เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 172 ความสามารถเล็กน้อยที่น่าประทับใจ
บทที่ 172 ความสามารถเล็กน้อยที่น่าประทับใจ
สวี่ชิงไม่คุ้นเคยกับคนประเภทนี้มาแต่ไหนแต่ไร “หู่จือ ไม่ต้องไปสนใจเขา ไปเรียกตำรวจมาเร็ว ๆ”
ชายหนุ่มต้องการจะพูด แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ ด้วยความหวาดกลัวว่าตนเองจะถูกตำรวจจับ เขาจึงรีบเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าสวี่ชิง ทำท่าทางโบกไม้โบกมือสุดแรง
เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ตนเองถึงเปล่งเสียงออกไปไม่ได้ แต่เขาจะถูกตำรวจพาตัวไปไม่ได้เด็ดขาด
เขาคือยุวปัญญาชนที่ออกเดินทางไปที่มณฑลชิงไห่ และกลับเข้ามาในเมืองเพื่อนัดดูตัว เขาเป็นโรคลมบ้าหมู ทว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นโรคนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วใครจะอยากแต่งงานกับเขา?
ดังนั้นเขาจึงปัดความผิดให้กับร้านอาหาร แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าของร้านจะเป็นคนช่วยเขา
นี่เขากำลังเนรคุณอยู่ใช่ไหม?
สวี่ชิงขมวดคิ้วมองดูชายหนุ่มที่จู่ ๆ ก็คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ก่อนจะขยับไปด้านข้าง “ไม่ต้องมาคุกเข่าหรอก ฉันเกรงว่าคุณจะสิ้นอายุขัยซะก่อน ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าคุณมีเหตุผลหรือกำลังลำบากใจอะไร แต่ในเมื่อคุณทำแบบนี้ คุณก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา และฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องทำตามใจคุณด้วย”
เมื่อพูดเสร็จ เธอก็รีบวิ่งไปหาฝูงชน “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็ไปกันซะสิ ใครอยากกินก็เดินเข้าร้านไป ใครไม่อยากกินก็ไปหาเอาร้านอื่น ฉันรับประกันอย่างอื่นไม่ได้หรอก แต่ฉันรับประกันได้ว่าอาหารในร้านของฉันสดใหม่ทุกวัน”
ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องราวของชาวนากับงูเห่า เธอใจดีช่วยเหลือเขา แต่เขากลับแว้งมากัดเธอ!
สถานการณ์เปลี่ยนไปในทันที ฝูงชนเริ่มสาปแช่งชายหนุ่มว่าไร้ยางอาย และบางคนยังคงเข้าไปกินในร้าน
หู่จือวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาพานายตำรวจมาด้วยสองคน จากนั้นจึงต้อนคนออกไป
ชายหนุ่มต้องการพูดแก้ต่างแต่กลับพูดไม่ออก เขาไม่มีทางเลือกอื่นและได้แต่ตามตำรวจไป
สวี่ชิงรู้แปลก ๆ ในใจเมื่อมองดูกลุ่มคนที่กำลังจากไป ทำไมเขาถึงหยุดพูดขึ้นมากระทันหัน? เมื่อดูจากรูปลักษณ์ของชายหนุ่มแล้ว เขาไม่น่าจะเป็นคนเสแสร้ง
อีกทั้งยังรู้สึกหวาดระแวงในใจมากขึ้น เนื่องจากเธอเป็นคนสุดท้ายที่ติดต่อกับชายหนุ่มคนนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เธอจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
เธอเรียกหาหู่จืออีกครั้ง “ไปตามคุณย่ากับโจวจินหนานที่บ้านฉันที ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
หู่จือตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของสวี่ชิง เขาไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ และรีบตรงดิ่งไปหารถจักรยาน
สวี่ชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับผางเจิ้งหัวว่า “พวกนายเฝ้าร้านไปก่อนนะ ฉันจะไปดูเขาหน่อย”
ผางเจิ้งหัวกับซุนเชียวเฟิ่งกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารจนไม่ได้ออกไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก ถึงอย่างนั้นพวกเขาได้ยินเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่สีหน้าจริงจังของสวี่ชิงทำให้ผางเจิ้งหัวรู้สึกประหม่ามากขึ้น “เป็นอะไรหรือเปล่า? เธอช่วยเขาไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ทุบคืนซะล่ะ”
