เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 152 ไป๋หลางฟ้องร้อง
บทที่ 152 ไป๋หลางฟ้องร้อง
สวี่ชิงรู้สึกราวกับคนกำลังจมน้ำ กอดไหล่โจวจินหนานพยุงตัวไว้ พยายามหายใจทว่าเขากลับไม่ยอมลดละราวกับคลื่นพายุที่โหมกระหน่ำลูกแล้วลูกเล่า สวี่ชิงเหมือนกับใบไม้ที่ตกลงไปวังน้ำวน ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ว่าริมฝั่งอยู่ที่ใด
จึงทำได้เพียงตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยินยอมให้เขาทำให้ตามอำเภอใจ
แต่เมื่อนึกได้ว่ายังมีลูกอยู่ เธอจึงรีบขืนตัวผลักโจวจินหนานออก “ไอหยา ระวังลูกค่ะ”
โจวจินหนานหยุดการเคลื่อนไหวครู่หนึ่ง แล้วรั้งตัวสวี่ชิงมากอดแน่นอีกครั้ง ใช้การแสดงออกทางกายว่าเขาใส่ใจและชอบมากแค่ไหน
สวี่ชิงแค่นเสียงอย่างแง่งอน อิงแอบใบหน้ากับแผงอกของเขาพลางหายใจหอบเบา ๆ ดวงตาดูฉ่ำเยิ้ม ส่วนริมฝีปากกลายเป็นสีชมพูระเรื่อฉ่ำวาว ดูราวกับหยดน้ำค้างบนลูกท้อที่รอให้คนมาเด็ดกิน
โจวจินหนานจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของสวี่ชิง ลูกกระเดือกก็พลันขยับขึ้นลง แล้วลูบศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเชื่อสิ่งที่ในหนังสือเขียนมาก่อน ว่าการชอบใครสักคนจะทำให้เกิดความรู้สึกอยากจะหลอมรวมเลือดเนื้อให้เป็นคนคนเดียวกันไม่แยกจากตลอดไป
ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว ความรู้สึกนี้ไม่ใช่แค่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมา แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วมันก็พร้อมที่จะระเบิดออกมา
สวี่ชิงคิดว่าน่าจะเป็นเพราะโจวจินหนานดื่มเหล้า จึงได้เร่าร้อนเพียงนี้ จึงยกยิ้ม “โจวจินหนาน คุณคิดว่าฉันสวยมากเลยใช่ไหมคะ ถึงได้กระตือรือร้นกับฉันแบบนี้”
โจวจินหนานอับจนหนทางเล็กน้อย ขานรับในลำคอและยิ้มบางให้เธอ พร้อมกับลูบศีรษะไปด้วย “ไม่ต้องคิดแล้ว ให้ผมช่วยคุณทำหลู่เว่ยไหม”
สวี่ชิงลองคิดดูก็คิดว่าก็ดีเหมือนกัน มีโจวจินหนานช่วย เธอแค่ชี้นิ้วกำกับอยู่ข้าง ๆ ก็พอ
สุดท้ายเนื้อหลู่เว่ยก็อัดแน่นอยู่ในหม้อ ตอนนี้ตีสองแล้ว สวี่ชิงง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น หลังล้างหน้าล้างตาแล้วก็ขึ้นเตียงนอนเลย ปากก็พูดงึมงัมว่า “คุณช่วยฉันตั้งนาฬิกาทีค่ะ อีกสองชั่วโมงฉันจะลุกขึ้นมาตักเนื้อ”
เมื่อพลิกตัวไปอีกข้างหนึ่ง ดวงตาก็ปิดสนิท แล้วเสียงหายใจสม่ำเสมอก็ตามมา
พอได้หลับก็หลับยาวไปจนฟ้าสว่าง ก่อนได้ยินเสียงวุ่นวายดังมาจากข้างนอก
สวี่ชิงมึนงงไปพักหนึ่งกว่าสติจะกลับมา ก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า มัดผมเอาไว้ข้างหลังลวก ๆ แล้วออกมา
ลานหน้าบ้านถูกสาดน้ำทำความสะอาดไปแล้วรอบหนึ่ง เดิมทียังมีกองอิฐกองอยู่ตรงริมบ่อน้ำอยู่หนึ่งกอง ซึ่งตอนนี้ถูกจัดการนำออกไปแล้ว พื้นที่ตรงนั้นถูกเก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยม ยังมีทางตรงทางเดินเล็ก ๆ ที่ใช้หินชนวนเรียงกันจนเป็นทางเดินที่สามารถใช้ล้างหม้อล้างกระจาดผักได้
