เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 151 ผมแบกภรรยาตัวเอง ไม่อะไรต้องเขินอาย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 151 ผมแบกภรรยาตัวเอง ไม่อะไรต้องเขินอาย
บทที่ 151 ผมแบกภรรยาตัวเอง ไม่อะไรต้องเขินอาย
สวี่ชิงนึกออกว่ามีเรื่องยังไม่ได้พูดกับเฟิงซูฮวา จึงเล่าเรื่องผู้หญิงชุดแดงเมื่อตอนบ่ายคนนั้นขึ้นมาคราว ๆ รอบหนึ่ง จากนั้นก็พูดอีกประโยค “หน้าตาเหมือนกันมากค่ะ แต่คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
เฟิงซูฮวาพลันเข้าใจความหมายของสวี่ชิง ไตร่ตรองก่อนแล้วจึงพยักหน้าพูดว่า “น่าจะเป็นเรื่องของโชคชะตาแล้ว เพราะชิงชิงของเราหน้าตาสะสวย หล่อนที่หน้าเหมือนอย่างนั้นก็น่าจะสวยด้วยเหมือนกัน”
สวี่ชิงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก “คุณย่า คุณช่วยถ่อมตัวหน่อยได้ไหมคะ”
เฟิงซูฮวาหัวเราะเหอะ ๆ มองโจวจินหนาน “จินหนาน เธอว่าชิงชิงของพวกเราสวยมากเลยใช่ไหมล่ะ”
โจวจินหนานพยักหน้า “สวย”
สายตาที่มองสวี่ชิงนั้นสารภาพออกมาหมดเปลือก ดวงตาดูฉ่ำเยิ้มเพราะเริ่มเมาแล้วกำลังจ้องมาอย่างหลงใหลระคนเหม่อลอย ทว่าสายตากลับแน่วแน่ยิ่ง
สายตาแบบนี้กลับดูดวิญญาณคนมองมากที่สุด ทำให้คนหลงใหลได้อย่างง่ายดาย
สวี่ชิงอดที่จะหน้าแดงไม่ได้ หลบสายตาของโจวจินหนานในทันที
เกิดอะไรขึ้นกับคนคนนี้กันนะ หลังจากดื่มเหล้าก็ไม่รู้จักกระทั่งเก็บสีหน้าสักนิดเดียวแล้ว
ซุนเชียวเฟิ่งเห็นสวี่ชิงหน้าแดงก็เอ่ยแซว “ดูสิชิงชิงของเราเขินซะแล้ว สามีภรรยากันแท้ ๆ มีอะไรให้เขินกัน”
หลี่ซิ่วเจินเองก็นั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน “นั่นน่ะสิ ดูสิพวกเธอสองคนความสัมพันธ์ดีกันมากขนาดไหน”
ต่อให้สวี่ชิงหน้าหนากว่านี้หน่อยก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี ทั้งหน้าทั้งใบหูแดงก่ำ ก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
เพราะพรุ่งนี้ยังต้องทำงาน งานเลี้ยงฉลองมื้อเย็นจึงจบลงในเวลาสี่ทุ่ม ซุนเชียวเฟิ่งกับหลี่ซิ่วเจินแย่งกับเก็บถ้วยชามตะเกียบไปล้างที่ครัว สวี่ชิงให้ผางเจิ้งหัวไปส่งซุนเถียนกลับบ้าน
ดึกดื่นค่ำคืนแล้วไม่ค่อยปลอดภัย
รอจนกระทั่งซุนเชียวเฟิ่งกับลี่ซิ่วเจินเก็บกวาดห้องครัวเสร็จ หลังผางเจิ้งหัวไปกลับมาจากไปส่งซุนเถียน เขาก็กระตือรือร้นจะไปส่งเฟิงซูฮวากลับไปก่อน
“สวี่ชิง เธอกับพี่ใหญ่โจวเดินกลับดี ๆ ล่ะ”
พูดไปก็ขยิบตาส่งให้สวี่ชิง ยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะพาเฟิงซูฮวาซ้อนจักรยานขับออกไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก รอจนซุนเชียวเฟิ่งกับหลี่ซิ่วเจินจากไป เธอก็ไปตรวจน้ำตรวจไฟกับเตาหุงต้มรอบหนึ่ง ถึงค่อยล้วงกุญแจมาล็อคประตูแล้วพาโจวจินหนานกลับบ้านด้วยกัน
ตอนสองคนเดินไปด้วยกัน จู่ ๆ สวี่ชิงก็ยิ้มออกมา “ตอนนี้คุณมองเห็นแล้ว ไป๋หลางก็คงไม่ได้ออกไปข้างนอกกับพวกเราทุกวันแล้วสินะคะ มันน่าจะผิดหวังมาก”
แต่ไป๋หลางในตอนนี้ก็ไม่ค่อยชอบออกนอกบ้านเหมือนกัน ที่สำคัญคือขนของมันยังไม่งอกเต็มที่ น่าเกลียดจนแม้แต่ตัวเองยังทนมองไม่ได้