สวี่ชิงส่ายหัว “ไม่เป็นไรหรอก ข้าวแบบเดียวกันก็เลี้ยงคนมาตั้งหลายร้อยประเภท คนแบบไหนก็ได้กินหมด ฉันจะออกไปดูสักหน่อย ไม่งั้นคงไม่สบายใจ”
ผางเจิ้งหัวไม่พอใจเล็กน้อย “นับวันคนดียิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ อยากไปดูเหลือเกินว่าไอ้คนเนรคุณนั่นมันเป็นยังไง”
สวี่ชิงมองดูกลุ่มคนครัวและยิ้มเล็กน้อย “จะพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก ในโลกนี้ยังมีคนดีอีกมากมาย”
เธอพูดคุยกับผางเจิ้งหัวอีกสองสามคำ และขอให้พวกโจวจินหนานตรงไปที่สถานีตำรวจ
จากนั้นเธอจึงรีบเดินไปที่สถานีตำรวจ
เนื่องจากไม่ใช่คดีร้ายแรงใหญ่โต ชายหนุ่มจึงถูกพาตัวไปสอบปากคำที่สำนักงานตำรวจ
ทว่าเขาไม่สามารถพูดได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรอคอยด้วยความอดทน
เมื่อสวี่ชิงมาถึง พวกเขายังคงทำการสอบปากคำอยู่ เธอยืนอยู่หน้าประตู ชำเลืองมองดูเหตุการณ์ด้านในจากรอยแยกประตู เห็นชายหนุ่มนั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะ ใช้สองมือทำท่าทางเพื่อสื่อสาร สีหน้าดูวิตกกังวลมาก
ภายในใจรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดเสียงดังฟังชัด แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่พูด?
ขณะที่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็เอียงตัวล้มลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังลั่น
เมื่อมองดูที่ชายหนุ่มอีกครั้ง แขนขาของเขากำลังกระตุก ลำตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ตำรวจที่กำลังสอบปากคำอยู่ตกใจ รีบลงไปนั่งยอง ๆ และดูว่าเกิดอะไรขึ้น
สวี่ชิงไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรีบเข้าไปนั่งยอง ๆ “เร็วเข้าค่ะ รีบอ้าปากเขาไว้ อย่าให้เขากัดฟันตัวเอง”
เมื่อมองดูใบหน้าของชายหนุ่ม ใบหน้าของเขาเริ่มกลายเป็นสีฟ้าคล้ำ คราวนี้เหมือนไม่ใช่อาการลมบ้าหมู แต่เหมือนโดนยาพิษเสียมากกว่า
เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ขณะที่เฟิงซูฮวา โจวจินหนานและตำรวจทั้งสองนายเข้ามา เฟิงซูฮวาเหลือบมองสวี่ชิงและพูดขึ้นว่า “กดจุดเสวียนจี*(1)ค้างไว้ แล้ววางเข็มไว้บนจุดเทียนเหมิน*(2)”
สวี่ชิงเอื้อมมือออกไปและกดนิ้วลงบริเวณจุดเสวียนจีบนหน้าอกของชายหนุ่ม แต่เธอไม่มีเข็มเงิน เธอจะไปหาเข็มได้จากที่ไหน?
เฟิงซูฮวาส่งเข็มเงินให้โจวจินหนาน โจวจินหนานเดินเอาเข้าไปให้ สวี่ชิงกำลังเอาเข็มอันที่สั้นที่สุดจิ้มลงไป แต่เฟิงซูฮวากลับพูดขึ้นว่า “เอาอันที่ยาวที่สุด!”
สวี่ชิงหยิบเข็มเงินเล่มยาวที่สุดออกมาโดยไม่ลังเล ก่อนจะรีบหยิบลำสีออกมาเช็ดอย่างรวดเร็ว ค้นหาจุดเทียนเหมินระหว่างคิ้วของเขาและแทงเข็มลงไป
ภายในใจเกิดความสงสัยว่าทำไมเธอจะต้องฝังเข็มสองจุดที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันด้วย?
เข็มเงินจมหายลงไป และเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นชายหนุ่มก็พ่นเลือดสีดำออกมาเต็มปาก
แขนขาที่กระตุกอยู่ก็สงบลงเช่นกัน เพียงแต่เมื่อดึงเข็มออก ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกอัศจรรย์กับเลือดสีดำเข้มที่พุ่งออกมา นอกจากนี้เลือดยังมีกลิ่นคาวมาก
สวี่ชิงรู้สึกว่าท้องไส้ของเธอปั่นป่วน ปิดปาก ลุกขึ้นและถอยไปยืนข้างหลังโจวจินหนาน
เฟิงซูฮวาเหลือบมองชายหนุ่ม “พ่อหนุ่มไปกินอะไรมา?”
