เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 132 ไม่พบคนที่ชื่อเย่หนาน
บทที่ 132 ไม่พบคนที่ชื่อเย่หนาน
สวี่จื้อกั๋วไม่สนใจไยดีกับเสียงกรีดร้องของฟางหลานซิน เขาบีบคอหล่อนแน่นและเหวี่ยงหล่อนลงไปกองกับพื้นอย่างโหดเหี้ยม
ฟางหลานซินรู้สึกเจ็บปวดมากจนไม่อาจลุกขึ้นมาได้ แหงนหน้ามองสวี่จื้อกั๋ว “คุณจะทำอะไร?”
สวี่หรูเยว่รีบวิ่งออกมาจากห้องหลังจากได้ยินเสียงทะเลาะวิวาท ครั้นเห็นสีหน้าอำมหิตของสวี่จื้อกั๋วก็รีบวิ่งเข้าไปหยุดเขา “พ่อจะตีแม่ทำไม!”
สวี่จื้อกั๋วจ้องเขม็งไปที่สวี่หรูเยว่ด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อคิดว่าเด็กที่เขาเลี้ยงดูมาเกือบยี่สิบปีไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา ความเกลียดชังก็ปรากฏขึ้นในใจ “นังลูกกาฝาก ไสหัวออกไป!”
สวี่หรูเยว่ตกใจมากจนความมั่นใจลดฮวบ “พ่อว่าไงนะ?”
หัวใจของฟางหลานซินบีบรัดแน่นขึ้น หรือว่าสวี่จื้อกั๋วจะเชื่อเรื่องนั้น?
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา สวี่จื้อกั๋วไม่เคยสนใจชีวประวัติของสวี่หรูเยว่ แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงเชื่อขึ้นมา
“คุณอย่าไปฟังคำไร้สาระของชาวบ้านนักเลย หรูเยว่เป็นลูกสาวของคุณ! คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณทำอะไรลงไป?”
สวี่จื้อกั๋วจ้องเขม็งไปที่ฟางหลานซิน “ดี ในเมื่อมึงบอกว่ามันคือลูกสาวกู งั้นกูขอถามหน่อยสิว่ามันเกิดที่ไหนวันไหน?”
ฟางหลานซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ที่บ้าน สิงหาคมปีหนึ่งพันเก้าร้อยหกสิบ”
สวี่จื้อกั๋วหยิบใบรับรองจากทางโรงพยาบาลออกมาจากกระเป๋าและปาใส่หน้าฟางหลานซิน “มึงแหกตาดูว่าในนี้มันเขียนว่าอะไร? ฟางหลานซินให้กำเนิดบุตรสาว หนักสองกิโลครึ่ง เกิดเดือนเมษายนปีหนึ่งพันเก้าร้อยหกสิบ”
ฟางหลานซินไม่กล้าแตะต้องกระดาษดังกล่าว ในปีห้าสิบแปด ห้าสิบเก้าและปีหกสิบ ตลอดทั้งสามปีเป็นช่วงเวลาที่หล่อนต้องพบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ยากลำบากที่สุด
หล่อนขาดสารอาหารจนเป็นลมกะทันหันอยู่บนท้องถนน และถูกพลเมืองดีส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการคลอดสวี่หรูเยว่ก่อนกำหนด ต่อมาหล่อนขาดอาหารจนไม่มีน้ำนม ทำให้สวี่หรูเยว่ในวัยสิบเดือนผอมแห้งราวกับเด็กห้าถึงหกเดือนในครรภ์
ตอนนั้นเอง ฟางหลานซินได้ยินว่าสวี่จื้อกั๋วกลับมาที่โรงงานซ่อมรถยนต์แล้ว อีกทั้งยังพาสะใภ้คนงามที่ตั้งครรภ์กลับมาด้วย
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว โรงงานซ่อมรถยนต์เป็นโรงงานขนาดใหญ่ มีหมั่วโถวให้กินในโรงอาหารเป็นครั้งคราว
ด้วยกลัวว่าตนเองจะหิวตาย จึงกอดสวี่หรูเยว่ไว้และเดินทางไปหาเขา
แต่ทำไมหล่อนถึงจำไม่ได้ว่าโรงพยาบาลมีการบันทึกข้อมูลด้วย? สวี่หรูเยว่ตอนคลอดมีน้ำหนักเพียงสองกิโลสามขีดเท่านั้น แถมตัวเล็กราวกับลูกลิง
เมื่อสวี่จื้อกั๋วเห็นว่าฟางหลานซินไม่ได้แย้งอะไร ก็คิดว่าหล่อนยอมรับ
เขาถีบหน้าอกหล่อนอย่างแรง “ไม่มีอะไรจะพูดใช่ไหม? นังสารเลว! กล้าดียังไงมาหลอกกู!”
