เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 123 ไปทุบร้านของสวี่ชิง
ตอนที่ 123 ไปทุบร้านของสวี่ชิง
หลังจากที่สวี่ชิงกับผางเจิ้งหัวพูดคุยกันเสร็จ พวกเขาก็เก็บของและเตรียมตัวไปเปิดร้าน
ก่อนจะจากไป เธอหันไปบอกโจวจินหนานว่า “คุณค่อยมากับคุณย่าทีหลังก็ได้ แต่อย่าให้มือเปียกน้ำล่ะ และห้ามแกะสลักด้วย นั่งมองอยู่เฉย ๆ พอ ถ้าฉันเห็นอะไรร้ายแรงอีก ฉันจะไม่สนใจคุณแล้ว”
โจวจินหนานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ก็ได้ ผมจะไม่ซน”
สวี่ชิงกับผางเจิ้งหัวปั่นจักรยานออกไป
เฟิงซูฮวายืนอยู่ที่ลานหน้าบ้านพร้อมกับไม้เท้าในมือ รอจนกว่าสวี่ชิงกับผางเจิ้งหัวจะลับสายตาไป แล้วจึงหันไปมองโจวจินหนานด้วยรอยยิ้ม “เธอได้ยินที่ฉันพูดแล้วสินะ แต่เห็นได้ชัดว่าชิงชิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย และไม่ได้คิดเอาจริงเอาจังด้วย คุณต้องคอยปกป้องและดูแลเธอให้ดีล่ะ”
โจวจินหนานพยักหน้า “คุณย่าวางใจได้ครับ ผมจะดูแลเธออย่างดี”
เฟิงซูฮวาส่ายศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า “คนชั่วร้ายที่หล่อนนึกถึงคือฟางหลานซิน แต่ความจริงแล้วยังมีคนร้ายกาจกว่านั้น ไอ้หยา ย่าจะไปดูกู่ตัวน้อยก่อน วันนี้ปล่อยให้อยู่กลางแดดนานไปแล้ว”
…………
เมื่อสวี่ชิงกับาผางเจิ้งหัวมาถึงหน้าร้าน พวกเขาก็พบเข้ากับซุนเชียวเฟิ่งและลี่ซิ่วเจินที่มาถึงก่อนหน้านี้ ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ที่หน้าร้าน
ทั้งสองต่างรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นสวี่ชิงกับผางเจิ้งหัว ขณะที่ซุนเชียวเฟิ่งยิ้มและพูดว่า “เอ้อซี ชิงชิง ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาถูกที่สินะ อาเพิ่งเคยเห็นร้านอาหารนี้ครั้งแรก ดูสะอาดและสวยมากเลยจ้ะ จนอาคิดว่าจะใช่ไหมนะ”
สวี่ชิงพูดทักทายทั้งสองด้วยรอยยิ้มหวาน “คุณอาเชียวเฟิ่ง คุณน้าซิ่วเจิน จากนี้ไปฝากด้วยนะคะ”
ลี่ซิ่วเจินรีบโบกมือ “ฝากอะไรกันเล่า พวกเราต้องขอบคุณพวกเธอที่ช่วยหางานให้เราต่างหากจ๊ะ ในครอบครัวน้ามีเด็กผู้ชายอยู่หลายคน เวลาจะกินข้าวทีก็ต้องไปซื้อเกลือกับรอให้ไก่ออกไข่ก่อน เธอช่วยน้าไว้เยอะเลยล่ะ”
สวี่ชิงยิ้ม จอดรถจักรยานและเปิดประตูให้ทั้งสองคนเข้าไปในร้าน จากนั้นจึงเมพูดคุยเกี่ยวกับงานในหนึ่งวัน
ซุนเชียวเฟิ่งมีความมั่นใจมาก “อาเคยหั่นผักและทำความสะอาดตามงานแต่งงานศพในซอยบ้านเรามาก่อน อาทำได้แน่นอน ทำกับข้าวง่าย ๆ ได้ด้วยนะ”
ลี่ซิ่วเจินรีบพยักหน้า “ส่วนน้าล้างจานได้ และเป็นคนล้างจานไวมาก”
ทั้งสองหวงแหนหน้าที่การงานนี้มาก เพราะกลัวว่าสวี่ชิงจะไม่ต้องการพวกหล่อน
สวี่ชิงกับผางเจิ้งหัวรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อมีผู้ช่วยมาเพิ่มอีกสองคน ในตอนบ่ายผางเจิ้งหัวจึงมีเวลาเหลือเฟือในการออกไปซื้อผักกับเนื้อ หลังจากนั้นจึงสั่งให้ซุนเชียวเฟิ่งกลับไปที่ลานเพื่อคัดเลือกและล้างผัก
