เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 131 โจวจินหนานอย่าร้องไห้
บทที่ 131 โจวจินหนานอย่าร้องไห้
ทันทีที่เสียงของหลูเว่ยตงดังขึ้น ทั้งลานบ้านก็ตกอยู่ในความสงบ มีเพียงจ๊อก ๆ ที่ไหลออกมาจากก๊อกน้ำเท่านั้น
หญิงสาวที่นั่งคัดผักทั้งสองคนหยุดการกระทำ และหันไปมองหลูเว่ยตงกับสวี่ชิงเงียบ ๆ พวกเธอเคยได้ยินเรื่องของสวี่ชิงมาก่อน และรู้สึกสงสัยขึ้นมาในทันใด
สวี่ชิงมองดูท่าทางของหลูเว่ยตงด้วยความสับสนจากก้นบึ้งของหัวใจ เธอไม่ต้องการรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร ถ้าเธอทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอก็จะไม่ต้องตกอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้าย
แต่ถ้าเธอรู้ว่าคนเลวคนนั้นคือใคร และต้องเผชิญหน้ากับเขาคนนั้น เธอคงจะไม่มีวันลืมมันไปอีกตลอดชีวิต
หลูเว่ยตงดูไม่มีความสุขนักเมื่อมองมาที่เธอ นอกจากนี้เขายังดูไร้ความอดทน โกรธจัด และดูไม่สบายใจ “ชิงชิง เธอไม่มีความสุขเหรอที่ฉันตามหาคนที่ทำร้ายเธอเจอ?”
สวี่ชิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหลูเว่ยตงที่อายุยังน้อยจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้ ในอนาคตเธอคงไม่อาจร่วมทำธุรกิจกับหลูเว่ยตงผู้ทรงอำนาจในวงการค้าขายได้
เธอถอนหายใจ “หลูเว่ยตง นายคิดว่าฉันมีความสุขนักหรือไง? หรือนายคิดว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดี ถึงได้ป่าวประกาศออกมาเสียงดังขนาดนี้?”
หลูเว่ยตงรู้สึกผิดเล็กน้อยขณะเหลือบมองโจวจินหนานที่นั่งอยู่ “ชิงชิง ฉันไม่ได้คิดอะไรมากเลย ฉันก็แค่อยากจะลากคอคนร้ายมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และให้มันได้รับการแก้แค้นที่สมควรจะได้รับ เธอจะได้มีความสุขสักที”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร เพียงแต่มองไปที่หลูเว่ยตงเงียบ ๆ
ดวงตาของเธอดูเย็นชา และยังไร้ซึ่งความหมาย
หลูเว่ยตงรีบกัดฟันพูดออกไปเมื่อรับรู้ว่าสวี่ชิงมองเห็นความคิดด้านลบของเขา “ชิงชิง ฉันตามหามันมาหลายวันแล้ว สอบถามชาวบ้านอีกหลายคน และคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือคนเก็บขยะเร่ร่อน ฉันแจ้งตำรวจให้ไปตามจับคน…”
สวี่ชิงกำมือแน่นเพื่อพยายามอดกลั้นความขุ่นเคืองเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งผิดปกติ “ไม่ใช่เขา!! หลูเว่ยตง เป็นเพราะคุณปู่หลูคอยดูแลฉันมาตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้น และฉันก็คิดว่านายคือเพื่อนที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองคงคิดผิด”
“นายทำเกินไปแล้ว มาที่บ้านฉันเพื่อป่าวประกาศเรื่องพวกนี้ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการบดขยี้หัวใจสามีฉันเลย ส่วนคนเร่ร่อน ฉันก็บอกนายชัดเจนแล้วไงว่าไม่ใช่เขา! นายคิดว่าฉันไม่ได้ตามหาคนร้ายเหรอ?! หลังจากเกิดเรื่องนั้น ฉันถือมีดเดินรอบแม่น้ำหวงโหสามวัน และไม่เจอคนเร่ร่อนคนไหนเลย”
“ฉัน…สวี่ชิง…ไม่ใช่คนที่จะเก็บเอาความสูญเสียมาใส่ใจ ตอนนั้นฉันอยากจะใช้มีดแทงอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด ต่อให้ฉันจะต้องตายก็ตาม! ฉันไม่ชอบที่เวลาเกิดเรื่องแบบนี้แล้วคนอื่นเอาแต่บอกว่าทำไมฉันไม่ตายไปซะ จะมีหน้าอยู่ต่ออีกทำไม! ก็แล้วทำไมฉันต้องตายด้วยล่ะ ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็จะฆ่าคนที่ทำร้ายฉันก่อน!”