เมื่อพูดจบ เขาก็เตะฟางหลานซินอย่างแรงกะจะเอาหล่อนถึงตาย
สาเหตุที่ตอนนั้นเขาเต็มใจไปอยู่กับฟางหลานซิน ก็เพราะว่าเย่หนานเย็นชาใส่เขามาก ไม่ยอมให้เขาแตะต้องหล่อน เขาต้องทนนอนบนพื้นตลอดทั้งคืน แทนที่จะได้นอนบนเตียงเดียวกันกับหล่อน
พอฟางหลานซินให้ท่า เขาก็เลยเล่นด้วย
เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ และยิ่งลงแรงเตะอย่างไร้ความปรานีมากขึ้น
สวี่หรูเยว่เห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของแม่ที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ขณะที่สวี่จื้อกั๋วโกรธจัดจนกลายร่างเป็นปีศาจร้าย
หล่อนก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามเขา รีบวิ่งออกไปร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง!
ในที่สุดคนจากแผนกรักษาความปลอดภัยก็มาดึงตัวสวี่จื้อกั๋วออกไป และพาฟางหลานซินไปส่งโรงพยาบาล
…………
ฉินเสวี่ยเหมยที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านบังเอิญได้ยินเรื่องตื่นเต้น หล่อนจึงรีบวิ่งแจ้นไปหาสวี่ชิงที่สถานีรถไฟ
รอจนกระทั่งสวี่ชิงเสร็จงาน ทั้งสองจึงถืออาหารออกมารับประทานที่ใต้ร่มเงาบริเวณลานกว้าง และเริ่มนินทา
สวี่ชิงตกใจเล็กน้อยเมื่อฉินเสวี่ยเหมยเล่าจบ “ทุบตีกันแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ฉินเสวี่ยเหมยพยักหน้า “ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะรู้หรือไม่รู้ แต่ทุกคนก็รู้เรื่องบ้านี้กันหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ฟางหลานซินพาลูกสาวไปเข้าพิธีแต่งงาน ฉันคิดว่าสวี่จื้อกั๋วทำหน้าที่พ่อเลี้ยงได้ดีมาก แต่พอเวลาผ่านไปสวี่จื้อกั๋วกลับกลายเป็นพ่อแท้ ๆ ของสวี่หรูเยว่ซะงั้น พอผ่านมาสองสามวัน เรื่องก็กลับตาลปัตรอีก”
ก่อนจะส่งเสียงฮึฮึ “ตอนนี้ความอลเวงของบ้านเธอทำให้โรงงานซ่อมรถยนต์ไม่ได้พักผ่อนกันเลย”
สวี่ชิงกินอาหารเงียบ ๆ อีกทั้งยังบอกอีกว่านี่คือโอกาสทองที่จะปล่อยให้สวี่จื้อกั๋วได้รู้ว่าสวี่หรูเยว่คือลูกสาวแท้ ๆ ของเขาหรือไม่
ให้เขาได้รู้ว่าตนเองถูกสวมเขามานานแค่ไหน
แต่คาดไม่ถึงว่าจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้?
และไม่คาดคิดว่าสวี่จื้อกั๋วจะทุบตีฟางหลานซินไม่ยั้ง!
ฉินเสวี่ยเหมยกินอาหารหมดอย่างรวดเร็ว ขณะที่สวี่ชิงยังเคี้ยวอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ชิงชิง ฉันได้ยืนเรื่องบางอย่างมาด้วย ไม่รู้ว่าควรจะบอกเธอดีไหม”
สวี่ชิงเลิกคิ้ว “พูดมาสิ เกี่ยวข้องกับฉันหรือเปล่า?”
ฉินเสวี่ยเหมยหยักหน้า “ก็ค่อนข้างเกี่ยวนะ พวกเขาคุยกันว่าแม่ของเธอถูกพ่อเธอกับฟางหลานซินฆ่าตายเหรอ? ฟางหลานซินจะต้องเอาลูกมาข่มขู่พ่อเธอแน่เลย”
สวี่ชิงเงียบไปครู่หนึ่ง “เอาไว้ฉันจะลองหาคำตอบดู เธออยากลองชิมซุปถั่วเขียวหน่อยไหม?”