ระหว่างเดินอยู่ใต้แสงไฟที่สว่างที่สุดในจัตุรัส ก็เดินมาถึงถนนเล็ก ๆ ด้านข้าง ไฟข้างถนนเหลืองนวลกว่ามาก ถนนก็ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน
จู่ ๆ โจวจินหนานก็หยุดเดิน ยื่นมือไปดึงสวี่ชิงเอาไว้ “ผมจะแบกคุณกลับเอง”
สวี่ชิงตกใจจนตกลึงงัน จากนั้นมองโจวจินนหาน “คุณยังจำได้เหรอคะ พวกเราเดินกลับไปกันเถอะค่ะ”
ถ้าแบกกันไปจริง เธอก็ยังรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยอยู่ดี
โจวจินหนานไม่ลดละ “ตอนแต่งงานผมยังแบกคุณลงบันไดได้ แค่ตอนนั้นตามองไม่เห็นจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไร”
สวี่ชิงตะลึงพักหนึ่ง แล้วก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มจนตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว “ก็ได้ค่ะ งั้นคุณแบกฉันกลับบ้านนะ”
เมื่อลองคิดดูแล้วเด็กที่อยู่ในท้องก็ยังเล็กอยู่ แบกไปคงไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกกระมัง
โจวจินหนานคุกเข่าข้างหนึ่งย่อตัวลง “มาเถอะ”
สวี่ชิงรวบกระโปรงคลี่ยิ้ม ยื่นมือไปกอดรอบคอโจวจินหนาน กระโดดทีหนึ่งแล้วใช้สองขาเกี่ยวเอวของเขาไว้ ปากยังบ่นพึมพำว่า “ฉันหนักนิดหน่อยนะคะ คุณอย่าเพิ่งรังเกียจกันนะ”
โจวจินหนานกระชับขาสองข้างของสวี่ชิงอย่างแน่นหนา พลางช่วยเธอจัดกระโปรงอย่างระมัดระวัง “ไม่หนัก ผมคิดว่าเบาไปด้วยซ้ำ อ้วนกว่านี้อีกหน่อยน่าจะกำลังดี”
ใบหน้าสวี่ชิงแนบกับคอของเขา พร้อมกับหัวเราะออกมา
ในยุคสมัยนี้มีความคิดที่ว่ายิ่งแข็งแรงอวบอิ่มยิ่งดูสวย รูปร่างผอมเกินไปนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก
โดยเฉพาะการเลือกภรรยามาแต่งงาน ต่างก็ชอบหญิงสาวตัวสูงใหญ่ หน้ากลมสะโพกผาย ดูแข็งแรงสามารถทำงานหนักได้ ยิ่งสะโพกผายก็จะยิ่งให้กำเนิดบุตรชายได้
ดังนั้นสวี่ชิงที่มีส่วนสูง 168 เซนติเมตร หนักห้าสิบกว่ากิโลกรัม ในสายตาของคนยุคนี้ถือว่าเป็นคนขาดสารอาหารคนหนึ่ง
บวกกับโครงกระดูกที่เล็ก สะโพกเธอจึงดูเล็กตามไปด้วย นั่นยิ่งเป็นลักษณะที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้เลย
โจวจินหนานแบกสวี่ชิงเดินไปเงียบ ๆ ใบหูสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของสวี่ชิง ในใจก็พลันรู้สึกพึงพอใจ ถ้าแบกเธอเดินแบบนี้ตลอดไปจะดีสักแค่ไหนกันนะ
มีบางคนที่ดึกแล้วยังไม่นอน ขี่จักรยานเล่นทั้งสองข้างทางมองโจวจินหนานที่แบกสวี่ชิงอยู่ ก็อดส่งเสียงแซวออกมาไม่ได้ ทั้งยังผิวปากวี้ดวิ้วไปด้วย
พวกเขาไม่เคยเห็นคู่รักที่ใจกล้าขนาดนี้มาก่อน
สวี่ชิงเขินนิดหน่อยก่อนฝังหน้าลงที่หลังคอของโจวจินหนาน “คุณวางฉันลงดีกว่าค่ะ คนอื่นเห็นแล้วน่าอายจะตาย”
โจวจินหนานกลับไม่ยอม “ผมแบกภรรยาตัวเอง ไม่อะไรต้องเขินอาย”
สวี่ชิงพลันรู้สึกชื่นใจขึ้นมา “โจวจินหนานทำไมคุณน่ารักแบบนี้! ต่อไปคุณจะปฏิบัติกับฉันดี ๆ แบบนี้ตลอดไปหรือเปล่าคะ”
โจวจินหนานพยักหน้าอย่างจริงจัง “ทำครับ”
สวี่ชิงครุ่นคิดสักพัก “งั้นจะดีกับฉันขนาดไหนเหรอคะ”
โจวจินหนานไม่ลังเลอย่างแม้แต่น้อย “เพื่อคุณ ผมจะพยายามรักษาชีวิตตัวเอง เพื่อปกป้องคุณไปตลอดชีวิต”
