เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 155 หลบไปฉันอยากอาเจียน
บทที่ 155 หลบไปฉันอยากอาเจียน
สวี่ชิงมองโจวจินหนานอย่างตกตะลึง ทำไมเธอถึงคิดข้อนี้ไม่ออกกันนะ
ทั้งยังเป็นไปได้มากอีกด้วย!
เธอลูบคางแล้วคิด “หน้าตาก็ถือว่าเหมือนกัน เสื้อผ้าปักลายยังคล้ายกับชุดแต่งงานของแม่ฉันด้วย หล่อนกลัวว่าฉันจะดูไม่ออกหรือยังไง ดูตั้งใจปรากฎให้ฉันเห็นเกินไป แต่กลับทำเหมือนไม่รู้จักฉัน แสดงว่าต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ ถ้าหล่อนเป็นพี่น้องของแม่ฉันจริง ความสัมพันธ์ก็น่าจะไม่ดีนัก”
“ไม่แน่ว่าอาจเป็นศัตรูคู่แค้นกันด้วยซ้ำ!”
สวี่ชิงยิ่งคิดสมองก็ยิ่งแล่น ปริศนาที่หล่นหายไป ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนชักจูงอะไรอยู่เบื้องหลังแล้วต้องการสานต่อให้เสร็จสิ้น?
หรือว่าพวกที่เลี้ยงกู่พวกนั้นจะมีเคล็ดลับอะไรอีก
โจวจินหนานยื่นมือลูบศีรษะสวี่ชิง “ไม่ต้องกลัว ที่นี่เป็นเมืองเอกมณฑล ไม่ใช่หมู่บ้านชนกลุ่มน้อยบนภูเขา ต่อให้หล่อนมีแผนการก็คงไม่กล้าลงมือง่าย ๆ”
สวี่ชิงไม่เป็นกังวลอะไรกับเรื่องอื่น ขอเพียงอย่าให้ผู้หญิงคนนั้นใช้วิชากู่ได้เลย นั่นยิ่งทำให้เรื่องยุ่งยากมากกว่าเดิม
“ดูเหมือนฉันควรจะตั้งใจเรียนกับคุณย่าหน่อยแล้ว ต่อไปจะได้ไม่ถูกคนเล่นสกปรกลับหลัง”
โจวจินหนานก็คิดว่าครั้งนี้เป็นโอกาสอีกครั้งหนึ่ง “แม่ของคุณเหลือเบาะแสภูมิหลังเอาไว้น้อยเกินไป เราสามารถล้วงออกจากปากของผู้หญิงคนนั้นได้ ผมจะหาคนไปตรวจสอบดู”
สวี่ชิงพลันได้สติกลับมา “จริงสิ ขอเพียงรู้ว่าหล่อนมาจากที่ไหน ก็จะรู้ได้ว่าแม่ของฉันมีภูมิลำเนาจากที่ไหน ถึงตอนนั้นก็หาง่ายขึ้นเยอะ”
ที่จริงมีคนที่เกลียดปรากฏตัวขึ้นสักคนหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเหมือนกัน
สวี่ชิงกับโจวจินหนานปรึกษาเรื่องของผู้หญิงชุดแดงจบ ก็ผลักให้เขาไปพักผ่อน “คุณพักผ่อนเถอะ ฉันจะไปดูที่ร้านเสียหน่อย”
โจวจินหนานยิ้มอย่างอบอุ่น “ไม่ต้องพักแล้ว บ่ายโมงพวกเรายังต้องขึ้นไปเทดินเหนียวอีก”
สวี่ชิงตะลึงพักหนึ่ง “พวกเกาจ้านไม่ใช่ว่าไปแล้วหรือคะ หรือว่าอีกเดี๋ยวพวกเขาจะมาอีก”
โจวจินหนานพยักหน้า “อืม อีกเดี๋ยวพวกเขาก็มาอีก”
สวี่ชิงคิด งั้นก็ต้องรีบออกไปซื้อกับข้าวน่ะสิ “ฉันไปหมักแป้งทำแป้งทอดก่อน จากนั้นทำจับฉ่ายหม้อหนึ่ง ทำง่าย ๆ ก็พอ”
โจวจินหนานคิดว่าแป้งทอดเสียเวลาเกินไป “ไม่ต้องสนใจพวกเขา ตอนเย็นค่อยออกไปกินข้าวข้างนอก”
พูดแล้วสายตาก็จ้องท้องของสวี่ชิง ทำเยอะขนาดนี้มันลำบากเกินไป
สวี่ชิงเข้าใจในเสี้ยววินาที เธอยิ้มแล้วเดินเข้าไปจูบริมฝีปากของโจวจินหนาน “ไม่เป็นไรค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะเรียกฉินเสวี่ยเหมยมาช่วย ทำสองคนก็น่าเร็วขึ้น”
สวี่ชิงหมักแป้งในกะละมังใบใหญ่ เพราะกลัวว่าจะไม่ทัน จึงเอาไปตากแดดตรงที่ที่แสงตกดี
ล้างมือแล้วให้โจวจินหนานพักอยู่ในบ้าน จากนั้นเธอก็พาไป๋หลางออกไปซื้อกับข้าว ถือโอกาสซื้อแตงโมลูกใหญ่อีกสองลูก
ยังไม่ถึงเวลาซื้อกับข้าวช่วงเย็น ตลาดตลาดกลางแจ้งก็ถูกแสงอาทิตย์เผาจนแสบตา ผักที่วางอยู่บนพื้นถูกแดดเผาจนเหี่ยวสลด คนขายผักไม่รู้ว่าหลบไปพักอยู่ที่ไหนแล้ว
สวี่ชิงเดินวนรอบหนึ่ง ได้ไก่เป็น ๆ สองตัวกับวุ้นเส้น เต้าหู้ และยังคงให้ไป๋หลางแบกของให้
เมื่อออกมาท่ามกลางแสงอาทิตย์ สวี่ชิงก็รู้สึกปั่นปวนที่ท้อง คลื่นไส้เหมือนจะอ้วก
ไม่รู้เป็นเพราะตากแดดหรือว่าเพราะท้อง แต่ทำไมถึงแพ้ท้องเร็วขนาดนี้ล่ะ?
