เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 124 เขาเปรียบเสมือนผู้ส่งสารจากนรก
ตอนที่ 124 เขาเปรียบเสมือนผู้ส่งสารจากนรก
สวี่จื้อกั๋วถูกฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่ยั่วยุ กอปรกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้เขาไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป
ดวงตาสีแดงก่ำค้นหาหนทางไปหาสวี่ชิง เขาเชื่อว่าต้นเหตุของความโชคร้ายทั้งหมดมาจากสวี่ชิง
ณ ร้านอาหารขนาดเล็กของสวี่ชิงในยามบ่าย เธอกำลังยุ่งอยู่กับการตรวจดูตั๋วสั่งอาหารและการทำอาหาร คอยตะโกนบอกทุกคนให้เข้าแถว อย่าทะเลาะกัน ทุกคนจะได้กินกันครบทุกคน
เวลาพูดเธอมักจะยิ้มแย้มแจ่มใสจนทำให้ผู้คนเชื่อฟังอย่างง่ายดาย
เธอทำอาหารเสร็จหนึ่งอย่างและกำลังจะทำอาหารอย่างต่อไป แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังบริเวณนอกร้าน และเสียงของใครบางคนร้องอุทาน
สวี่ชิงบอกให้ผางเจิ้งหัวที่อยู่ด้านข้างทำอาหารต่อ เธอจะออกไปดูเอง
กระจกบานหนึ่งถูกทุบจนแตกละเอียด ขณะที่สวี่จื้อกั๋วถือก้อนอิฐครึ่งก้อนไว้ในมือ เตรียมจะทุบกระจกบานถัดไป
“หยุดนะ!”
สวี่ชิงโกรธจัด ผลักสวี่จื้อกั๋วอย่างแรงจนเซไปทางหนึ่ง เธอขมวดคิ้วหลังจากได้กลิ่นแอลกอฮอล์บนร่างกายของอีกฝ่าย “คุณทำอะไร! มาบ้าคลั่งอะไรแถวนี้!”
สวี่จื้อกั๋วถืออิฐครึ่งก้อนขณะเซไปสองสามก้าว เขาพยุงตัวขึ้น จ้องเขม็งไปที่สวี่ชิงผู้ถือกระบวยปรุงอาหารไว้ในมือ พร้อมกับใบหน้าเย็นชาจ้องมองมาที่เขา
โดยเฉพาะแววตาคู่นั้นที่โกรธจัดจนดูเหมือนกำลังพ่นไฟออกมา ทำให้ในใจนึกหวาดกลัว
เขาส่ายศีรษะอย่างแรง จดได้ว่าสายตาคู่นี้ไม่เหมือนกับที่เขาเคยเห็น เขาทำใจกล้าและชี้นิ้วไปที่จมูกของสวี่ชิง “นังลูกสาวชาติชั่ว ถ้าฉันอยากพังร้านนี้ฉันก็จะพังร้านนี้ ในเมื่อแกไม่อยากให้ฉันช่วงเวลาดี ๆ แกก็อย่าได้มีชีวิตดี ๆ เลย”
เขารีบหันไปทุบกระจกต่อเมื่อพูดจบ
สวี่ชิงไม่คิดอะไรอีกต่อไป เธอใช้กระบวยในมือฟาดศีรษะของสวี่จื้อกั๋ว ดวงตาของสวี่จื้อกั๋วพร่ามัวจนเห็นดาวสีทองระยิบระยับอยู่ในหัวขณะที่ล้มไปกองกับพื้น
สวี่จื้อกั๋วถูกทุบตีจนเกือบสร่างเมา ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสวี่ชิงจะกล้าตีเขา!
แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบโต้ สวี่ชิงก็โบกกระบวยฟาดเข้ากับใบหน้าของสวี่จื้อกั๋วอีกครั้ง จนใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ
ผางเจิ้งหัวได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทจากด้านนอก อยากจะออกไปดูแต่ก็ออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงยืดคอยาวชะเง้อมองอย่างทุกข์ร้อนใจ
สวี่ชิงโกรธจัดขณะมองดูสวี่จื้อกั๋วเอื้อมมือออกมาลูบศีรษะป้อย ๆ คู้กายลงราวกับลูกบอล หยุดนิ่งและชำเลืองมองด้วยความขุ่นเคือง
สวี่จื้อกั๋วรู้สึกแสบร้อนบริเวณศีรษะกับหัวไหล่ เขานั่งลงกับพื้นและถลึงมองสวี่ชิง “กูเป็นพ่อมึงนะ เป็นลูกทรพีเหรอ ถึงได้กล้าตีกู!”