สวี่ชิงพลันรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ตบไหล่ของโจวจินหนาน “ทำไมคุณถึงน่าชังแบบนี้คะ พูดแบบนี้ทำฉันเศร้ามากนะ”
เธอเคยได้ยินคนอื่นให้คำมั่นสัญญาว่า เพื่อคุณแม้แต่ชีวิตของของฉันก็ไม่ต้องการ
แต่พอได้ยินโจวจินหนานพูดในตอนนี้ว่าเพื่อปกป้องเธอไปตลอดชีวิต จะพยายามรักษาชีวิตตัวเองให้อยู่ต่อไป
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับทำให้คนน้ำตาไหล
โจวจินหนานหยุดฝีเท้าลงสักพัก มุมปากยกยิ้มแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ
ตอนใกล้จะถึงบ้าน สวี่ชิงถึงยืนกรานให้โจวจินหนานวางตัวเองลงได้แล้ว เพราะถ้าเกิดถูกเพื่อนบ้านเห็น พรุ่งนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน
แม้ว่าเขาจะเป็นสามีของตัวเอง แต่กอดกันกลางถนนแบบนี้ก็ดูน่าไม่อายเกินไปหน่อย
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม คล้องแขนกันเดินเข้าบ้าน
กลับคิดไม่ถึงว่าเฟิงซูฮวาจะยังไม่กลับมา และสวี่ชิงก็เคยให้กุญแจนางไว้แล้วดอกหนึ่ง
เพียงพริบตาเดียวหล่อนก็เข้าใจว่าเฟิงซูฮวาต้องการให้พวกเขาสองสามีภรรยามีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังสองคน
สวี่ชิงคิดแล้วก็อดหน้าแดงเปิดประตูเข้าไป ปากยังจงใจปิดบังเอาไว้ด้วยว่า “คุณย่าน่าจะนึกได้ว่ามีแมลงประหลาด ๆ พวกนั้นอยู่ในบ้าน ดังนั้นจึงไม่กลับมานอน”
โจวจินหนานมองท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ของสวี่ชิง แล้วก็ลอบยิ้มตามเธอเข้าบ้านไป
สวี่ชิงเข้าไปดูห้องครัวก่อนรอบหนึ่ง ผักที่ถูกหั่นเอาไว้ก็ถูกล้างไว้อย่างดีอัดแน่นอยู่ในกะละมัง ส่วนเนื้อหมูก็ถูกจัดการถอนขนออกหมดแล้ววางไว้อีกกะละมังหนึ่ง ด้านบนยังมีผ้าขาวบางปิดป้องกันแมลงอยู่ด้วย
“คุณไปล้างหน้าล้างตาพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ ฉันขอเอาเนื้อไปหมักก่อนค่อยไปพัก”
ตอนสวี่ชิงพูด หัวใจก็เต้นตึกตักขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนหน้านี้โจวจินหนานมองไม่เห็น เธอยังไม่รู้สึกอะไร
ตอนนี้เขามองเห็นแล้ว จู่ ๆ ในใจสวี่ชิงก็รู้สึกเขินและตื่นเต้นขึ้นมา กระทั่งคิดถึงเรื่องที่ว่าตอนนอนเธอได้นอนน้ำลายไหลหรือไม่?
ท่านอนน่าเกลียดมากหรือเปล่า?
ยังมีชุดนอนสองตัวที่เธอใส่ไปอย่างไม่คิดอะไรนั่นอีก พวกมันดูเก่าเกินไปแล้วหรือเปล่านะ?
อาจเพราะว่าชอบ ดังนั้นจึงทำให้เธอยิ่งห่วงภาพลักษณ์ภายนอกเล็กน้อย
โจวจินหนานมองสวี่ชิงแวบหนึ่งแล้วก็เดินตามเธอเข้าครัวไป ยังไม่ทันที่เธอจะมีปฏิกิริยากลับมา ก็กอดเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้ว
สวี่ชิงเงยหน้ามองอย่างตกตะลึง เพราะกำลังตกใจอยู่จึงอ้าปากค้างขณะมองโจวจินหนาน
ทว่าโจวจินหนานกลับยิ่งคันยุบยิบในใจ และก้มหน้าจูบริมฝีปากของหล่อน
สวี่ชิงพลันถูกกลิ่นหอมเย็นผสมกับกลิ่นเหล้ามอมเมาไปทั่วทั้งริมฝีปาก ราวกับถูกกลิ่นเหล้าร้อนผ่าวนั้นทำให้มึนเมาขายืนไม่มั่งคงเล็กน้อย จนต้องยื่นมือไปโอบรอบคอของโจวจินหนาน….
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่หนานน่ารักจังเลยค่ะ ตั้งแต่ที่ตามองเห็นแล้วก็รุกใหญ่เลยนะคะ
ไหหม่า(海馬)