เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 127 พี่อุ้มผู้หญิงคนอื่นจริงด้วยสินะ
บทที่ 127 พี่อุ้มผู้หญิงคนอื่นจริงด้วยสินะ
ถึงโจวจินหนานจะมองไม่เห็น แต่เขากลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น
เสียงฝีเท้ามาหยุดอยู่ใกล้พวกเขามาก
ฟ่านเจี๋ยเม้มริมฝีปากแน่น และร้องตะโกนอย่างดื้อดึง “พี่ใหญ่โจว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ?”
โจวจินหนานขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม ยังคงพัดขณะพูดเสียงต่ำ “ออกไป”
น้ำเสียงแผ่วเบา แต่กับเต็มไปด้วยรังเกียจและสะอิดสะเอียน
ดวงตาของฟ่านเจี๋ยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที “พี่ใหญ่โจว ฉันคือฟ่านเจี๋ยเอง สมัยเด็ก ๆ พี่คอยแบกหลังฉันไปโรงเรียน พี่จำไม่ได้เหรอ?”
โจวจินหนานรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น และเริ่มหมดความอดทน “ไปให้พ้น!”
ฟ่านเจี๋ยเคยทุกข์ทรมานจากการคับข้องใจแบบนี้สักที่ไหน เธอเป็นหัวแรงใหญ่ในกลุ่มที่ถูกทุกคนประคบประหงมเมื่อออกไปแสดง แม้แต่พนักงานก็ให้เกียรติเสมอมา
หล่อนเป็นลูกคนสุดท้องในครอบครัว และเป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่มาโดยตลอด เป็นเด็กดีในสายตาของญาติพี่น้อง
สามารถกล่าวได้ว่าหล่อนเติบโตขึ้นมาท่ามกลางคำชื่นชม
หล่อนปาดน้ำตาอย่างดื้อรั้น “พี่ใหญ่โจว ไอ้คนเลว!”
ฉินเหมียวเหมียวตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นหล่อนวิ่งออกไป ทำไมเหตุการณ์ถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ได้?
โจวจินหนาน? ฟ่านเจี๋ยพูดคำว่าพี่ใหญ่โจวเหรอ? ทุกครั้งที่หล่อนได้รับจดหมาย หล่อนก็จะกระโดดโลดเต้นอยู่ในหอพักอย่างมีความสุข และบางครั้งก็อ่านจดหมายให้ทุกคนฟัง
ทุกครั้งหล่อนจะบอกว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก หรือเป็นคู่รักที่มีใจมาให้กันตั้งแต่เด็ก
แต่จากสถานการณ์ที่มองดูในตอนนี้ ดูเหมือนว่าโจวจินหนานจะรำคาญฟ่านเจี๋ย
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หล่อนก็วิ่งไล่ตามฟ่านเจี๋ยออกไป
หล่อนวิ่งไล่ตามฟ่านเจี๋ยไปจนถึงจัตุรัส และจับมืออีกฝ่ายไว้ “ฟ่านเจี๋ย เกิดอะไรขึ้น?”
ขณะนี้แสงอาทิตย์สว่างจ้าราวกับกำลังเผาไหม้ผู้คน ฉินเหมียวเหมียวเอ่ยถามฟ่านเจี๋ยขณะมองหาที่ร่ม
ฟ่านเจี๋ยเงียบ แต่ยังคงปาดน้ำตาไม่หยุด
หล่อนถูกฉินเหมียวเหมียวดึงเข้าไปในที่ร่ม และสะอื้นออกมาเบา ๆ
ฉินเหมียวเหมียวรู้สึกสับสนเล็กน้อย “เอ่อ ผู้ชายคนนั้นใช่พี่ใหญ่โจวของเธอมั้ย?”
ฟ่านเจี๋ยไม่พูดอะไร ซึ่งสามารถเข้าใจได้เป็นนัย ๆ
ฉินเหมียวเหมียวรู้สึกละอายใจที่จะต้องถามออกไป “แต่ว่าเท่าที่ฉันเห็นเขา เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่นอนฟุบหน้าอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ฟ่านเจี๋ยปาดน้ำตา “พี่เขาไม่ได้แต่งงานโดยสมัครใจ เป็นผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่บังคับเขา”
ฉินเหมียวเหมียวประหลาดใจเล็กน้อย “แต่ฉันไม่คิดว่าอย่างงั้นนะ เขาดูรักใคร่ผู้หญิงคนนั้นมากเลย แล้วก็ไม่ชอบที่เธอเข้าไปรบกวนเขาด้วย เธอไม่ได้เข้าใจผิดอะไรใช่ไหม?”
