เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 159 ที่จริงแกไม่ใช่ลูกสาวของฉัน
บทที่ 159 ที่จริงแกไม่ใช่ลูกสาวของฉัน
ทันทีที่สวี่ชิงมองเห็นหยางเหมยกระป๋อง ก็รู้สึกว่าเรื่องอื่นทั้งหมดนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย
โจวจินหนานเห็นสีหน้าถูกใจราวกับเด็กน้อยอย่างหาได้ยากของสวี่ชิง เขาจึงดึงมือเธอมากุมอย่างไม่สนว่ารอบข้างมีคนอยู่ “ใบบ้านยังมีอีกเยอะมาก คุณนั่งลงก่อน ผมจะไปเปิดกระป๋องให้คุณเอง”
สวี่ชิงยิ้มตาหยีนั่งรอโจวจินหนานเปิดประป๋องให้ ตอนนี้กระป๋องถูกกดอัดเอาไว้อยู่ ต้องใช้เครื่องมือช่วยเปิดงัดออกมาทีละนิด ๆ ไม่เหมือนกับตอนสุดท้ายที่สามารถหมุนเปิดฝาออกได้
ผางเจิ้งหัวมองสองสามีภรรยาหวานชื่น ก็มีไหวพริบดี หลบไปทำงานนู้นนี้ไปเรื่อย
สวี่ชิงมองหยางเหมยสีแดงราวกับหยกใสใส่มาในถ้วยใบใหญ่พร้อมกับน้ำดอง กลิ่นเปรี้ยวหวานพลันตีขึ้นจมุก จนเธออดสูดดมกลิ่นไม่ได้ “หอมจังเลยค่ะ”
โจวจินหนานเองก็ได้กลิ่นหอมหวานนี้เช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหอมจนเกินเหตุอย่างที่สวี่ชิงแสดงออกมา จึงยกยิ้ม “งั้นรีบมาชิมสักคำสิครับ”
สวี่ชิงมองรอบ ๆ อีกเดี๋ยวยังต้องมีคนมากินข้าว เธอจึงถือถ้วยใบใหญ่แล้วหยิบช้อนคันเล็กไว้ “ไปค่ะ พวกเราออกไปกินข้างนอกเถอะ”
เธอพาโจวจินหนานไปที่สถานที่สงบ ๆ ไม่ค่อยมีคนแล้วนั่งลงตรงพื้น ใช้ช้อนคนแล้วตักหยางเหมยเข้าปาก รสชาติหวานอมเปรี้ยวก็ระเบิดในปากและลิ้นทันที
รสชาติสุดท้ายเป็นรสชาติหอมชื่นใจนิด ๆ เก็บไว้ซึ่งรสชาติที่สดใหม่ของผลหยางเหมยเอาไว้
ไมรู้ว่าทำไมผลไม้กระป๋องยุคนี้ถึงได้อร่อยขนาดนี้กันนะ
สวี่ชิงหรี่ตาอย่างพึงพอใจมาก สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอิ่มเอมบางอย่าง
โจวจินหนานมองสวี่ชิงอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการได้เห็นเธออารมณ์ดี
สวี่ชิงกินหยางเหมยไปสองลูกติด ๆ เมื่อมองซ้ายขวาแล้วเห็นว่าไม่มีคน ก็ป้อนหยางเหมยกระป๋องใส่ปากของโจวจินหนาน “รีบกินเร็วค่ะ เมื่อกี้ฉันกับลูกกินกันคนละลูกแล้ว อันนี้ของคุณ แบบนี้ครอบครัวเราสามคนก็ได้กินกันครบทุกคนแล้ว”
โจวจินหนานไม่กล้าชื่นชอบของเหล่านี้นัก แต่ในเมื่อสวี่ชิงพูดขนาดนี้เขาไม่กินก็คงจะไม่ได้ รีบกวาดสายตามองรอบ ๆ เห็นไม่มีคนสนใจทางนี้ก็รีบกัดหยางเหมยเข้าปากทันที
รสสัมผัสกลับดีอย่างคาดไม่ถึง ทั้งเปรี้ยวและหวาน
สวี่ชิงยิ้มตาหยีให้โจวจินหนาน “อร่อยมากเลยใช่ไหมคะ”
เธอป้อนให้โจวจินหนานกินอีกสองลูก แล้วตัวเองก็กินส่วนที่เหลือจนหมด แม้แต่น้ำดองก็ยังไม่เหลือสักหยด
จากนั้นก็แลบลิ้นเลียมุมปากอย่างพึงพอใจ “อร่อยมากจริง ๆ ค่ะ!”
