เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 126 โจวจินหนานกับเกาจ้านร่วมกันกระทำความผิด
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 126 โจวจินหนานกับเกาจ้านร่วมกันกระทำความผิด
บทที่ 126 โจวจินหนานกับเกาจ้านร่วมกันกระทำความผิด
เฟิงซูฮวาขมวดคิ้ว “สวี่จื้อกั๋วทุบกระจกแตกเหรอ?”
หลี่ซิ่วเจินเล่าปัญหาเกี่ยวกับสวี่จื้อกั๋วให้เฟิงซูฮวาฟังขณะถือถังน้ำเสีย โดยบอกว่าเหตุผลหลักคือเป็นเดือดเป็นร้อน จึงมาสู้กับสวี่ชิง “พ่อที่ไหนเขาทำแบบนั้นกันคะ กว่าลูกจะทำอะไรด้วยตนเองมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เขากลับเดินดุ่มเข้ามาทุบร้านเฉย”
โดยปกติเฟิงซูฮวาไม่ใช่คนโกรธง่ายนัก ทว่าตอนนี้นางกลับกระแทกไม้เท้าเข้ากับพื้นด้วยความโกรธจัด “ไอ้ชาติชั่ว!”
หลี่ซิ่วเจินพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่เคยเจอพ่อแบบนี้มาก่อนเลย แต่สวี่ชิงก็เก่งกาจมาก ใช้กระบวยไล่ตีอีกฝ่าย ฉันคิดว่าต่อไปเขาคงจะไม่กล้ามาอีกแล้วค่ะ”
โจวจินหนานขมวดคิ้วแน่นขณะรับฟัง ทว่าเกาจ้านกลับตกตะลึงเล็กน้อย สวี่ชิงฉุนจัดจนกล้าทุบตีพ่อตัวเองเชียวหรือ
หลังจากพูดจบ หลี่ซิ่วเจินก็รีบเอาถังน้ำเสียไปเททิ้งและเดินจากไป
จนกระทั่งงานเสร็จสิ้น สวี่ชิงถึงมีเวลาว่างเข้ามาทักทายเฟิงซูฮวากับเกาจ้าน “คุณย่า พี่ใหญ่เกาจ้าน เชิญนั่งกันก่อนสิคะ เดี๋ยวฉันไปเอาถั่วเขียวต้มน้ำตาลมาให้”
เธอเดินเข้าไปจับมือโจวจินหนานเมื่อพูดเช่นนั้น ก่อนจะพาเขามานั่งลง
จากนั้นก็ไปตักถั่วเขียวต้มน้ำตาลมาให้สามถ้วย “วันนี้ฉันต้มถั่วเขียวต้มน้ำตาลเอาไว้อย่างดีเลย ต้มจนถั่วละลายหมด ลองชิมดูสิคะ”
เธอยิ้มอีกครั้งหลังจากเสิร์ฟให้เฟิงซูฮวากับเกาจ้าน จากนั้นจึงไปทำข้าวหน้าเนื้อง่าย ๆ ให้โจวจินหนาน
เนื้อถูกหั่นเป็นแผ่นบาง เพื่อนำมาทำเป็นอาหารเที่ยง
อีกทั้งเธอยังเอาอาหารขึ้นมากินขณะที่นั่งอยู่กับโจวจินหนาน ยิ้มและพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจในวันนี้ให้เขาฟัง
แต่เธอไม่ได้พูดถึงเรื่องที่สวี่จื้อกั๋วมาที่นี่
ยิ่งเธอไม่พูดอะไร โจวจินหนานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ และรู้สึกผิดต่อสวี่ชิงมากขึ้นไปอีก
ทว่าสวี่ชิงไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาอะไร เธอไม่ได้ทุกข์ทรมาน เพียงแค่เสียกระจกไปบานหนึ่งเท่านั้น และสวี่จื้อกั๋วคงจะไม่กล้ามาที่นี่อีก
นอกจากนี้วันนี้เธอยังค้าขายดีมาก เธอจึงอารมณ์ดี “คุณย่าคะ วันนี้มะเขือยาวเป็นยังไงบ้างคะ? อร่อยหรือเปล่า? ออกหวานอมเปรี้ยวไหมคะ”
เฟิงซูฮวาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “อร่อย เหมือนกับได้กินเนื้อเลย น้ำตาลแพงมากไหม ใส่ไปแบบนี้จะขาดทุนหรือเปล่า?”
สวี่ชิงมีความสุขมาก “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงจะได้กำไรนิดหน่อย แต่ฉันก็อยากให้ทุกคนได้กินของดี ๆ”
เกาจ้านรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “หลายคนมากินข้าวที่นี่แค่ครั้งสองครั้งเองมั้ง พวกเขาก็แค่ผ่านไปมาหรือเดินทางไกลบางโอกาส น้องสะใภ้ยังหวังจะทำเงินจากลูกค้าประจำอยู่อีกเหรอ?”