สวี่ชิงพ่นลมหายใจอย่างโกรธจัด “คุณยังกล้าบอกว่าตัวเองเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดอีกเหรอ? พ่อผู้ให้กำเนิดประสาอะไรมาทุบร้านลูกตัวเอง สวี่จื้อกั๋ว ฉันจะบอกอะไรให้นะ คุณสมควรแล้วที่โดนภรรยาสวมเขา! หยิบเอาลูกชู้มาเลี้ยงดู ฉันจะรอดูวันที่คุณเสียใจ!”
สวี่จื่อกี๋วมองดูผู้คนรอบข้าง และรู้สึกได้ว่าใบหน้าของตนมืดครึ้มจนดำคล้ำ “มึงพูดไร้สาระอะไร!”
สวี่ชิงหัวเราะเยาะ “พูดไร้สาระ? ดูสิว่าตอนนี้คุณขี้ขลาดแค่ไหน กลัวที่จะต้องสอบสวนว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น สวี่จื้อกั๋ว ถ้าคุณกล้ามาสร้างปัญหาที่ร้านของฉันอีก ฉันจะเรียกตำรวจมาจับคุณเข้าตะรางซะ!”
สวี่จื้อกั๋วมองดูสวี่ชิงด้วยความตกใจ เธอเนรคุณจนถึงกับเรียกชื่อจริงของเขาเฉย ๆ!
เขายื่นมือออกมาและชี้นิ้วสั่นเทาไปที่สวี่ชิง “มึงเก่ง มึงเก่งที่สุด! สันดานเหมือนแม่มึงไม่มีผิด! ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม!”
สวี่ชิงยกกระบวยขึ้น “คุณลองพูดออกมาอีกสิ!”
สวี่จือกั๋วรู้สึกว่าสวี่ชิงกำลังจะฆ่าเขาจริง ๆ เขาจึงรีบลุกขึ้นจากพื้น วิ่งออกไปจนไกล และชี้นิ้วกลับมาที่สวี่ชิง “นังบ้า กล้าทุบตีแม้แต่พ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ไม่ช้าหรือเร็วมึงจะต้องถูกลงโทษ”
หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งหนีไปเพราะกลัวว่าสวี่ชิงจะตามไปทุบตี
สวี่ชิงไม่ได้เก็บคำด่าทอของสวี่จื้อกั๋วมาใส่ใจ ลดแขนลงกลับเข้าไปในร้าน เดินไปล้างกระบวยและปรุงอาหารในห้องครัวต่อ
ผางเจิ้งหัวมองดูสวี่ชิงด้วยความกังวล “ไม่เป็นไรใช่ไหม? ทำไมพ่อของเธอถึงมาที่นี่ได้?”
สวี่ชิงส่ายหัว “ไม่เป็นไร เขาแค่ดื่มมากไปแล้วเป็นบ้าน่ะ”
เนื่องจากพวกเขากำลังยุ่งกับการเตรียมอาหาร ผางเจิ้งหัวจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
สวี่ชิงรู้ว่าฟางหลานซินจะต้องยั่วยุให้สวี่จื้อกั๋วมาสร้างปัญหา เดิมทีเธอไม่ได้สนใจเกี่ยวกับประสบการณ์ในชีวิตของแม่มากนัก และไม่เคยคิดจะค้นหาคำตอบ
แต่ตอนนี้เธออยากรู้แล้วว่าแม่จะต้องผ่านเรื่องบ้าอะไรมาบ้าง ทำไมถึงได้มาแต่งงานกับคนไม่เอาไหนอย่างสวี่จื้อกั๋ว
และแม่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่?
……
แม้จะต้องอยู่กับบ้าน แต่โจวจินหนานกลับไม่ได้อยู่เฉย หลังจากพูดคุยกับเฟิงซูฮวาอยู่พักหนึ่ง เขาก็สั่งให้ไป๋หลางไปตามเกาจ้านมา
เกาจ้านรีบแล่นรถเข้ามาจากระยะไกล และเห็นโจวจินหนานยืนอยู่ด้านข้างสุนัขผู้น่าเกลียด
เขาจอดรถข้าง ๆ โจวจินหนาน ลงจากรถและเปิดประตูให้คนหนึ่งคนกับสุนัขหนึ่งตัว
เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมือซ้ายของโจวจินหนานพันผ้าก๊อซเอาไว้ “ไปโดนอะไรมา?”
โจวจินหนานขยับมืออย่างเก้ ๆ กัง ๆ “แค่น้ำร้อนลวกน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
เกาจ้านไม่ได้เร่งรีบจอดรถนัก อีกทั้งยังเหลือบมองด้านข้างโจวจินหนานอยู่พักหนึ่ง “นายก็รู้ว่าแขนซ้ายนายมีค่ามากขนาดไหน? ในอนาคตมันจะส่งผลต่อความเร็วในการถอดรหัสหรือเปล่า?”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ก็แค่ชั้นหนังกำพร้า”
เกาจ้านหัวเราะ “ฝึกกลยุทธ์บำเพ็ญทุกรกิริยาหรือไง? เพื่อทำให้สวี่ชิงใจอ่อนลงงั้นเหรอ?”
