เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 158 ส่งค่าคุ้มครอง
บทที่ 158 ส่งค่าคุ้มครอง
เกาจ้านตกตะลึงค้างขณะมองโจวจินหนานหิ้วกระป๋องหยางเหมยจากไป…แม่งมันยังเป็นคนอยู่ไหมวะ?
แล้วเขาก็นอนเฝ้าบ้านบนเก้าอี้เอนหลังมันเสียเลย!
โจวจินหนานเดินไปที่สถานีรถไฟ เมื่อก่อนเขามากับสวี่ชิงด้วยกัน แต่สมาธิกลับฟุ้งซ่าน จนไม่มีความคิดจะสนใจวิวทั้งสองข้างทางเลย
ตอนนี้ได้เดินอยู่คนเดียว เขาถึงได้หันมาสนใจร้านที่เปิดอยู่สองข้างทางนี้บ้างแล้ว ต่อให้ร้านไม่ใหญ่แต่มีของขายแทบทุกอย่าง
ยังมีร้านร้านหนึ่ง แขวนผ้าไหมหลากสี ด้านบนผ้ายังมีดอกไม้ประดับอยู่บนนั้นด้วย บางผืนเป็นผ้าสีพื้นประดับด้วยดิ้นทอง
โจวจินหนานจ้องมองสองสามรอบ ก็มุ่งตรงเข้าไปยังร้านนั้นทันที
…….
ตอนเที่ยงสวี่ชิงกลับไปกินข้าวกับโจวจินหนาน แล้วค่อยกลับมาร้าน คิดเรื่อยเปื่อยว่าจะเอาร้านแผงลอยไปปล่อยเช่า ช่วงนี้ธุรกิจกำลังงเป็นไปได้สวย มีคนไม่น้อยมาถามเรื่องที่เปิดแผงลอย
สวี่ชิงไม่ได้รับปากมาโดยตลอด กำลังคิดจะหากิจการที่ไว้ใจได้สองอย่าง มาทำธุจกิจกับร้านอาหารจานด่วน ใกล้ ๆ กันได้โดยไม่ขัดแย้งผลประโยชน์ร่วมกัน
ผางเจิ้งหัวความคิดค่อนข้างเรียบง่าย “สถานนีรถไฟขายของกินก็เป็นอันใช้ได้แล้ว หรือจะให้เช่าขายซาลาเปาดี?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่ได้ แบบนี้จะกระทบกับกิจการของพวกเรา”
ผางเจิ้งหัวไม่เข้าใจนิดหน่อย “ทำไมถึงกระทบกับกิจการของเราล่ะ พวกเราไม่ได้ขายกับข้าวเหมือนกันเสียหน่อย ไม่แน่ตอนนั้นอาจอยากกินซาลาเปาอยู่ดี ๆ พอเห็นข้าวแล้วเขาอาจจะอยากกินข้าวแทนก็ได้”
สวี่ชิงยังคงส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้น ซาลาเปายังมีข้อดีอย่างหนึ่งคือพกพาสะดวก สามารถกินซาลาเปาไปด้วยอ่านหนังสือพิมพ์บนรถไฟไปด้วยได้ แบบนี้นายคิดว่าคนจะเลือกซื้อซาลาเปาหรือว่าซื้อข้าวกันล่ะ”
ผางเจิ้งหัวลองคิด ๆ แล้วก็เข้าใจว่าเรื่องมันเป็นแบนี้นี้เอง “งั้นให้เช่าอะไรถึงจะดีล่ะ”
สวี่ชิงหรี่ตาคิด “ลองดูไปก่อนว่ามีของท้องถิ่นอะไรบ้าง พวกเราไม่ต้องรีบ”
ผางเจิ้งหัวครุ่นคิดตามหล่อนเช่นกัน
ด้านหน้าร้านพลันมีผู้ชายสามสี่คนอายุยี่สิบกว่า สวมเสื้อเชิ้ตลายดอก สูบบุหรี่ปล่อยควันฟุ้งไปหมดเดินเข้ามา
คนที่เดินมาหน้าสุดนั้นสูงมาก สายตาแฝงแววชั่วร้ายบางอย่าง สายตามองร้านที่มองสองร่างในร้านอาหาร ตกลงมองที่สวี่ชิงและผางเจิ้งหัว หางคิ้วเลิกสูง “พวกแกใครเป็นเจ้าของร้าน”
สวี่ชิงมองท่าทางของสามคนนั้นก็รู้แล้วว่ามันมาทำอะไร ลุกขึ้นยืน “ฉันเอง มีทราบว่ามีธุระอะไร”
ชายร่างสูงตบหน้าอกตัวเองปุ ๆ “ฉันชื่อหวงเซียนเต๋อ คนแถวนี้เรียกฉันว่าพี่สามหวง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของสถานีรถไฟละแวกนี้โดยเฉพาะ”