“แต่ฉันหาตัวมันไม่เจอ และต่อให้ฉันหาตัวมันไม่เจอ ฉันก็จะใช้ชีวิตอย่างดีและมีสติ เพราะว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันแค่เป็นเหยื่อ!”
หลูเว่ยตงหน้าแดงก่ำขณะมองดูสวี่ชิงด้วยความละอายใจ
จิตใจของเขาช่างเลวทรามและน่ารังเกียจยิ่งนัก เอาแต่คิดว่าหลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว สวี่ชิงจะต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่เลวร้าย และอยากให้เธอออกจากที่นี่ไป
นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นแก่ตัว เพราะสวี่ชิงเปรียบดั่งความฝันในวัยเยาว์ของเขา
เมื่อโจวจินหนานฟังคำพูดของสวี่ชิง ว่าเธอเคยพกมีดไปตามล่าหาคนคนนั้นที่แม่น้ำหวงโห และมีความคิดที่จะตายไปด้วยกัน
หัวใจของเขาก็เจ็บปวดมากจนแทบจะหายใจไม่ออก
ดวงตาทั้งคู่ปวดเสียดขณะที่มีหยดน้ำไหลลงมา
สวี่ชิงมองข้ามสายตารู้สึกผิดของหลูเว่ยตง “นายไม่ต้องไปตรวจสอบหรอก กลับไปเป็นลูกท่านหลานเธอที่เมืองหลวงซะ ต่อจากนี้ฉันจะใช้ชีวิตอย่างดี เพราะว่ามีคนที่ฉันรักและคนที่รักฉันอยู่ที่นี่”
หลูเว่ยตงไม่รู้ว่าเขาออกมาจากลานบ้านเล็ก ๆ ของสวี่ชิงได้อย่างไร ทุกย่างก้าวของเขาหนักอึ้ง เขาเสียใจมากและไม่ควรใช้วิธีดังกล่าวมาบังคับเธอ
หญิงสาวสองคนที่กำลังคัดผักอยู่รู้สึกตกตะลึงกับคำพูดของสวี่ชิง อย่างที่เธอคิดมันถูกต้อง สวี่ชิงคือเหยื่อบริสุทธิ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่เคยมีใครประณามคนที่ลงมือ เอาแต่กล่าวหาสวี่ชิงที่สวยและน่าดึงดูดเกินไป
เป็นเพราะอิจฉาแน่นอน!
สวี่ชิงยืนสงบสติอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาโจวจินหนาน หวั่นเกรงว่าความคิดบางอย่างจะก่อขึ้นในหัวใจของเขา
เธอนั่งยอง ๆ ด้านหน้าเขาและมองดูมีดแกะสลักที่อยู่บนพื้น หยิบมันขึ้นมาและเงยหน้ามองโจวจินหนาน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเธอจะเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากขอบผ้าก๊อซบริเวณดวงตาของโจวจินหนาน
สวี่ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และเอื้อมมือออกไปซับน้ำตา จู่ ๆ เธอก็อยากร้องไห้ “ฉันไม่ได้เศร้าหรอก คุณอย่าเก็บไปใส่ใจเลย คนเราควรมองไปข้างหน้าสิ หรือว่าคุณห่วงเรื่องนั้น?”