โจวจินหนานส่ายหน้า “ไม่ ฉันแค่อยากทำดีกับหล่อน”
เกาจ้านเดาะลิ้นและหัวเราะเยาะ “ถ้านายตกอยู่ในอันตราย นายจะไม่ตัดแขนซ้ายเพื่อช่วยสวี่ชิงเลยหรือไง?”
โจวจินหนานพยักหน้าโดยไม่คิด “แน่นอน”
“เพราะนายเป็นหนี้หล่อนเหรอ?”
โจวจินหนานส่ายหน้า “เพราะหล่อนสมควรได้รับมัน”
หากโลกใบนี้ถูกความมืดรุกราน เขาจะยืนประจักษ์อยู่ตรงหน้าเธอ มอบแสงสว่างทั้งหมดบนโลกใบนี้ให้แก่เธอ และปล่อยตนเองให้จมดิ่งลงไปในความมืดมิด!
หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่คิดจะต่อความยาวหัวข้อนี้อีกต่อไป “โจวจินซวนอยู่ไหน?”
เกาจ้านรู้สึกแปลกเล็กน้อย “อยู่ที่ลานเล็ก ๆ ในซอยเฉินเหลียง ทำไมเมื่อวานนี้จู่ ๆ นายถึงให้ฉันตามหาเขา? น้องชายนายมาทำอะไรให้ขุ่นเคืองหรือไง?”
โจวจินหนานหักนิ้ว “พาฉันไปที่นั่นที”
เกาจ้านสตาร์ทรถและพูดถามอีกครั้ง “นายจะไปหาโจวจินซวนทำไม?”
โจวจินหนานยังคงไม่ตอบ
เกาจ้านทำได้เพียงทำหน้าที่คนขับรถเงียบ ๆ อย่างเชื่อฟัง และพาโจวจินหนานไปหาโจวจินซวน
ซอยเฉินเหลียงอยู่ไม่ไกลจากมณฑลที่เขาอยู่ ซึ่งตระกูลโจวมีบ้านโบราณอยู่ที่นี่
เกาจ้านพาโจวจินหนานลงไป และสงสัยว่าโจวจินหนานจะปล่อยให้ไป๋หลางคอยอยู่บนรถยนต์หรือไม่
ลานบ้านมีขนาดไม่ใหญ่นัก โจวจินซวนพักอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันเข้าพิธีแต่งงาน ประจวบกับตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อนพอดี เขาจึงไม่ต้องไปเรียน เพียงนอนอยู่บนเตียงโดยไม่ได้แม้แต่จะก้าวออกไป
ทว่าซูฮุ่ยหรูยังคงมาส่งอาหารทั้งสามมื้อตรงเวลาทุกวัน
โจวจินซวนที่กำลังนอนอยู่ได้ยินเสียงคนเคาะประตู เขาคิดว่าเป็นซูฮุ่ยหรูที่กลับมาอีกครั้งหลังจากมาส่งอาหารให้ เขาพลิกตัวและไม่คิดลุกขึ้น
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกว่ากำลังโกรธจัด
โจวจินซวนจึงลุกขึ้น เพราะแม่ไม่เคยเคาะประตูแบบนี้มาก่อน
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ใส่รองเท้าและเดินไปที่ประตู
เขาตะโกนร้องออกไป แต่กับไม่มีใครตอบกลับ
เขาเดินไปเปิดประตูด้วยความขุ่นเคือง และทันทีที่เปิดประตู เขากลับไม่เห็นคนยืนอยู่หน้าประตู มีเพียงมือข้างหนึ่งที่เอื้อมออกมาคว้าคอของเขาเอาไว้แน่น
ก่อนผลักเขาเข้าไปที่ลานบ้าน
โจวจินซวนมองดูชายตรงหน้าด้วยความสะพรึงกลัว ใบหน้าของเขาแดงก่ำและยากที่จะพูดออกมา “พี่ใหญ่!”
โจวจินหนานที่ปกติจะเคร่งขรึมและไม่แยแส บัดนี้ได้เย็นชาราวกับผู้ส่งสารจากนรก…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชิงชิงตอนนี้เป็นนักสู้แล้วนะ ต่อให้เป็นพ่อแต่ทำตัวแย่ก็โดนโบกได้
แหล่งกบดานใหม่ของตระกูลโจวเหรอ เกี่ยวข้องกับแผนอะไรของแม่พี่หนานหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)