เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 149 คุณขี้บ่นเหมือนพ่อฉันเลย
บทที่ 149 คุณขี้บ่นเหมือนพ่อฉันเลย
สวี่ชิงหยิกแขนโจวจินหนานเรียกให้เขามอง ทว่ากลับไร้วี่แววประหลาดใจหรือตื่นเต้นบนหน้าเขา
แม้ใบหน้าที่เห็นจะดูคุ้นเคย แต่หล่อนก็ไม่ได้มีทีท่าดีใจเหมือนได้พบญาติมิตร
โจวจินหนานชำเลืองมองและหันไปจดจ่อกับการตักอาหาร
หญิงสาวในชุดแดงต่อแถวด้านน้าเชียวเฟิง และไม่มองมาทางสวี่ชิงด้วยซ้ำ
น้าเชียวเฟิงกลับเป็นฝ่ายมองหญิงสาวในชุดแดง มือที่กำลังตักอาหารพลันชะงัก หลังจ้องมองด้วยความประหลาดใจอยู่นานก็หันไปหาสวี่ชิง หล่อนเป็นคนเสียงดังอยู่แล้ว และในตอนนี้ก็อุทานออกมาอย่างไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้ “คุณคะ คุณดูคล้ายเถ้าแก่เนี้ยของเรามากเลยนะคะ”
หญิงสาวในชุดแดงยิ้มบาง “จริงเหรอคะ”
น้าเชียวเฟิงตะโกนเรียกสวี่ชิง “ชิงชิงๆ ดูสิว่าคุณคนนี้คล้ายเธอมากแค่ไหน ถ้าใครไม่รู้คงนึกว่าเป็นแม่ลูกกัน”
สวี่ชิงจำต้องส่งยิ้มและพยักหน้าให้หญิงสาวชุดแดง แต่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจแต่อย่างใด
ทำเพียงเหลือบมองและยิ้มตอบ “คล้ายจริงๆ ด้วยค่ะ พี่สาว ช่วยตักอาหารให้ฉันหน่อยค่ะ พอดีเดี๋ยวต้องไปขึ้นรถไฟแล้ว”
ซุนเชียวเฟิงนึกขึ้นได้และรีบพยักหน้า “ได้สิ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย”
หญิงชุดแดงจากไปพร้อมอาหารหนึ่งชาม ก่อนหาที่หลบมุมกินอาหารอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ซุนเชียวเฟิงยังคงมองตามหล่อนด้วยความสนใจ ขณะมือง่วนกับการตักอาหารให้ลูกค้าคนถัดไป ระหว่างนั้นก็ไม่ลืมจะพูดคุยกับสวี่ชิง “เธอเหมือนหล่อนมากเลยนะ ทำไมถึงไม่ถามไปล่ะ”
สวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “น้าเชียวเฟิงเคยเห็นแม่ฉันไหมคะ”
คนอายุมากกว่าส่ายหน้า “ฉันไม่เคยเห็นหรอก พ่อเธอไม่ได้พามาเจอน่ะ แต่ก็ได้ยินว่าสวยมากเชียวละ”
สวี่ชิงพยักหน้าหงึกหงัก “อืม เธอไปแล้ว คงไม่ใช่เธอหรอกค่ะ”
ซุนเชียวเฟิงแปลกใจ “ได้ยินว่าสุสานว่างเปล่าไม่ใช่เหรอ อาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้”
ขณะพูดคุยกันก็ตักอาหารให้ลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว
ลูกค้าบางคนไม่พอใจที่ได้อาหารในปริมาณน้อย พวกเขาต่อว่าอย่างรุนแรง “ทำไมให้น้อยจัง! ตักทีละน้อยขนาดนั้น ตั้งราคาอย่างนี้ไปกินอาหารดี ๆ ข้างนอกยังได้เลย”
ก่อนเดินจากไปพร้อมอาหารหนึ่งชาม
สวี่ชิงยิ้มขณะมองน้าเชียวเฟิงร่างท้วมตักอาหาร คิดไปว่าอีกไม่นานคงฝึกฝนจนถึงขั้นเดียวกับคุณน้าในโรงอาหารที่กะปริมาณได้ภายในตักเดียว!