สวี่ชิงยิ้ม “ขอโทษด้วยค่ะ พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง ๆ และอีกอย่างการดูแลความปลอดภัยของสถานีรถไฟไม่ใช่หน้าที่ของสถานีรถไฟเหรอคะ”
ซุนเถียนเดินเข้าไปดึงแขนของสวี่ชิง พูดเสียงเบาว่า “สวี่ชิงคุณอย่าหาเรื่องพวกเขา บนตัวพวกเขามีมีดนะ”
อีกทั้งพวกเขากล้าเก็บค่าคุ้มครองที่สถานีรถไฟ งั้นก็หมายความว่าเขามีคนนุ่นหลังอยู่แน่
สวี่ชิงเข้าใจความหมายของซุนเถียน ทว่าคนแบบนี้เมื่อให้ครั้งหนึ่งแล้วก็ย่อมมีครั้งที่สอง ต่อไปพวกเขาก็มีที่นี่ไม่จบไม่สิ้น
หวงเซียนเต๋อมองสวี่ชิงอย่างลำพองใจเล็กน้อย “ช่วงนี้ร้านของพวกเธอขายได้ไม่เลวนี่ และมีคนมาก่อกวนด้วย ทั้งหมดนี้เป็นพี่น้องของเราที่คอยช่วยดูให้คุณอยู่น่ะสิ ไม่ว่าพูดยังไง ค่าที่ทำให้พวกฉันลำบากขนาดนี้ เธอก็ควรต้องจ่ายนะ”
สวี่ชิงหัวเราะ “ลำบากจริง ๆ ค่ะ คุณแซ่หวงเหรอ?”
หวงเฉียนเต๋อพยักหน้า “ใช่ ถามทำไม เธอควรไปคิดว่าจะให้พวกเราเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมมากกว่า ฉันดูแล้วกิจการพวกเธอขายได้ไม่เลว วันละห้าหยวนคงไม่เยอะเท่าไรมั้ง”
วันละห้าหยวน หนึ่งเดือนก็ร้อยห้าสิบหยวน!
ผางเจิ้งหัวเริ่มไม่ยอมบ้างแล้ว “นี่พวกนายกำลังขโมยเงินชัดๆ”
หวงเฉียนเต๋อขมวดคิ้ว ถลึงตามองผางเจิ้งหัว “ทำไม แกมีปัญหาเหรอไง?”
พูดอยู่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ถลกเสื้อขึ้น เผยมีดเล่มเล็กที่เหน็บอยู่ข้างเอว
สวี่ชิงมองผางเจิ้งหัว แสดงออกว่าไม่ให้เขาพูด จากนั้นเธอยังคงรักษาท่าทางนุ่มนวลกับมองหวงเฉียนเต๋อไปด้วย “ไม่รู้ว่าคุณรู้จักหวงเวินหลงหรือเปล่า”
หวงเฉียนเต๋อชะงักไปสักพัก สงสัยเล็กน้อย “เธอรู้จักหวงเหวินหลงด้วยเหรอ”
สวี่ชิงยิ้ม ๆ “คุณสามารถไปถามหวงเวินหลงก่อนได้นะคะ ว่าขนาดเขายังไม่กล้ามาหาเรื่องพวกฉันที่นี่เพราะอะไร!”
ประโยคนี้แม้ว่าหล่อนจะพูดไปยิ้มไปด้วย แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความอ่อนโยนอยู่ในนั้นเลยสักนิด กระทั่งแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกสองสามส่วน
หวงเฉียนเต๋อมุ่นคิ้ว กล้าเรียกชื่อลุงรองของเขามากขนาดนี้ ผู้หญิงตรงหน้าดูแล้วอายุไม่เท่าไหร่ แต่ประกายในดวงตากลับดูน่าเกรงขาม
ทำให้คนรู้สึกเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก
สวี่ชิงเพียงแค่กำลังวางเดิมพัน คนที่สามารถรับซื้อทองคำให้ตลาดมืดได้ ไม่ทันไรก็สามารถควักเงินสองสามพันได้ เบื้องหลังจะต้องใหญ่กว่านักเลงที่คอยเก้บค่าคุ้มครองพวกนี้เป็นแน่
อีกทั้งพวกเขายังแซ่หวงเหมือนกันอีก ไม่แน่ว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกัน
หวงงเฉียนเต๋อที่กำลังสงสัย ชายผมหยิกด้านหลังกลับไม่ยอมแพ้ “พี่สาม พวกเราอย่าไปโดนหล่อนขู่สิ หล่อนจะไปรู้จักลุงรองได้ยังไง หล่อนจะต้องอ้างชื่อลุงรองไม่ช่มขู่คนแน่”
สวี่ชิงยิ้มเย็น “ใช่หรือไม่ พวกคุณไปถามดูก็รู้ ถ้าวันนี้พวกคุณคิดคิดจะเอาเงินพวกเราให้ได้ ก็ฝันไปเถอะ!”