ฟ่านเจี๋ยไม่อาจพูดออกไปได้ว่าหล่อนจำคนผิด ทำได้เพียงกัดฟันแน่น “ไม่ผิด เธอก็รู้ว่าพวกเราเข้ากันได้ดี แต่พอพี่เขากลับมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บ พี่เขาก็ตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น”
แม้ว่าฉินเหมียวเหมียวจะไม่เข้าใจเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้น ทว่าทัศนคติของหล่อนยังดีอยู่ หล่อนจึงมองตรงไปที่ฟ่านเจี๋ย “เขาแต่งงานแล้วเธอก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอก หลังจากนี้เดี๋ยวก็หาใหม่ได้เอง”
ฟ่านเจี๋ยร้องไห้สะอื้นยิ่งกว่าเดิม “เธอพูดง่ายนักนี่ ฉันชอบเขามาตั้งแต่มัธยมปลาย จะให้ยอมแพ้ง่าย ๆ ได้ยังไง”
ฉินเหมียวเหมียวขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แต่เขาแต่งงานแล้ว ต่อให้เธอไม่อยากยอมแพ้ก็ต้องยอมแพ้อยู่ดี หรือบางทีเขาอาจจะเลิกชอบเธอมาหลายปีแล้วและปฏิบัติต่อเธอเหมือนพี่ชายแทน?”
หล่อนรู้สึกว่าถ้าเราชอบใครสักคนจริง ๆ ต่อบาดเจ็บสาหัสแค่ไหนก็จะไม่มีวันไปแต่งงานกับคนอื่น
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดกับฟ่านเจี๋ยด้วยทัศนคติที่น่ารังเกียจเช่นนั้น
และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะพัดให้ภรรยาด้วยท่าทีอ่อนโยน
ฟ่านเจี๋ยจ้องมองฉินเหมียวเหมียว “เธอคือเพื่อนของใครกันแน่ และกำลังพูดกับใครอยู่?”
ฉินเหมียวเหมียวเริ่มรู้สึกอึดอัด “ฉันแค่ช่วยเธอวิเคราะห์ไง เธอคงจะไม่ทำลายชีวิตแต่งงานของคนอื่นหรอกใช่ไหม”
ฟ่านเจี๋ยโกรธมากจนไม่อยากคุยกับฉินเหมียวเหมียว “ฉันไปก่อนนะ เธอเองก็กลับไปซะ”
หลังจากพูดจบ ฟ่านเจี๋ยก็เมินเฉยต่อเสียงเรียก รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปบนถนนลาดยาง
ฉินเหมียวเหมียวมองดูแผ่นหลังของฟ่านเจี๋ยอย่างทำอะไรไม่ถูก และรู้สึกว่าคำพูดของตนไม่ผิด
พวกเขาแต่งงานกันแล้ว จะมีหนทางไหนอีกนอกจากตัดใจ
ช่างเถอะ หล่อนควรกลับไปกินที่ร้านอาหารนั่น!
นอกจากนี้กลิ่นหอมอร่อยยังลอยฟุ้งออกมาจากร้าน
…
สวี่ชิงตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงฟ่านเจี๋ยเรียกพี่ใหญ่โจว นึกไม่ถึงว่าฟ่านเจี๋ยจะเข้ามาถึงในร้านของเธอ
หลังจากฟ่านเจี๋ยวิ่งกระฟัดกระเฟียดออกไป เธอก็ลุกขึ้นนั่งและจ้องมองโจวจินหนานด้วยรอยยิ้มเหยเก
โจวจินหนานรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาของสวี่ชิง ขนลุกสะท้านไปทั่วทั้งหัวใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่กล้าขยับ
สวี่ชิงยื่นเรียวนิ้วออกไปแหย่หน้าอกของโจวจินหนาน “ไม่ยักจะรู้ว่าพี่แบกฟ่านเจี๋ยขึ้นหลังมาก่อน? พี่อุ้มผู้หญิงคนอื่นจริง ๆ ด้วยสินะ!”
ใบหน้าของโจวจินหนานมืดหม่นลง “ตอนนั้นหล่อนอายุห้าขวบ ส่วนผมอายุแปดขวบ ฝนตกหนักจนซัดสะพานพัง ผมก็เลยแบกทุกคนข้ามฝั่ง มีเด็กอีกตั้งหลายคน”
สวี่ชิงถอนหายใจ “แค่ครั้งเดียวใช่ไหมคะ?”
โจวจินหนานพยักหน้าอย่างจริงจัง “แค่ครั้งเดียว”
สวี่ชิงถอนหายใจเสียงดัง “ฉันนึกว่าหล่อนพูดถึงตอนที่เราโตกันแล้ว หล่อนยังจำได้เสมอสินะ แต่…”
เธอหยุดพูดและหันไปมองโจวจินหนาน “พี่ไม่เคยแบกฉันกลับบ้างเลย เอาไว้คืนนี้ตอนกลับบ้าน พี่แบกฉันกลับหน่อยนะ”
โจวจินหนานพยักหน้า “ได้ คืนนี้ผมจะแบกคุณกลับบ้าน”
เฟิงซูฮวาที่นั่งฟังอยู่หัวเราะเสียงดัง “ชิงชิง ทำไมหลานขี้หึงแบบนี้ ไม่อายบ้างเหรอ”
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นและตอบกลับ “ผู้ชายของหนูจะแบกหนูไม่ได้เหรอคะ?”