โจวจินหนานครุ่นคิดสักพักก็ล้วงของจากในกระเป๋ากางเกงส่งให้สวี่ชิง “อันนี้ให้คุณ”
สวี่ชิงรับมาอย่างตกตะลึง “อะไรกันคะเนี่ย”
เมื่อคลี่ออกมาก็ปรากฏว่าเป็นผ้าพันคอผ้าสาลูสีเขียวอ่อน ตรงมุมยังปักลายดอกไห่ถังเล็กๆทั้งสี่ด้าน เนื้อผ้าหยาบเล็กน้อย แต่กลับดูดีมาก
สวี่ชิงดีใจจนวางถ้วยลงบนพื้น สองมือจับขอบมุมนั้นมาพันคอตัวเอง “สวยไหมคะ คุณสายตาดีจริง ๆ”
โจวจินหนานพยักหน้า “สวย”
สวี่ชิงอารมณ์ดีมาก ดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวขณะคลี่ผ้าพันคอออกมาดูดี ๆ “ทำไมจู่ ๆ คุณถึงซื้อเจ้านี้มาให้ฉันล่ะคะ”
ทั้งสีที่ถูกใจและมีลายดอกไห่ถังที่เธอชอบมันมาก
โจวจินหนานอดไม่ได้ยกยิ้มมุมปาก “มองเห็นผ่านๆ ก็เลยซื้อมา”
สวี่ชิงพลิกไปพลิกมา มองแล้วมองอีก ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ “ไอหยา ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนเยอะ ฉันคงจูบคุณไปแล้ว”
โจวจินหนานพลันทำหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะ กระแอมในลำคอ “เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่ามีคนมาหาเรื่องเหรอ? ให้ผมช่วยไหม?”
สวี่ชิงพยักหน้าทันที “ได้ค่ะ คุณยังจำเถ้าแก่ที่เราเอาทองคำไปขายที่ตลาดมืดคนนั้นได้ไหมคะ นักเลงหัวโจกที่นี่ก็คือหลานของเถ้าแก่คนนั้น ฉันได้ยินเขาเรียกหวงเวินหลงว่าลุงรอง”
โจวจินหนานพลันเข้าใจความหมายของสวี่ชิงทันที “ถ้างั้นพวกเราจัดการหวงเวินหลงก่อนดีไหม?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ คุณไปข่มขู่เขาคงจะไม่ได้ เกิดวันหนึ่งคุณไม่อยู่บ้านขึ้นมาเขาต้องบ้าคลั่งมาแก้แค้นฉันแน่ ฉันคงจะน่าเวทนามาก! พวกเราต้องคิดหาวิธีที่ไม่เพียงแต่ทำให้หวงเวินหลงกลัวพวกเรา แต่ยังทำให้เขาหันมาร่วมมือกับเราได้อีกด้วย”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “คุณคิดว่าควรทำยังไง?”
สวี่ชิงหัวเราะเหอะ ๆ “หากองหนุนให้พวกเขาก็ได้ค่ะ เส้นทางสีเทาของพวกเขาจะราบรื่นได้ยังไงหากไม่มีกองหนุน ซึ่งก็ต้องมอบเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่คุณแล้วล่ะค่ะ”
โจวจินหนานอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “คุณนี่นะ คิดแต่อะไรแปลก ๆ แบบนี้ทั้งนั้นเลย”
สวี่ชิงเชิดหน้าอย่างภาคภูมิเป็นการขอคำชมจากโจวจินหนาน “ไม่ใช่ว่าฉันฉลาดเป็นพิเศษเหรอคะ?”
โจวจินหนานยิ้มยื่นมือไปบีบจมูกสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว
สวี่จื้อกั๋วมองการกระทำของสวี่ชิงกับโจวจินหนานอยู่ไกล ๆ และรู้สึกตกใจที่โจวจินหนานไม่ได้ใส่ผ้าปิดตาแล้ว ทั้งยังดูเหมือนจะกลับมามองเห็นปกติแล้วด้วย
ทั้งสองคนต่างก็ดูเหมือนจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันมาก โดยเฉพาะสวี่ชิง ตอนที่เธอยิ้มให้โจวจินหนาน ดวงตาของเธอก็จะเป็นประกายสดใส
ประกายตาสดใสแบบนั้นเขาเคยเห็นมันจากดวงตาของเย่หนาน
เขาลังเลอยู่นานถึงค่อยเดินเข้าไปหาสวี่ชิงกับโจวจินหนาน
โจวจินหนานสังเกตเห็นสวี่จื้อกั๋วก่อน จึงลุกขึ้นยืนแล้วถือโอกาสดึงสวี่ชิงให้ลุกขึ้นมาด้วย ทั้งสองยืนอย่างนิ่งสงบรอให้สวี่จื้อกั๋วเดินเข้ามาใกล้
สวี่ชิงตกใจเล็กน้อย เพียงไม่เห็นเขาไม่กี่วัน สวี่จื้อกั๋วกลับทำให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนผีตนหนึ่ง ใต้ตาดำคล้ำ นัยน์ตาหม่นหมองไร้แวว
เคราดูแล้วเหมือนเพิ่งผ่านการโกนมา ด้านบนยังมีรอยเลือดสองสามรอยติดอยู่เหนือริมฝีปาก
มองแล้วก็ดูน่าสมเพชเป็นอย่างมาก
สวี่จื้อกั๋วเอ่ยปากพูดอย่างกระอักกระอ่วน “จินหนาน ตาคุณมองเห็นแล้วเหรอ”
โจวจินหนานพูดอืมเบา ๆ คำหนึ่ง
สวี่ชิงกลับไม่ความคิดจะพัวพันกับสวี่จื้อกั๋ว ขมวดคิ้ว “คุณมาทำอะไรคะ?”