เธอพาไป๋หลางไปยืนใต้ต้นไม้อดทนความคลื่นไส้ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน
โจวจินซวนมองสวี่ชิงจากที่ไกล ๆ จึงจูงรถเข้าไปหาสวี่ชิง เพราะกลัวไป๋หลางที่อยู่ข้างกายสวี่ชิง เขาจึงหยุดรถข้างประมาณสามสี่เมตรจึงค่อยเดินลงมา
สวี่ชิงเห็นโจวจินซวน คิ้วเรียวก็ขมวดมุน ไม่คิดจะพูดอะไรกับเขา
โจวจินซวนมองตะกร้าไม้ไผ่บนหลังของไป๋หลางภายในมีทั้งไก่และผัก มุ่นคิ้วถาม “สวี่ชิง นี่คือสิ่งที่เธอต้องการตามหาหรือ”
สวี่ชิงไม่เข้าใจเล็กน้อย “เกี่ยวอะไรกับคุณ”
โจวจินซวนมองสวี่ชิง “คุณเคยพูดว่า คุณหวังว่าชีวิตของคุณพอเลิกงานก็อยากนั่งเขียนหรือวาดภาพ ท่องกลอนอยู่บ้าน”
สวี่ชิง “!!”
ตอนเด็กเธอชอบเรียนศิลปะวัฒนธรรม รู้สึกว่าการคัดพู่กัน วาดภาพ ให้ความรู้สึกว่าตนได้ใช้ชีวิตที่มีคุณธรรมสูงส่ง
เพียงแต่ตอนนี้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเธอได้ตระหนักแล้วว่า งานอดิเรกทั้งหมดนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานทางเศษฐกิจ ดังนั้นต่อมาเธอจึงได้ขยันหาเงินเพื่อจะที่จะมีชีวิตดี ๆ ไม่ใช่ว่ามันดีมากหรือ
โจวจินซวนจอดจักรยานดี ๆ แล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของสวี่ชิง พูดด้วยน้ำเสียงเจือความเสียใจ “สวี่ชิง ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีสภาพตกต่ำแบบนี้ ทำธุรกิจจะไปมีอนาคตอะไร ผมยอมรับว่าผมใจแคบ แต่ผู้ชายคนไหนที่เจอเรื่องแบบนั้นแล้วจะสามารถรับได้บ้าง”
“พี่ชายใหญ่ของผมยอมแต่งงานกับคุณก็เพราะว่าตามองไม่เห็นเท่านั้นแหละ”
สวี่ชิงรู้สึกแค่ท้องที่กำลังปั่นป่วนอยู่ราวกับมีของบางอย่างจะพุ่งออกมา รีบยกมือเท้าเอว “คุณรีบถอยไปสิ ฉันอยากอ้วก!”
ใบหน้าโจวจินซวนดูไม่ได้ในเวลาสั้น ๆ ทันที คิดว่าสวี่ชิงตั้งใจทำเป็นรังเกียจเขา!