เฟิงซูฮวายิ้มปริ่ม “หลานนี่นะ เจ้าตัวก่อปัญหาเลยล่ะ”
สวี่ชิงหัวเราะคิกคักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันมาให้ความสนใจกับแขนซ้ายของโจวจินหนานอีกครั้ง และรอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็จางหายไปในทันตา “ฉันเห็นแขนซ้ายพี่แล้ว ผ้าก๊อซใหม่เอี่ยมเชียว ไม่ใช่ผืนเดียวกันกับที่ฉันพันให้เมื่อเช้าด้วย”
โจวจินหนานงุนงง ทั้งหมดล้วนเป็นผ้าก๊อซผืนใหม่ ทำไมสวี่ชิงถึงจำมันได้
สวี่ชิงถอนหายใจ “ผืนเมื่อเช้าฉันใช้จากของที่บ้าน ผ้าก๊อซจะออกเหลืองนิดหน่อย แต่ผ้าก๊อซผืนนี้ขาวอย่างกับหิมะ อีกอย่างโบว์ที่ฉันผูกให้สวยกว่านี้มาก พี่ดูโบว์ที่พยายามผูกขึ้นใหม่สิ ขี้เหร่เสียไม่มี”
โจวจินหนานนึกไม่ถึงว่าจะมีช่องโหว่มากมาย อีกทั้งยังสาปแช่งเกาจ้านในใจ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการไม่ได้
สวี่ชิงหยิบนิ้วมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา และค่อย ๆ เปิดดูบาดแผล เมื่อเห็นว่าบาดแผลหายดี บางที่ตกสะเก็ด เธอก็รู้สึกโล่งใจและพันกลับให้ตามเดิม “แผลจากน้ำร้อนลวกจะเป็นแผลเป็นง่ายที่สุด ถ้าหลังจากนี้พี่ขี้เหร่กว่าเดิม ฉันก็ไม่ต้องการพี่แล้วนะ”
เธอพูดและหัวเราะคิกคัก
เมื่อฉินเหมียวเหมียวกลับมา เธอเห็นว่าโจวจินหนานกับสวี่ชิงกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน
สวี่ชิงก้มหน้าลงขณะจับมือโจวจินหนาน พันแผลให้เขาอย่างระมัดระวัง
เมื่อเธอก้มศีรษะลงเล็กน้อย ผมเปียของเธอหล่นไปอยู่บริเวณหน้าอก เผยให้เห็นคอระหงสีขาว
แม้ว่าจะมองหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความใจเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเธอ
ฉินเหมียวเหมียวคิดว่าคู่รักคู่นี้ต่างมีความรู้สึกต่อกัน ฟ่านเจี๋ยจะบอกว่าพวกเขาถูกบังคับให้ได้งานได้อย่างไร
เธอยิ้มและพูดว่า “เถ้าแก่ ขอข้าวหนึ่งถ้วย เนื้อหนึ่งผักหนึ่ง”
เนื่องจากเสียงของฉินเหมียวเหมียวค่อนข้างเบา สวี่ชิงจึงไม่ได้สนใจนัก เธอยิ้มและเรียกหาซุนเถียนให้มาคิดเงิน
เธอเหลือบมองฉินเหมียวเหมียว และรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูอ่อนโยนและดูเด็กมาก
ฉินเหมียวเหมียวเป็นคนช่างลอง หล่อนสั่งผัดมะเขือกับหมูตุ๋นอย่างละหนึ่ง ควบคู่กับข้าวกล่องที่ดูน่ารับประทาน
ผางเจิ้งหัวถั่วเขียวต้มน้ำตาลให้เธออีกหนึ่ง โดยบอกว่ามันเป็นของแถม
ฉินเหมียวเหมียวอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาในทันใด “ผัดมะเขืออร่อยมากเลยค่ะ”
สวี่ชิงยิ้มและมองดูอีกครั้ง แต่เมื่อมองพิจารณาดู เธอกลับพบว่าฉินเหมียวเหมียวดูคุ้นมาก และเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เขาแต่งงานกันแล้วก็ตัดใจเถอะฟ่านเจี๋ย คิดจะเป็นมือที่สามของสองสามีภรรยาคู่นี้ระวังจะจบแบบศพไม่สวยนะ
เพื่อนฟ่านเจี๋ยนี่มีความเกี่ยวข้องกันยังไงกับเหตุการณ์ชาติก่อนหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)