ดูเหมือนโจวจินหนานจะลืมไปเสียสนิทว่ามีหญิงสาวอีกสองคนอยู่ในบ้าน เขาเอื้อมมือออกไปลูบผมสวี่ชิง “ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบากนะ”
สวี่ชิงฉีกยิ้มอีกครั้ง “ไม่หรอก ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้มีชีวิตอยู่อีกแล้ว ว่าไหมคะ? ฉันดีใจมากที่ได้มาเจอคุณ”
หญิงสาวทั้งสองคนมองดูการกระทำของโจวจินหนานกับสวี่ชิงขณะที่มือก็ล้างผักไปด้วย
และรู้สึกว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เขาไม่ใช่คนตาบอดประเภทที่หาผู้หญิงแต่งงานด้วยไม่ได้ และเธอก็ไม่ใช่หญิงสาวผู้น่ารังเกียจจนไม่อยากมีใครแต่งงานด้วยอย่างที่ข่าวลือว่าไว้ ทั้งสองเข้ากันได้ดีและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นว่าโจวจินหนานไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหลูเว่ยตง สวี่ชิงก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน
เธอดำเนินกิจการร้านอาหารจานด่วนอย่างขยันขันแข็ง และเฝ้านับวันที่คุณย่าจะกลับออกมา เมื่อใดที่คุณย่ากลับออกมา โจวจินหนานก็จะมีโอกาสได้มองเห็นอีกครั้ง
เนื่องจากยุ่งตลอดทั้งวัน จึงหลับสนิททั้งคืน
เธอเมินเฉยต่อการพลอดรักกับโจวจินหนานเป็นเวลานาน และหลงลืมว่าประจำเดือนที่ควรจะมากลับไม่มี
ขณะที่สวี่ชิงกำลังยุ่งอยู่กับการเงินเหมือนกับผึ้งน้อยจอมขยัน สวี่จื้อกั๋วก็ได้รับจดหมายที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของติงชางเหวินกับฟางหลานซิน
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดวันเดือนปีเกิดและสถานพยาบาลของสวี่หรูเยว่
กระทั่งมีชื่อของฟางหลานซินและลายเซ็นของฟางหลานซินปรากฏอยู่บนนั้น
สีหน้าของสวี่จื้อกั๋วเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวในทันที เขาเคยมีความสัมพันธ์โรแมนติกกับฟางหลานซินมาก่อน และในตอนที่เย่หนานกำลังคลอดลูก ฟางหลานซินก็ปรากฏตัวพร้อมกับสวี่หรูเยว่ที่มีอายุห้าถึงหกเดือน
หล่อนกล่าวว่าเด็กคือลูกของเขา และเขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อแม่ลูกคู่นี้ได้
จากนั้นหล่อนจึงบอกวันเดือนปีเกิดของลูก ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะเจาะของเขากับหล่อนพอดี
แต่จดหมายลึกลับฉบับนี้กลับระบุว่าสวี่หรูเยว่มีอายุมากกว่าเดิมถึงสี่เดือน!
หัวของสวี่จื้อกั๋วกำลังจะระเบิดเส้นเลือดกระจาย เขารู้ว่าติงชางเหวินกับฟางหลานซินมีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่สวี่หรูเยว่น่าจะเป็นลูกของเขาอย่างแน่นอน
ฟางหลานซินไม่น่ามีความกล้ามากพอที่จะโกหกเรื่องนี้!
และเขาก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะร้องขอหลักฐาน
เพื่อนร่วมงานจากสำนักงานเดียวกันเห็นสวี่จื้อกั๋วยืนถือจดหมายนิ่งไม่ไหวติง ราวกับถูกฝังเข็มจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
ทันใดนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปฉกจดหมายและอ่านโดยเร่งด่วน ก่อนจะโพล่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ไม่มีทาง พี่สะใภ้หลานซินไม่น่ากล้าทำอะไรนี้มั้ง สวี่หรูเยว่เป็นลูกสาวของศาสตราจารย์ติงเหรอ!”
สวี่จื้อกั๋วตระหนักได้ว่ามันสายเกินกว่าจะหยุดข่าวลือดังกล่าว และข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วโรงงานกับหมู่บ้านราวกับติดปีก
สวี่จื้อกั๋วไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไป เขากลับไปที่บ้านด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
ชายกลางคนเตะประตูจนเปิดออก และวิ่งเข้าไปบีบคอฟางหลานซิน “นังแพศยา วันนี้ฉันจะบีบคอแกให้ตายไปซะ!”
ฟางหลานซินไม่ตอบสนอง ขณะมองดูใบหน้าที่โกรธจัดของสวี่จื้อกั๋ว ก่อนจะร้องตะโกนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “สวี่จื้อกั๋ว ปล่อยมือ! คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เว่ยตงพอเถอะ ชิงชิงมูฟออนไปนานแล้ว จะฟื้นฝอยหาตะเข็บให้ได้อะไรอีก ทุกวันนี้ชิงชิงก็มีความสุขดีอยู่แล้ว
ชิงชิงเป็นเหยื่อ ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ทำไมคนอื่นไม่โทษคนทำบ้าง โทษเหยื่อทำไม ที่สังคมส่วนนึงยังเป็นแบบนี้ก็เพราะการเบลมเหยื่อ โทษการกระทำของเหยื่อแต่ไม่โทษคนที่ลงมือกระทำนี่แหละ
ไหหม่า(海馬)