เหม่ยมองดูทั้งสองคน “ถึงอย่างนั้น ฉันก็พอช่วยพวกเธอหาทางออกได้”
…………
สวี่ชิงยังคงสงสัยว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวได้รับยาพิษชนิดไหน จึงขอให้โจวจินหนานหาคนมาตรวจสอบ เพราะเมื่อไม่นานมานี้เธอรู้สึกหวาดระแวงกับการถูกคุกคามขึ้นมานิดหน่อย
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันล้วนแต่พุ่งเป้ามาที่เธอ
โจวจินหนานรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเธอ หลังจากกลับไปถึงบ้าน เฟิงซูฮวาก็เข้าห้องไปพักผ่อน ขณะที่โจวจินหนานพาสวี่ชิงไปที่ห้อง “คุณไม่ต้องคิดมากนะ มีผมอยู่ที่นี่ ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณกับลูกเป็นอันตรายเด็ดขาด”
สวี่ชิงเอื้อมมือออกไปโอบรอบเอวเขา “ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ พวกคนเลวชอบซ่อนตัวอยู่ในความมืด ไม่รู้ว่าจะลอบกัดอีกเมื่อไหร่ อีกอย่างฉันเป็นคนที่ถูกเกลียดหรือถูกรำคาญง่ายมาก”
โจวจินหนานลูบเรือนผมของเธอเบา ๆ “คุณดีจะตาย”
สวี่ชิงหัวเราะ “อาจเป็นเพราะฉันดีและสวยเกินไปมั้งคะ ถึงได้โดนอิจฉาโดนเกลียดชังง่ายขนาดนี้”
เช่นเดียวกับฟางหลานซินและสวี่หรูเยว่ที่อยากให้เธอมีชีวิตแย่ ๆ
โจวจินหนานยิ้ม “อืม ก็สวยแหละ แต่คุณชอบทำให้คนหลงมากกว่า”
สวี่ชิงเงยหน้ามองโจวจินหนานด้วยความประหลาดใจ “ก้มหัวลงค่ะ!”
โจวจินหนานก้มศีรษะลงโดยไม่รู้เหตุผล ก่อนที่สวี่ชิงจะเขย่งปลายเท้าและจูบเข้าที่ริมฝีปากของเขา แลบลิ้นเลียริมฝีปากของอีกฝ่าย “ไหนขอลองชิมหน่อย นี่ฉันกำลังกินลูกกวาดอยู่หรือเปล่าคะเนี่ย?”
โจวจินหนานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และปล่อยให้สวี่ชิงคล้องคอเพื่อฉกฉวยความหวาน
ท้ายที่สุดฝ่ายตกเป็นรองกลับกลายเป็นฝ่ายรุก จนทำให้รอบดวงตาของสวี่ชิมปกคลุมไปด้วยสีแดงจาง ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิที่โหมกระหน่ำ เขาส่งยิ้มละมุนและปล่อยให้เธอนั่งลงที่ข้างเตียง ก่อนจะเดินไปหยิบตะกร้าแอปริคอทที่เกาจ้านนำมาให้
ตะกร้าไม้ไผ่ถูกสานขึ้นอย่างประณีต เต็มไปด้วยผลแอปริคอทสีเขียวอมเหลือง จนทำให้สวี่ชิงอดสงสัยไม่ได้ “เกาจ้านไปเอามันมาจากไหนคะ? ปกติมันหายากมากเลยนะ”
โจวจินหนานยิ้มพลางหัวเราะเมื่อเห็นว่าสวี่ชิงมีความสุขอีกครั้ง “แอปริคอทของสวีหย่วนตงค่อนข้างสุกช้าน่ะ ทุกปีมันจะไม่ยอมสุกจนกว่าจะถึงเดือนกันยายน สวีหย่วนตงบอกว่ามันน่าจะเป็นแอปริคอทพันธุ์หนึ่ง”
สวี่ชิงไม่เกรงใจอีกเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอรีบหยิบมันขึ้นมาถูกับฝ่ามือและเริ่มกัดกิน “ทำไมคุณเก่งจังคะ รู้ด้วยว่าฉันชอบกินของพวกนี้ แต่ไม่ใช่ฉันที่ชอบกินหรอกค่ะ ลูกชายคุณต่างหากที่ชอบกิน ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ชอบกินผลไม้พวกนี้หรอก”
โจวจินหนานยิ้มและลูบผมเธอ “อืม ขอแค่คุณกับลูกชอบก็พอ”
หลังจากสวี่ชิงกินแอปริคอท เธอก็มีความคิดที่จะซื้อจักรยาน “พรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อจักรยานอีกคัน ไม่มีรถจักรยานแล้วมันไม่ค่อยสะดวกเวลาไปไหนมาไหนเลยค่ะ คุณไปซื้อกับฉันนะ”
โจวจินหนานเห็นด้วยกับเธอ “คราวนี้ผมจะเลือกจักรยานแบบผู้หญิง คุณจะได้ปั่นสะดวก”