สวี่ชิงหัวเราะ “พี่คงไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราเปิดร้านอาหารจานด่วนที่นี่ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก แต่เมื่อไหร่ที่ลูกค้าบอกปากต่อปากกัน ผู้คนที่ทำงานอยู่ใกล้สถานีรถไฟก็จะลองมากินกันเอง นอกจากนี้ยังมีพวกที่ทำธุรกิจบริเวณใกล้เคียงเข้ามากินอีกด้วย ในอนาคตเราจะขยายสาขาไปในสถานที่ที่มีผู้คนกระจุกตัวอยู่ทั่วเมือง เพราะงั้นอาหารอร่อยถึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
เกาจ้านพยักหน้า “ความคิดดีมาก แต่อาหารก็อร่อยจริง ๆ”
เขามากินครั้งเดียว แต่กลับกินเข้าไปถึงสามจาน
เมื่อเห็นเนื้อที่ดูน่ากินบนจานของโจวจินหนาน เขาก็ยื่นตะเกียบออกมาเพื่อจะลองชิมดู
ทว่าโจวจินหนานกลับใช้มือซ้ายหยุดเขาไว้ และวางลงบนจานข้าว “กินของตัวเองไปสิ”
เกาจ้านทำเสียงจิ๊ปาก “ฉันเริ่มสงสัยว่านายมองเห็นล่ะนะ บอกฉันหน่อยสิว่าทำไมนายถึงได้ขี้หวงและปกป้องอาหารขนาดนั้น ทำตัวอย่างกับไป๋หลางไปได้”
ไป๋หลางที่นอนราบและกินอาหารอยู่บนพื้นทางด้านซ้ายของโจวจินหนานเงยหนาขึ้นมาทันที มันรีบเหลือบมองเกาจ้าน และร้องคำรามในคออย่างไม่พอใจ
สวี่ชิงอดหัวเราะไม่ได้ เธอนั่งอยู่ทางด้านขวาของโจวจินหนาน และหันไปเห็นฝ่ามือซ้ายของโจวจินหนาน เมื่อเห็นว่าเธอเมื่อเช้าเธอไม่ได้ผูกโบว์แบบนี้ เธอจึงถามเขาว่า “พี่แกะผ้าก๊อซพันมือเหรอ?”
“ใช่…”
“ไม่ใช่…”
เกาจ้านพยักหน้าและตอบว่าใช่ ในขณะที่โจวจินหนานปฏิเสธและรีบเตะขาเกาจ้านที่อยู่ใต้โต๊ะ
ตอนแรกสวี่ชิงไม่ได้คิดว่ามีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อเห็นทั้งสองมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงแบบนี้ก็เริ่มสงสัยขึ้นมา
เธอสีหน้าอดกลั้นของเกาจ้านและโจวจินหนานที่ทำเป็นไร้เดียงสาราวกับไม่ได้ทำอะไร ก่อนจะตัดสินใจไว้หน้าเขา
เธอถึงกับยิ้ม “รีบกินเถอะ กินเสร็จแล้วฉันจะนอนฟุบหน้าสักหน่อย ง่วงจังเลย”
ฤดูร้อนมีอากาศที่ร้อนเกินไป ทำให้ผู้คนต่างพากันง่วงเหงาหาวนอน และมีเวลานอนในตอนกลางคืนสั้นลง
ตอนนี้สวี่ชิงรู้สึกว่าเธอสามารถหลับทั้งยืนได้
โจวจินหนานยิ่งรู้สึกปวดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น และหันไปพูดกระตุ้นเกาจ้าน “ถ้ากินเสร็จแล้วนายไม่มีอะไรทำต่อก็รีบกลับไปซะ ค่อยมาหาฉันที่บ้านทีหลัง”
เกาจ้านเกือบจะสำลักถั่วเขียวต้มน้ำตาล อีกฝ่ายจะต้องสั่งการหนักแน่นขนาดนี้เชียวหรือ?