สวี่ชิงคิดมาตลอดว่าจะเก็บกวาดตรงนี้ แต่ก็ไม่มีเวลา อีกทั้งยังขี้เกียจจะขยับเคลื่อนไหวตัวด้วย
ทำได้แต่ยืนมองลานหน้าบ้านที่ถูกเก็บและทำความสะอาดจนเสร็จสรรพ แล้วจึงเดินไปที่ห้องครัว จึงได้เห็นโจวจินหนานกำลังยืนทำแป้งจี่อยู่หน้าเตา
ไป๋หลางนั่งยองอยู่ข้าง ๆ แลบลิ้นแฮ่ ๆ ขณะมองแป้งจี่ของโจวจินหนาน
สวี่ชิงตกอยู่ในภวังค์ ชายรูปร่างบึกบึนแบบโจวจินหนานกับห้องครัวดูอย่างไรก็ไม่เข้ากันเลยสักนิดเดียว แต่กลับไม่มีความรู้สึกขัดแย้งกันอย่างที่คิดไว้
มือสองข้างที่เคยถือปืนนั้น กำลังนวดแป้งอย่างเงอะงะ
จู่ ๆ ก็มีควันไฟเพิ่มมากขึ้นจนเกินพอดี
สวี่ชิงพลันได้สติกลับมายิ้มตาหยีเดินเข้าไป มองแป้งจี่ที่ขอบไหม้นิด ๆ นั่น เห็นได้ชัดว่ามันอยู่อย่างนั้นมานานแล้ว จึงรีบพลิกกลับอีกด้าน สุดท้ายเธอก็เห็นว่าอีกด้านดำไปแล้วทั้งแถบ
โจวจินหนานรีบวางแป้งที่กำลังนวดอยู่ในมือทันที “ทำไมดำขนาดนี้”
สวี่ชิงยิ้มก่อนยกกระทะแล้วปิดเตา “ไฟแรงเกินไปค่ะ ก็ต้องไหม้ง่ายอยู่แล้ว”
อีกทั้งแผ่นแป้งก็หนาเกินไปหน่อย ด้านนอกไหม้ก็จริง แต่ข้างในยังไม่สุกเลย
โจวจินหนานรู้สึกเศร้าใจนิดหน่อย หยิบแป้งจี่สีดำขึ้นมาดู โยนให้ไป๋หลาง “งั้นให้ไป๋หลางกิน”
ไป๋หลางกัดแป้งจี่เข้าไปคำหนึ่ง แต่มันร้อนจนต้องรีบคายออกมาแล้วเห่าเสียงหนึ่ง แสดงออกว่าตนเองไม่ค่อยพอใจนัก
เพราะมันกินแป้งจี่ดำๆ นี่ไปแล้วตั้งสองชิ้น
สวี่ชิงยิ้มขณะมองไป๋หลางจอมขี้เหร่ที่มีสายตาแฝงแววน้อยเนื้อต่ำใจ “ไม่ใช่ว่ามันเพิ่งกินไปหรือคะ”
โจวจินหนานเดิมคิดจะตอบตามความจริง “เปล่า นี่ชิ้นแรก”
สวี่ชิงเองก็ไม่คิดอะไรมาก “ฉันล้างหน้าแล้วเดี๋ยวฉันทำแป้งจี่เองค่ะ คุณไปซื้อน้ำเต้าหู้กลับมาหน่อย อีกเดี๋ยวฉันจะหั่นแตงกวา”
โจวจินหนานยอมเชื่อฟัง ยกหม้อเล็ก ๆ ออกไปซื้อน้ำเต้าหู้
สวี่ชิงล้างหน้าเสร็จก็ทำแป้งจี่ต่อ ไป๋หลางกลับกัดชายเสื้อมุมหนึ่งเอาไว้ ก่อนจะดึงเธอไปอีกด้านหนึ่ง
ในลำคอยังครางหงิงๆ ไปด้วย
สวี่ชิงรู้สึกแปลกใจ เดินตามมันไป จากนั้นก็เห็นไป๋หลางใช้ขาเขี่ยเอาแป้งจี่ดำ ๆ ชิ้นหนึ่งมาจากข้างตะกร้าผัก
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้อยู่แล้ว ก็คงไม่มีทางรู้ว่ามันเป็นแป้งจี่ชิ้นหนึ่งได้แน่
ไป๋หลางคาบแป้งจี่ชิ้นนั้นลากมาไว้ตรงหน้าของสวี่ชิง นั่งแล้วเงยหน้ามองสวี่ชิงครางหงิงๆ ราวกับกำลังฟ้องอยู่
สวี่ชิงอดไม่ได้ถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “ไป๋หลางของเราน้อยเนื้อต่ำใจขนาดนี้เชียวหรือนี้ งั้นเดี๋ยวฉันจะทำแป้งจี่หอม ๆ ให้กินนะจ๊ะ”
คิดถึงตอนที่โจวจินหนานบังคับให้ไป๋หลางกินแป้งจี่ น่าจะน่ารักไม่หยอก
เธอกลั้นยิ้มขณะหันไปทอดแป้งจี่ ก่อนที่โจวจินหนานจะกลับมาก็ยังซ่อนแป้งจี่ดำ ๆ นี้ไว้ไม่ให้ไป๋หลางกิน และไม่ให้โจวจินหนานรู้ว่าเธอรู้แล้ว
ต้องรักษาน้ำใจของชายฉกรรจ์เสียหน่อย
…….