ในใจส่วนหนึ่งกลับนึกกังขา ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้ว่าหลุมศพของแม่เธอว่างเปล่า
เธอหันมาทางโจวจินหนานอีกครั้ง ก่อนลอบสังเกตหญิงสาวชุดแดง อีกฝ่ายค่อยๆ กินจนเสร็จแล้วก็ยื่นชามเปล่าให้หลี่ซิ่วเจินที่เช็ดโต๊ะอยู่ก่อนเดินออกไป
แม้จะสุภาพมากแต่มันก็ทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่าดูจงใจเกินไป
มันเป็นความรู้สึกที่ยากเกินอธิบาย
หลังหญิงสาวชุดแดงจากไปเธอก็งานยุ่งอยู่พักหนึ่ง กระทั่งสองทุ่มครึ่งจึงเริ่มเก็บของและเตรียมปิดประตูร้าน ป้ายกระดานด้านนอกเขียนบอกว่าวันนี้อาหารขายหมดแล้ว
สวี่ชิงให้ผางเจิ้งหัวไปรับย่า ส่วนตัวเธอมาทำอาหารมื้อเย็นให้ทุกคน
โจวจินหนานคอยอยู่ช่วยในครัวไม่ห่าง
ช่วงนี้อากาศร้อนอยู่แล้ว ตอนนี้ครัวเล็ก ๆ หลังทำอาหารมาทั้งวันจึงอบอ้าวไม่ต่างกับห้องอบไอน้ำ
โจวจินหนานไม่ยอมปล่อยให้เธอทำงาน “คุณบอกผมมาก็พอว่าต้องทำอะไร เดี๋ยวผมลงมือทำเองครับ”
สวี่ชิงแปลกใจ “คุณยังจะทำอาหารอีกเหรอคะ”
เขาพยักหน้า “รสชาติอาจจะแปลกไปบ้าง แต่ก็กินได้แน่นอนครับ”
เธอหัวเราะ “งั้นให้ฉันทำเองเถอะค่ะ วันนี้เราจัดเลี้ยง จะปล่อยให้รสชาติแย่ไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่ร้อนเลยเพราะว่าฉันมีความสุขมาก”
ว่าจบก็ส่งยิ้มตาหยี วันนี้เธอมีความสุขมากจริงๆ แม้เกิดเรื่องน่าระทึกใจแต่ก็มีความสุขกว่านั้นมากเป็นเท่าตัว
หลังมั่นใจว่าเธอตั้งครรภ์ สายตาโจวจินหนานก็ไม่ละไปไหน
เขาทำได้เพียงอยู่ช่วยข้างเธอ
สวี่ชิงวางแผนจะทำเนื้อตุ๋น เธอตอกไข่ใส่ชามเนื้อและขยำเข้าด้วยกัน พลางถามโจวจินหนานด้วยความสงสัย “ผู้หญิงในชุดแดงวันนี้ คุณคิดว่าหล่อนเป็นแม่ฉันหรือเปล่าคะ”
เขาไม่เคยเห็นรูปถ่ายแม่ของเธอ แม้หน้าตาของสวี่ชิงกับอีกฝ่ายจะดูคล้ายกันเจ็ดในสิบ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะเป็นแม่ลูกกัน
เขาขมวดคิ้ว “ผมเองก็ไม่แน่ใจหรอกครับ”
เธอมองหน้าเขาขณะนิ่วหน้า “ฉันเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันค่ะ แต่ลายบนชุดเธอเหมือนลายบนชุดแต่งงานที่แม่ทิ้งไว้ต่างหน้าไม่มีผิดเลยนะคะ”
“คุณเองก็ได้ยินที่คุณย่าพูดวันนั้น บอกว่ามันเป็นลายที่มีแค่คนมีวิชาจะมี เธอสวมมันแบบนี้ไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ”
“ถึงยังไงตอนนี้กระแสพิฆาตสี่เก่าก็ยังไม่หายไปซะทีเดียว เธอแต่งตัวโดดเด่นแบบนั้นถือว่าไม่กลัวอะไรเลยไม่ใช่เหรอคะ”
โจวจินหนานมองหน้าเธอด้วยความตกใจ “ใช่ครับ คุณนี่รอบคอบเหมือนกันนะครับ”
เธอยิ้มพลางกะพริบตาปริบ ๆ “เพราะฉันฉลาดไงคะ”
หากเธออายุเพียงสิบเก้าปีจริง ๆ คงตื่นเต้นที่ได้พบหญิงชุดแดงไม่น้อยอย่างแน่นอน และอาจโพล่งถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ทว่าเธอใช้ชีวิตมาชาติหนึ่งแล้ว อยู่ ๆ อีกฝ่ายโผล่มาย่อมทำให้เกิดความคลางแคลงใจ
อย่างไรเสียทั้งเวลา สถานที่ และเสื้อผ้าก็บังเอิญจนเกินไป
และเมื่อได้พบเธอยังไม่ดูแปลกใจที่หน้าตาคล้ายกันอีกด้วย
โจวจินหนานอดยกมือลูบผมชื้นเหงื่อของเธอปรกหน้าผากเธอไม่ได้ เขายกยิ้มพร้อมแววตาเป็นประกาย “ใช่ ชิงชิงฉลาดมาก”
สวี่ชิงหน้าแดงจากน้ำเสียงชื่นชมเหมือนเธอเป็นเด็กของเขา “เชอะ คุณล้อเลียนฉันเหรอ!”