หวงเฉียนเต๋อมองสวี่ชิงที่ไม่คิดจะให้แม้แต่น้อย ก็แอบใจหายถ้าแตะต้องคนที่ไม่สมควรแตะต้องถึงมา กลับไปเขาคงโดนลุงรองถลอกหนังแน่ จึงฝืนหัวเราะสองที “ในเมื่อเธอบอกว่ารู้จักลุงรองของฉัน งั้นฉันจะไปถามให้เข้าใจ แล้วหวังว่าเธอจะไม่พูดเพ้อเจ้อกับฉัน!”
พูดจบยังเดินจากไปด้วยท่าทางวางกล้ามสองมือยังกุมขอบกางเกงเป็นการข่มขู่อีกด้วย
พอคนเดินจากไป ซุนเถียนก็รีบมาบอกเตือนสวี่ชิงทันที “พวกมันต้องกลับมาอีกแน่ คนที่นี่ไม่มีใครกล้าหือกับพวกเขา เคยมีคนแจ้งความมาจับที่สถานนีรถไฟ ผลสุดท้ายวันต่อมาพวกเขาก็ถูกปล่อยตัวแล้ว คนที่แจ้งความยังถูกซ้อมอย่างโหดเหี้ยม จนถึงตอนนี้ยังนอนเป็นอัมพาตอยู่เลย”
ผางเจิ้งหัวมุ่นคิ้ว “สถานีรถไฟไม่สนเลยหรือ”
ซุนเถียนมองผางเจิ้งหัวแวบหนึ่ง “ทำไมนายใสซื่อขนาดนี้ สถานีรถไฟก็ต้องสนใจอยู่แล้ว แต่พวกเขาเพียงแกล้งลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง ขอแค่ไม่ก่อเรื่องในสถานีก็เป็นอันใช่ได้ แต่พวกนายไม่กลับบ้านเหรอ คนพวกนั้นต้องดักรออยู่ระหว่างทางแน่ พวกผู้อำนวยการก็กลัวถูกอิฐตบหลัง*”
*เป็นคำแสลง หมายถึง โดนลอบโจมตี
ผางเจิ้งหัวรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย “บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป”
สวี่ชิงไม่โกรธเรื่องนี้ ต่อไปมันก็ยังคงมีอยู่ คนอื่นเห็นว่าเป็นยุคที่สงบสุขดี กลับไม่รู้เลยว่ามีความสกปรกใดซ่อนอยู่บ้าง
เธอยิ้มแล้วปลอบใจผางเจิ้งหัว “อย่าโกรธไปเลย ไว้ตอนเย็นฉันค่อยกลับไปปรึกษาโจวจินหนาน”
เธอรู้สึกได้ว่าหวงเวินหลงยังคงหวาดกลัวโจวจินหนานอยู่ ดังนั้นถ้าให้โจวจินหนานจัดการหวงเวินหลง ต่อไปยังต้องกลัวมีคนมาก่อเรื่องกับเธออยู่อีกเหรอ?
สามีของเธอในเวลาสามารถช่วยเธอได้แน่!
โจวจินหนานเข้ามาได้ยินประโยคสุดท้ายพอดี ก็ถามอย่างสงสัย
สวี่ชิงตกใจ “คุณมาได้ยังไงเนี่ย”
ผางเจิ้งหัวถอดถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ “ถ้าคุณมาเร็วว่านี้สองสามนาที ก็คงเจอกับพวกนักเลงไถ่เงินพวกนั้นแล้วจัดการพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมสักยกไปแล้ว”
โจวจินหนานมุ่นคิ้ว “มีคนมาไถ่เงินเหรอ”
สวี่ชิงเล่าเรื่องอย่างง่ายให้เขาฟังรอบหนึ่ง สายตากลับจ้องหยางเหมยที่อยู่ในมือของโจวจินหนานเขม็ง พูดจบก็อดน้ำลายไหลออกมาไม่ได้
หล่อนกลืนน้ำลายอึก ๆ ใบหน้าก็ยิ้มไปด้วย “คุณไปเอาหยางเหมยมาจากไหนคะ”
อะไรคือค่าคุ้มครอง หรือว่านักเลงมาหาเรื่อง ก็ไม่อยู่ในสายตาของหล่อนทั้งนั้นนอกจากหยางเหมยเชื่อมที่ดึงดูดใจคนขวดนั้น!
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขนาดลูกพี่ยังเสร็จสามีภรรยาโหดคู่นี้มาแล้ว ตัวเองเป็นรุ่นเล็กคิดจะมาชนะอะไรเหรอ
เรื่องหยางเหมยนี่ต้องขอบคุณเกาจ้านนะคะที่เป็นธุระหามาให้
ไหหม่า(海馬)