ใบหน้าดำทะมึนเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง
ด้านสวี่ชิงก็ทนไม่ไหวแล้ว เธอรู้ว่าตนสามารถหันกลับไปอาเจียนได้ แต่เมื่อเห็นโจวจินซวนไม่ขยับ ความคิดชั่วร้ายก็แวบเข้ามาในหัว อาเจียนออกไปข้างหน้าทันที
เธอไม่สนใจตะกร้าผักแล้วปล่อยให้มันเอียงตกลงไป ด้านไป๋หลางก็รีบหมุนตัวอย่างรวดเร็วประคองตะกร้าให้ตั้งได้อย่างมั่นคงไว้ได้
สวี่ชิงรู้สึกแค่เพียงรสเปรี้ยวและขมในลำคอ โก่งคออาเจียนอีกสองครั้งจนน้ำตาเล็ด
พื้นตรงนั้นสกปรกไปทั้งแถบ ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอมยิ่งกว่าเดิม
โจวจินซวนคิดไม่ถึงว่าที่สวี่ชิงพูดว่าอยากอาเจียนนั้นเธอจะอาเจียนออกมาจริงๆ
เมื่อมองรองเท้าหนังคู่ใหม่ที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก สีหน้าเขาก็ย่ำแย่ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ทั้งยังมีความคิดอยากยื่นมือไปบีบคอสวี่ชิงด้วย
เพียงแต่เขาไม่กล้า!
ได้แต่ถอยหลังสองสามก้าว ชี้หน้าสวี่ชิง “ดี สภาพของเธอช่างดีจริง ๆ!”
หลังจากอาเจียนเสร็จ สวี่ชิงก็รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อมาเช็ดปาก ในคอยังคงรู้สึกเผ็ดร้อน ถึงกระนั้นเธอก็ขี้เกียจพูดไร้สาระกับโจวจินซวนแล้ว
เธอมองซ้ายมองขวา คิดหาดินมากลบพื้นที่ตัวเองทำสกปรก
แต่โจวจินซวนยังคงกัดไม่ปล่อย “สวี่ชิง ผมหวังดีกับคุณ คุณไม่ต้องทำเป็นไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี ต้องมีสักวันที่คุณจะต้องเสียใจ!”
สวี่ชิงเกลียดที่สุดคือการมีคนชี้หน้าสาปตัวเอง เพราะเมื่อครู่นี้เสียแรงไปกับการอาเจียนมากแล้ว หางตาแดง ๆ มองโจวจินซวนอย่างรังเกียจ “ในเมื่อคุณรังเกียจฉันครั้งแล้วครั้งเล่า งั้นฉันขอพูดอะไรไม่น่าฟังสักหน่อยแล้วกันว่าฉันขอโทษ! ตอนนี้คุณควรไปหาบ่อน้ำมาดูสิว่าตัวคุณเองน่ะเป็นตัวอะไร(1)!”
“โจวจินซวน ฉันจะพูดกับคุณอีกแค่ประโยคเดียว คุณดูแลตัวเองให้ดีซะ! ฉันไม่ได้ใจดีแบบนี้ทุกครั้งหรอกนะ”
โจวจินซวนตกตะลึงไปพักหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกผิดของตัวเอง หรือว่าเพราะสวี่ชิงอยู่กับโจวจินหนานด้วยกันทุกวัน ตอนที่เธอมองมา สายตาเชือดเฉือนนั้นมีเงาของพี่ใหญ่ซ้อนทับอยู่ไม่มีผิด
เพียงสายตาคู่นั้นมองมา เขากลับรู้สึกเหมือนมีมีดน้ำแข็งทิ่มแทงหน้าอกทะลุถึงหัวใจ!
แต่ก็ยังไม่วายทิ้งคำพูดร้าย ๆ อีกคำหนึ่ง “สวี่ชิง ฉันจะรอดูวันที่เธอจนตรอกสักวันหนึ่ง!”
จากนั้นก็รีบขี่จักรยานจากไป กระทั่งต้องขึ้นถึงสองครั้งกว่าเขาจะประคองจักรยานให้มั่นคงได้
สวี่ชิงตบหน้าอก รู้สึกปลอดโปร่งเล็กน้อย ก่อนไปหาบล็อกกระเบื้องมากลบสิ่งสกปรกบนพื้นก่อน แล้วจึงพาไป๋หลางไปล้างมือและหน้าที่คลองใกล้ๆ
ถึงค่อยรู้สึกว่าความอึดอัดในอกจางหายไป ลูบหัวของไป๋หลางจอมขี้เหร่ไปมา “ต้าไป๋ หรือว่าเพราะว่าน้องเห็นหน้าโจวจินซวนกันนะ เลยทำให้ฉันพะอืดพะอมแบบนั้น”
ไป๋หลางหางตาตกนัยน์ตาแฝงไปด้วยความเศร้า ต้าไป๋…ชื่อนี้ดูไม่น่าเกรงขามเลยสักนิด
…………………………………………………………………………………………………………………………
(1)เหมือนสุภาษิต ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา
สารจากผู้แปล
ไม่ยอมหลบก็โดนอ้วกไปเต็ม ๆ แล้วกันนะคะ ถือว่าเตือนแล้ว
พวกขี้แพ้ชวนตี ผู้ชายองุ่นเปรี้ยว พวกหมาหวงก้างนี่หว่าจินซวน
ไหหม่า(海馬)