เขาบีบจมูกสวยของเธอด้วยความเอ็นดู “ฉลาดจริง ๆ ครับ ผู้หญิงคนนั้นโผล่มาไม่คาดคิด ถ้าไม่ได้เจอหล่อนอีกก็คงเป็นเหตุบังเอิญ แต่ถ้าเจอก็ต้องระวังตัวเอาไว้นะครับ”
เธอพยักหน้าหงึกหงัก “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะระวังตัว”
ว่าจบก็นึกสงสัยขึ้นมาอีก “ถ้าได้เจอกันอีกครั้ง คุณคิดว่าหล่อนมีจุดประสงค์อะไรเหรอคะ”
เขาส่ายหน้า “พูดยาก แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็ห้ามทำเรื่องบุ่มบ่ามเด็ดขาดนะครับ”
สวี่ชิงหัวเราะ “รู้แล้วค่ะ คุณนี่ขี้บ่นเหมือนพ่อฉันไม่มีผิด”
โจวจินหนานไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องตลก เขาส่งสีหน้าเคร่งเครียด “คุณก็พูดไปเรื่อย”
สวี่ชิงนึกขึ้นได้ว่าคนหนุ่มหลายคนมักถูกล้อโดยการเรียกว่าพ่อ
แต่ตอนนี้ทำให้คนหัวโบราณอย่างโจวจินหนานพูดแบบนี้ เจ้าตัวคงรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง
เธอจึงรีบยิ้มให้ “ฉันผิดไปแล้วค่ะ คุณคือลุงโจวต่างหาก ฉันไปทำอาหารแล้วดีกว่า”
ปากยังยกยิ้มและกลับไปทำอาหารต่อ
โจวจินหนานช่วยไม่ได้และได้แต่ยิ้มมองเธอ สายตานั้นเปี่ยมล้นแววอ่อนโยน
เฟิงซูฮวาได้ยินว่าโจวจินหนานมองเห็นแล้วก็รีบเก็บของและตามผางเจิ้งหัวมาหาโดยเร็ว ระหว่างทางก็ถามย้ำ “โจวจินหนานมองเห็นแล้วจริง ๆ เหรอ”
ผางเจิ้งหัวตอบอย่างใจเย็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “มองเห็นแล้วครับ ยังมาช่วยงานในร้านตอนบ่ายอยู่เลยครับ”
เฟิงซูฮวาทึ่งในใจ เร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
ว่ากันว่าพิษกู่จะไม่จางหายไปเร็วขนาดนี้ หรือจะย้ายไปที่อื่นกัน
หลังมาถึงร้านก็อดใจรอพบโจวจินหนานไม่ได้ เพราะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยมาตลอด…
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เริ่มมีปมแปลกๆ แล้วแฮะ หรือผู้หญิงชุดแดงคนนั้นจะเป็นคนทำพิษกู่ใส่พี่หนาน? เป็นคนมีของที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับย่าเฟิง?
ไหหม่า(海馬)