โจวจินหนานถือหม้อเล็ก ๆ ไปซื้อน้ำเต้าหู้ ดึงดูดสายตาใครหลายคนให้หันมามอง
เนื่องจากหลายคนคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นชายตาบอดที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่แถวนี้คนนั้น
เกาจ้านยื่นคอยาวมองมาที่โจวจินหนานที่กำลังหิ้วหม้อเล็กไปซื้อน้ำเต้าหู้ยามเช้า แล้วก็ตกใจจนบุหรี่ตกพื้น ใจเต้นตึกตัก โจวจินหนานมองเห็นชัดแล้วหรือ?
เช้านี้เขาเบื่อที่จะอยู่บ้านเลยคิดจะไปโม้กับโจวจินหนานเพื่อฆ่าเวลาที่บ้านเสียหน่อย แล้วก็ถือโอกาสแวะกินข้าวด้วยมื้อหนึ่ง
แต่ตอนนี้กลับเจอโจวจินหนานเข้าเสียก่อน จึงปรี่เข้าไปใกล้สองสามก้าวสังเกตอย่างละเอียด
เห็นอีกมือหนึ่งหิ้วหม้อ อีกมือหนึ่งถือกระเป๋าเงินกำลังเลือกเงินอยู่ ยังก้มหน้าใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้หยิบเงินห้าเฟินมาส่งให้พ่อค้า
เท่านั้นเกาจ้านก็มั่นใจแล้วว่า โจวจินหนานไอ้คนเฮงซวยนี่มองเห็นแล้วจริง ๆ!
ทั้งยังไม่บอกเขาด้วย!
เขาแสยะยิ้มเย็นยืนรอให้โจวจินหนานหมุนตัวกลับมา
กลับคิดไม่ถึงว่า โจวจินหนานจะหันกลับมาแล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่มีข้าวของนายหรอกนะ อยากกินก็ซื้อเอง”
เกาจ้านเตรียมพร้อมระเบิดอารมณ์ แต่ก็พลันถูกประโยคนี้ของโจวจินหนานทำมันพังทลายทันที หัวเราะเหอะ ๆ “โจวจินหนาน นายมันไร้ความรู้สึกเกินไปแล้ว แขนฉันบาดเจ็บเพราะช่วยเมียนาย ตอนนี้แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ให้เพื่อนกินอีกเหรอเนี่ย”
โจวจินหนานยังคงไม่แสดงสีหน้าอื่น “ร่างกายหล่อนเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกนัก นายซื้อเอาเองเถอะ”
เกาจ้านสบถว่าเชี่ยคำหนึ่ง “โจวจินหนาน นายช่วยมียางอายหน่อยได้ไหม ไม่ต้องย่ำเตือนกับฉันตลอดเวลาหรอก นายกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ฉันไม่ซื้อหรอก ฉันไม่เชื่อว่าสวี่ชิงจะไม่ให้ข้าวฉันกิน”
โจวจินหนานแสดงจุดประสงค์ตัวเองออกมาหมดแล้ว “ช่างเถอะ หน้าฉันหนา ไปกันเถอะ”
เกาจ้านด่าเขาอีกสองสามคำ เดินตามฝีเท้าของโจวจินหนานแล้วก็เริ่มแปลกใจ “นายมองเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ทำไมไม่โทรมาบอกฉันบ้าง”
โจวิจหนานทำหน้าเรื่อยเปื่อย “หลังจากเมื่อวานนายออกไปฉันก็มองเห็นแล้ว แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็เลยไม่ได้บอกนาย”
เกาจ้านสบถคำหยาบคายใส่โจวจินหนาน ด่าตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นทวดของทวดโจวจินหนานรอบหนึ่งแล้วจึงหยุด “ช่างเถอะ ๆ คิดบัญชีแค้นกับนายไปก็มีแต่ฉันที่จะโมโหตายก่อน”
แต่เขาก็ดีใจมากที่โจวจินหนานมองเห็นแล้ว
จู่ ๆ โจวจินหนานก็พูดขึ้นว่า “หลังจากมองเห็นแล้ว พวกเราจะกลับบ้านตระกูลโจว”
เกาจ้านพลันเข้าใจ “จะไปตีโจวจินซวนแล้วเหรอ นายมองเห็นได้แล้ว ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่รู้สึกผิดหวัง และน่าจะมีหลายคนที่ต้องตกใจจนตายแน่”
โดยเฉพาะคู่ปรับเก่าเหล่านั้นของพวกเขา แค่ได้ยินชื่อโจวจินหนานก็พากันตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแล้ว!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
๕๕๕ สงสารไป๋หลาง พี่หนานอย่าแกล้งน้องสิ เอาอาหารดี ๆ ให้น้องกินบ้าง
ไหหม่า(海馬)