ชายหนุ่มอ้าปากและทำเสียงอา ตอนนี้เขาสามารถพูดได้แล้ว เขามองไปที่หญิงชราผู้ใจดี และสวี่ชิงที่กำลังใช้มือปิดปากกับจมูกด้วยความลำบากใจเล็กน้อย “ผมกินอาหารจากร้านของคุณ และรับน้ำประปาจากสถานีรถไฟมาดื่ม”
จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดอีกสักพัก “ไม่ได้กินอย่างอื่นเลยครับ”
เฟิงซูฮวาขมวดคิ้ว “ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอถูกวางยาพิษ ลองนึกดูว่าเธอกินอะไรเข้าไปอีกบ้าง ถ้าครั้งนี้ไม่ได้หลานฉันช่วยชีวิตเอาไว้ เธอก็คงได้ไปเจอกับยมบาลแล้ว”
ชายหนุ่มตัวสั่นเทาด้วยความตกตะลึง “ยาพิษ? ผมจะถูกวางยาพิษได้ยังไง? ผมไม่ได้กินอาหารอย่างอื่นจริง ๆ นะครับ ผมลงมาจากรถไฟ รับน้ำประปามาและตรงไปกินข้าวที่ร้านอาหารของคุณ อีกอย่างผมก็แค่รอครอบครัวมารับ”
เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่สิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง น้ำประปาไม่มีทางมีพิษ เพราะฝูงชนจำนวนมากก็ดื่มมัน
จะบอกว่าอาหารของทางร้านมีพิษ แต่คนจำนวนมากก็ไม่เห็นเป็นอะไรหลังจากกินมันเข้าไป แล้วทำไมเขาถึงได้โดยวางยาพิษคนเดียว?
ตำรวจมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความตื่นตระหนก “คุณอยากจะแจ้งความไหมครับ?”
ชายหนุ่มรีบส่ายหัว “ผมจำไม่ได้เลยครับ ผมไม่ได้กินอะไรจริง ๆ ปัญหามันไม่ใช่เรื่องน้ำหรือเรื่องข้าว แต่ผมไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไรต่างหาก”
หากเขาแจ้งความ สวี่ชิงจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรก และครั้งนี้เขาจะไม่ทำตัวเนรคุณอีกแล้ว
ในที่สุดตำรวจก็ส่งตัวชายหนุ่มไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เนื่องจากเขาไม่ต้องการแจ้งความ จึงไม่มีการสอบสวนคดีความนี้ต่อ
สวี่ชิงกับโจวจินหนานช่วยกันพาเฟิงซูฮวาออกจากสถานีตำรวจ ขณะเดินทางออกไป พวกเขาถามเฟิงซูฮวาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณย่าคะ พอจะรู้ไหมคะว่าผู้ชายคนนั้นโดนพิษอะไร?”
เฟิงซูฮวาส่ายหัว “ไม่รู้สิ ย่าแค่เข้าไปดู พอเห็นสีหน้าก็รู้แล้วว่าโดนพิษ แต่พิษยังติดอยู่ในลำคอ เขาเลยพูดไม่ได้”
สวี่ชิงสงสัยมากขึ้น “คุณย่า ทำไมล้างพิษได้ง่ายจังคะ?”
เฟิงซูฮวายิ้มและมองไปที่สวี่ชิง “เด็กโง่ ถึงจะดูง่าย แต่มันง่ายสักที่ไหน ต่อจากนี้ไปถ้าหลานตั้งใจเรียนรู้ให้มาก หลานก็เข้าใจเอง พอหู่จือหลังมาจากสถานีตำรวจและมาเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น โจวจินหนานก็หวาดกลัวจนวิ่งตามก้นย่ามาเลยทีเดียว!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
*(1) จุดเสวียนจี คือจุดฝังเข็มบนหน้าอก ในแนวกึ่งกลางลำตัว อยู่บริเวณช่องต่อของลำคอ
*(2) จุดเทียนเหมิน คือจุดฝังเข็มแนวเส้นตรงบริเวณหน้าผาก
สารจากผู้แปล
พ่อหนุ่มคงโดนยาสั่งมาแล้วล่ะ ซึ่งคนทำยาสั่งก็คงไม่พ้นเย่เหม่ย อาจจะรับยาสั่งให้กินอาหารร้านอื่นแล้วไม่เป็นไร พอมากินอาหารร้านชิงชิงถึงเกิดพิษกำเริบ
ไหหม่า(海馬)