สวี่จื้อกั๋วมองสวี่ชิงด้วยแววตาเสียใจเล็กน้อย “ชิงชิง พ่อรู้แล้วว่าเมื่อก่อนพ่อทำผิดกับลูก ครั้งก่อนที่มาทุบร้านก็เป็นความผิดพ่อเหมือนกัน พ่อหุนหันพันแล่นเกินไป หวังว่าลูกจะเห็นแก่ความเป็นพ่อลูกกัน ให้อภัยพ่อสักครั้งนะ”
สวี่ชิงไม่ส่งเสียงใด ยังคงมองสวี่จื้อกั๋วอย่างเย็นชา ถ้าไม่มีประสบการณ์จากชาติที่แล้ว เธอก็คงยอมเชื่อและให้อภัยสวี่จื้อกั๋วไปแล้วจริง ๆ
เพราะเธอคิดว่าญาติสนิทนั้นสำคัญมาก พ่อแม่เองก็สามารถทำผิดได้เช่นกัน
น่าจะเป็นเพราะตอนนี้เธอทำไม่ได้ เธอเคยประสบความเจ็บปวดจากความผิดหวังแล้วว่ามันเจ็บปวดที่สุด และก็ได้ลิ้มลองความขมขื่นที่สุดมาแล้วเช่นกัน
สิ่งเหล่านั้นก็คือมีดอาบยาพิษจากญาติสนิทของเธอเอง!
ทำให้ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เธอก็ไม่อาจเข้าถึงคำสารภาพผิดประโยคสองประโยคจากสวี่จื้อกั๋วได้ เพียงน้ำตาสองหยดก็คิดว่าเธอจะให้อภัยเขาแล้วอย่างนั้นหรือ
สวี่จื้อกั๋วเห็นสวี่ชิงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็ขยี้ดวงตา “พ่อไม่รู้ปกติฟางหลานซินปฏิบัติกับลูกยังไง แต่พ่อทำดีกับลูกมาโดยตลอด แม้ว่าชีวิตที่ผ่านมาจะไม่ดีนัก แต่พ่อก็ไม่เคยทำให้ลูกหิว ที่บ้านฐานะไม่ดีพ่อก็พยายามทำให้ลูกได้เรียนหนังสือ หรือว่าการที่พ่อทำความผิดนิดหน่อย ลูกก็จะไม่ให้อภัยพ่อแล้ว”
สวี่ชิงยังคงไม่พูด ถ้าให้พูดถึงเรื่องบุญคุณที่สวี่จื้อกั๋วเลี้ยงเธอมาจนโตล่ะก็ ชาติที่แล้วเธอต้องทำงานเหมือนวัวเหมือนม้าเพื่อครอบครัว ตอนสวี่จื้อกั๋วป่วยเธอยังคอยเฝ้าป้อนข้าวป้อนยาให้เขาตลอด
ซึ่งบุญคุณที่พูดมาไม่กี่อย่างในชาติที่แล้ว เธอได้ชดใช้ให้หมดแล้ว
ในชาตินี้เธอ สวี่ชิง ไม่ได้ติดหนี้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!
สวี่จื้อกั๋วพูดอยู่ครึ่งค่อนวัน กลับเห็นสวี่ชิงไม่พูดอะไรเลย ในใจก็เริ่มมีโทสะ แต่ก็ไม่อาจแสดงอกมาได้ ได้แต่สูดหายใจเข้าระงับอารมณ์ “ลูกคงจะไม่ให้อภัยพ่อแล้วใช่ไหม พ่อเป็นพ่อของลูก การทำแบบนี้ลูกไม่กลัวคนอื่นหาว่าลูกอกตัญญูหรือไง?!”
สวี่ชิงยิ้ม น้ำเสียงแฝงแววดูแคลน “ทำไมฉันต้องกลัวคนอื่นว่าด้วย ฉันไม่ได้มีชีวิตอยู่ด้วยปากคนอื่นเสียหน่อย!”
สวี่จื้อกั๋วพูดว่าดีติดกันสองสามคำ “ในเมื่อแบบนี้ งั้นฉันก็ขอพูดความจริงกับแก ความจริงแล้วแกไม่ใช่ลูกสาวของฉัน สวี่จื้อกั๋ว เลย! ฉันเลี้ยงแกมาสิบแปดปี ก็ถือว่าทำคุณบูชาโทษไปก็แล้วกัน!!”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เกิดปมเรื่องเพิ่มอีกหนึ่ง สรุปชิงชิงเป็นลูกใครกันแน่
จะว่าไปก็สมเพชจื้อกั๋วเหมือนกันนะ ลูกแต่ละคนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตัวเองเลยสักคน
ไหหม่า(海馬)