ฉินเสวี่ยเหมยจ้องมองสวี่ชิง “ทำไมเธอถึงได้ใจเย็นจัง ตอนฉันได้ยินฉันตกใจมากเลยนะ”
สวี่ชิงขบขัน “ตอนนี้ความเป็นความตายของพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับฉันแล้ว เพราะงั้นฉันจะรับฟังเรื่องที่น่าฟังเท่านั้น”
ฉินเสวี่ยเหมยสงสัยว่าสวี่ชิงกำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาประเภทไหนอยู่ ทำไมเธอถึงได้ใจเย็นนัก
และดูเหมือนว่าเธอจะฉลาดกว่าเก่าเป็นเท่าตัว
……
เกาจ้านกับโจวจินหนานกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้าน เกาจ้านมองลอดหน้าต่างออกไปและเห็นฉินเสวี่ยเหมยกับสวี่ชิงกำลังกำลังนั่งอยู่ใต้ร่มเงา ทั้งสองสาวกำลังพูดคุยขณะรับประทานอาหาร ไม่รู้ว่าพวกเธอกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่
ทันใดนั้น เขาก็หันไปมองโจวจินหนานอย่างอารมณ์ดี “พวกเธอคงคุยเรื่องบ้านสกุลสวี่กันอยู่ เป็นไงล่ะ ฝีมือฉันมีประสิทธิภาพไหม”
โจวจินหนานเมินเขาและกินข้าวเงียบ ๆ
เกาจ้านรู้สึกหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องดังกล่าว “ตอนนั้นฉันพบว่าลูกของฟางหลานซินเกิดในโรงพยาบาล แต่ที่โรงพยาบาลกลับไม่มีข้อมูลหลงเหลืออยู่เลย ฉันก็เลยเขียนมันขึ้นมาเองและทำให้มันดูเก่า ๆ หน่อย จ้างเพื่อนร่วมงานที่อยู่สำนักงานเดียวกันกับสวี่จื้อกั๋วให้ช่วยกระจายข่าว แต่คิดไม่ถึงว่าสวี่จื้อกั๋วจะเชื่อจริง ๆ”
การลอกเลียนแบบลายมือของผู้อื่นและทำให้วัสดุต่างๆ ดูเก่าโบราณเป็นพรสวรรค์ด้านหนึ่งของเกาจ้าน สำหรับเขาแล้วมันก็แค่เรื่องเด็ก ๆ
โจวจินหนานถือตะเกียบและจมดิ่งอยู่ในความเงียบชั่วครู่หนึ่ง “นายช่วยหาวิธีให้สวี่จื้อกั๋วกับฟางหลานซินรู้หน่อยว่าฉันเป็นคนทำ”
เกาจ้านงุนงง “ก็ลงมือไปหมดแล้วนี่ ทำไมจะต้องไปบอกว่าใครเป็นคนลงมือทำด้วย? สวี่จื้อกั๋วกับฟางหลานซินยุ่งเกินกว่าจะมานั่งสนใจว่าใครเป็นคนลงมือด้วยซ้ำ”
โจวจินหนานส่ายหน้า “พวกเขาจะคิดว่าสวี่ชิงเป็นคนทำ และจะต้องแก้แค้นสวี่ชิง”
เกาจ้านสับสน “แล้วมันแตกต่างกันยังไง? นายไม่ได้ทำเพื่อสวี่ชิงหรอกเหรอ ยังไงซะพวกนายก็เป็นสามีภรรยากัน”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ”
เกาจ้านทำอะไรไม่ถูก “ครับ ๆๆ ลูกพี่สั่งมาได้เลยครับ อ๋อ มีอีกเรื่องที่ฉันจะบอกนาย”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่ซุนเถียน ผางเจิ้งหัว ซุนเชียวเฟิ่งและหลี่ซิ่วเจินที่กำลังพูดคุยกันระหว่างรับประทานอาหาร เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาจึงลดน้ำเสียงลงและพูดว่า “เกี่ยวกับแม่ของสวี่ชิงน่ะ นายมั่นใจใช่ไหมว่าเย่หนานคือชื่อจริง ๆ ของหล่อน?”
โจวจินหนานส่ายหัว “ไม่รู้สิ เพราะงั้นนายต้องไปสืบค้นประวัติของสวี่จื้อกั๋วตั้งแต่ที่เขายังเรียนอยู่ภาคใต้”
เกาจ้านขมวดคิ้ว “เท่าที่ฉันรู้มา กลุ่มเขาเดินทางไปที่ชนบทที่ตั้งอยู่ใกล้กับทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเหมียวเจียง ฉันขอให้เพื่อนไปช่วยตรวจสอบดู แต่กลับไม่มีคนชื่อเย่หนานอยู่!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอาล่ะสิ นังแม่เลี้ยงจะตายไหม โดนทุบตีไม่ยั้งขนาดนั้น
พี่เกาเล่นแรงมากอะ เล่นปลอมหลักฐานกันอย่างนี้เลย
ปมมาเรื่อย ๆ เลย จะมีอีกกี่ปมล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)