สวี่ชิงไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเมื่อท้องของเธอโตขึ้น เธอคงไม่สะดวกที่จะนั่งจักรยานแบบมีคาน
เธอกัดกินแอปริคอทอีกสองสามผลขณะพูดคุยกัน โจวจินหนานอาศัยอยู่ในกองทัพมาเป็นเวลานาน ชีวิตเขาค่อนข้างยากลำบาก จึงไม่สนใจที่จะล้างผลแอปริคอทก่อนกินมัน
สวี่ชิงคิดว่าผลไม้ชนิดนี้ปลอดมลพิษและยังเป็นผลไม้อินทรีย์ไร้การปนเปื้อน ยิ่งเช็ดถูก็ยิ่งส่งกลิ่นหอมมากขึ้น
โจวจินหนานมีความสุขที่ได้มองดูสวี่ชิงกิน ทั้งที่ในปากเต็มไปด้วยรสชาติอมเปรี้ยว แต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงความเปรี้ยวแม้แต่น้อย
……
เช้าวันรุ่งขึ้น สวี่ชิงรอให้ผางเจิ้งหัวกับหูจือออกไป ก่อนจะไปซื้อจักรยานที่ห้างสรรพสินค้ากับโจวจินหนาน
นอกจากนี้เธอยังอยากจะซื้อเสื้อผ้าให้โจวจินหนานด้วย
ทั้งสองเดินทางโดยรถประจำทาง และสวี่ชิงก็พาโจวจินหนานไปซื้อเสื้อผ้าก่อน
โจวจินหนานสงสัย “ผมมีเสื้อผ้าเยอะแล้ว ไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้”
ทว่าสวี่ชิงไม่เห็นด้วย “ฉันเห็นนะว่าเสื้อกั๊กของคุณมีรู เพราะงั้นต้องซื้อใหม่อีกสักสองตัว ซื้อกางเกงด้วย แล้วก็ผ้าอีก เอาไว้ฉันจะกลับไปทำชุดใหม่ให้ พอว่างฉันจะทำรองเท้าใหม่ให้คุณอีกสักสองคู่ จะต้องสบายกว่ารองเท้าทหารเป็นไหน ๆ”
ช่วงนี้เธอยุ่งมาก จนลืมเรื่องการทำรองเท้าไปเสียสนิท
โจวจินหนานรู้สึกว่าสวี่ชิงทำงานหนักเกินไป “ผมใส่จนชินแล้ว ไม่อึดอัดหรอก อย่าสิ้นเปลืองเงินเลย เก็บเงินพวกนี้ไว้ซื้อของอร่อย ๆ กินนะ”
สวี่ชิงเหลือบมองโจวจินหนาน “ฉันทำให้คุณ คุณก็ต้องใส่มันสิ พอคุณกลับไปที่นั่นแล้วเห็นคนอื่นใส่รองเท้าที่ภรรยาเขาทำให้ แต่คุณไม่มีใส่ จะไม่เสียใจเอาเหรอ?”
โจวจินหนานจำได้ว่าตอนที่เขาอยู่ที่หน่วย บางคนได้รับพัสดุจากทางบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรองเท้าหรือพื้นรองเท้าที่แม่และภรรยาทำมาให้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษที่ส่งมาจากทางบ้าน
มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไม่เคยได้รับพัสดุอะไร ทำให้เขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเมื่อเห็นทุกคนได้แบ่งปันความสุขร่วมกัน
เขายังคงจำรองหัวหน้าทีมที่เข้ามาพูดโอ้อวดข้างหูอยู่ทุกวัน ฉีกยิ้มอวดฟันขาวซี่ใหญ่ไปทุกหนทุกแห่ง “ดูสิ นี่คือรองเท้าที่ภรรยาฉันทำให้ ดูสิ ภรรยาฉันถักเสื้อกันหนาวให้ด้วย”
ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว มันคงเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ
เมื่อสวี่ชิงเห็นว่าโจวจินหนานไม่พูดอะไร เธอจึงพูดว่า “เดี๋ยวค่อยหาซื้อผ้าขนสัตว์ทีหลัง ฉันทำงานไวน่ะ ยังไงก็ทำเสื้อกันหนาวเสร็จก่อนอากาศหนาวอยู่ดี”
เธอพูดคุยขณะเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมกับโจวจินหนาน หลังจากเลี้ยวโค้ง เธอก็พบเข้ากับสวี่หรูเยว่ เฉินหยิง และซูฮุ่ยหรูที่มาซื้อของ
สวี่ชิงถอนหายใจ ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้กันนะ!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เออ โดนเย่เหม่ยด่าไปสักทีสองแม่ลูกนี่ ยิ่งนานไปความฉลาดยิ่งถดถอยว่าซ่าน
โลกกลมอีกแล้ว จะปะทะคารมกันกลางห้างไหมนี่
ไหหม่า(海馬)