แต่เขากลับรีบเช็ดปากและจากไปอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงง่วงมาก หลังจากกินจนอิ่ม เธอเช็ดทำความสะอาดโต๊ะก่อนจะฟุบลงและหรี่ตาลงเพื่อพักผ่อน
ขณะที่ดวงตากำลังหรี่ปรือ ลมเย็นปริศนาก็พัดโชยมาให้เธอรู้สึกสบายตัว
โจวจินหนานที่นั่งอยู่ด้านข้างสวี่ชิงไปขอพัดผางเจิ้งหัวมา และโบกสะบัดพัดอย่างอ่อนโยนครั้งแล้วครั้งเล่า
สวี่ชิงหลับไปเกือบสี่สิบนาที ดังนั้นโจวจินหนานที่นั่งอยู่ด้านข้างจึงพัดเป็นเวลาสี่สิบนาที
มีลูกค้าเดินเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว ขณะที่เสียงของซุนเชียวเฟิ่งกับคนอื่น ๆ กำลังเดินไปมา สวี่ชิงได้ยินชัดเจน แต่ไม่สามารถลืมตาได้
ฟ่านเจี๋ยเดินทางกลับมาจากการไปไว้อาลัยที่ชนบท ฉินเหมียวเหมียวเพื่อนร่วมงานของหล่อนเห็นร้านอาหารเปิดใหม่ที่สถานีรถไฟ และคิดว่ามันค่อนข้างใหม่ หล่อนที่ขึ้นรถไฟมาตั้งแต่รุ่งสางจึงรู้สึกหิวมาก
หล่อนจึงจับมือฟ่านเจี๋ย “ไปหาอะไรกินก่อนกลับไหม?”
จากนั้นก็เอ่ยปากถามเพื่อนร่วมทางคนอื่นว่าต้องการจะไปกินข้าวด้วยกันหรือไม่
ทุกคนพากันส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่ไป และต้องการจะรีบกลับบ้าน
เหลือเพียงแต่ฟ่านเจี๋ยกับฉินเหมียวเหมียวเท่านั้น “ไป ไปกินข้าวกัน ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอเอง ลองดูเมนูอาหารบนผนังสิ ถูกจัง”
ฟ่านเจี๋ยไม่อยากกลับบ้าน เมื่อใดที่กลับไปบ้าน หล่อนก็จะต้องนึกถึงงานแต่งงานของโจวจินหนานกับสวี่ชิงเสมอ
แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้ไปร่วมพิธีงานแต่งงาน แต่ข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งครอบครัว พ่อแม่ของหล่อนถึงกับเอ่ยปากชมสวี่ชิงว่าโชคดีเหลือเกินที่ได้แต่งงานกับโจวจินหนาน
และนั่นทำให้หล่อนรู้สึกคับแค้นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ดีที่หล่อนต้องเดินทางไปไว้อาลัยที่ชนบทหลายวัน จึงไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจ
ถึงอย่างนั้นความคิดที่จะต้องไปกลับบ้านกลับทำให้หล่อนรู้สึกไม่สบายใจอีกครั้งทันทีที่ก้าวลงจากรถไฟ
การติดตามฉินเหมียวเหมียวไปกินอาหาร นับว่าเป็นการหลีกเลี่ยงได้สักพักหนึ่ง
ฉินเหมียวเหมียวดึงฟ่านเจี๋ยเข้ามาด้วยความสุขล้นหลาม และเห็นโจวจินหนานนั่งพัดให้สวี่ชิงที่กำลังนอนฟุบอยู่ ถึงแม้ว่าดวงตาของโจวจินหนานจะถูกผ้าก๊อซบดบัง แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่อบอุ่นของเขาสักนิด
หล่อนก้าวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วและกระซิบกับฟ่านเจี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ “ดูอบอุ่นจัง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายกานซูจะช่างเอาอกเอาใจแบบนี้ด้วย”
ทว่าฟ่านเจี๋ยกลับแข็งเป็นหิน ยิ่งต้องการหลีกเลี่ยงมากเท่าใด ก็ยิ่งพบเจอกันบ่อยมากเท่านั้น
เมื่อมองดูท่าทางของโจวจินหนานที่มีต่อสวี่ชิง หล่อนก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับมีเข็มมาทิ่มแทงตา
ถึงอย่างนั้นฉินเหมียวเหมียวกลับดึงฟ่านเจี๋ยเข้าไปโดยที่หล่อนไม่ทันได้ตั้งตัว “ไปซื้อตั๋วอาหารกันก่อน เธอไม่ต้องไปมองหรอก เดี๋ยวในอนาคตพี่ทหารคนนั้นเขาก็จะดูแลเธออย่างดีเหมือนกันแหละ ขนาดเขียนจดหมายยังสุภาพอ่อนน้อมเลย”
ใบหน้าของฟ่านเจี๋ยแข็งทื่อและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
สวี่ชิงบอกว่าหล่อนจำคนผิด โดยการบอกว่าคนที่ติดต่อหาหล่อนไม่ใช่โจวจินหนาน
แต่หล่อนไม่ต้องการสืบว่าใครเป็นคนติดต่อหาหล่อน รู้เพียงแต่ว่ารักแรกของหล่อนคือโจวจินหนาน!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หล่อนก็อดเดินเข้าไปหาโจวจินหนานไม่ได้…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่าโป๊ะสิพี่ เดี๋ยวชิงชิงก็รู้หรอก
โลกกลมจริงๆ เจอคน(แอบ)รักเก่าอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)