สวี่ชิงกับผางเจิ้งไม่ได้รู้สึกกังวลที่พวกเขากลับมาที่ร้านสายมากนัก อีกทั้งยังไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร
สวี่ชิงผู้กระตือรือร้นยุ่งมาก และนับวันกิจการก็เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฟางหลานซินไม่อาจทนเห็นสวี่หรูเยว่กลับมาที่บ้านของตนได้หลังจากแต่งงานออกเรือนไปเพียงแค่ห้าวัน หล่อนมีใบหน้าโศกเศร้า ไม่มีแม้แต่ร่องรอยแห่งความสุขที่ได้เป็นลูกสะใภ้คนใหม่
หล่อนพรั่งพรูคำติเตียนออกมาทันทีที่เห็นผู้เป็นแม่ “ฉันจะหย่า”
ฟางหลานซินตกตะลึง “ลูกเพิ่งแต่งงานได้ห้าวัน ทำไมถึงจะหย่า? ไม่กลัวเป็นขี้ปากชาวบ้านหรือไง”
ใบหน้าของสวี่หรูเยว่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ “นี่หนูแต่งงานแล้วเหรอ? ตั้งแต่บ่ายวันแต่งงานหนูยังไม่รู้เลยว่าโจวจินซวนหายไปไหน ไม่เห็นเขาตั้งแต่วันนั้น หน้าแม่เขาก็บูดบึ้งทุกวัน หาว่าฉันเป็นต้นเหตุ ก็เห็นอยู่ว่าตอนนั้นหล่อนเป็นคนตกลงให้แต่งงานด้วยแท้ ๆ”
ฟางหลานซินขมวดคิ้ว “โจวจินซวนยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
สวี่หรูเยวส่ายหน้า “ไม่ แล้วฉันจะทนอยู่แบบนี้ไปเพื่ออะไร? อีกอย่างฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายมาสองวันแล้ว คลื่นไส้ตลอด แม่ว่าฉันจะท้องหรือเปล่า?”
หัวใจของฟางหลานซินบีบรัดแน่น “ลูกคงไม่ได้บอกให้ใครรู้ใช่ไหม?”
สวี่หรูเยว่ส่ายหัว “ไม่ แล้วรอบเดือนของฉันก็ไม่มาด้วย”
หัวใจของฟางหลานซินเต้นระรัว มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะตั้งครรภ์ สิ่งที่หล่อนกังวลมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
ลูกของหลี่ต้าหย่ง!
สีหน้าน่าเกลียดของฟางหลานซินทำให้สวี่หรูเยว่กังวล “แม่คะ เราควรจะทำยังไงกันดี?”
ฟางหลานซินโบกมือ “ขอแม่คิดก่อน เด็กคนนี้จะเกิดมาไม่ได้ ถ้าลูกให้กำเนิดเด็กคนนี้ ชีวิตของลูกจะต้องพังทลายลงแน่”
สวี่หรูเยว่ไม่ต้องการให้กำเนิดเช่นกัน ตราบใดที่รู้ว่าเด็กในท้องคือลูกของหลี่ต้าหย่ง หล่อนก็รู้สึกรังเกียจมากจนรับไม่ได้
ดวงตาของฟางหลานซินหรี่ลงเล็กน้อย เผยให้เห็นภาพลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัว “ลูกคิดหาวิธีนอนกับจินซวนให้ได้ แล้วค่อยเข้าไปหาเรื่องนังสวี่ชิง ผลักความผิดในการแท้งลูกให้นังนั่นซะ”
สวี่หรูเยว่ขมวดคิ้ว “คงต้องหลังจากนี้หนึ่งเดือน จะไม่ถูกจับได้ก่อนใช่มั้ยคะแม่?”
ฟางหลานซินส่ายหน้า “ไม่ กว่าท้องจะป่องออกมาก็เข้าเดือนที่สาม ถ้าเราบอกว่าเด็กนี่อายุหนึ่งเดือนก็คือหนึ่งเดือน”
สวี่หรูเยว่คิดว่าวิธีการนี้ค่อนข้างได้ผล “ฉันได้ยินจากคุณป้าของโจวจินหนานว่าสวี่ชิงเปิดร้านอาหารจานด่วนอยู่ที่สถานีรถไฟ กิจการเจริญรุ่งเรืองมาก แล้วหล่อนยังบงการให้โจวจินหนานคอยคัดเลือกผักอยู่ที่บ้านด้วย”
ฟางหลานซินหัวเราะเยาะ “ปล่อยให้มันภูมิใจไปสักสองสามวัน”
รอจนกว่าคนที่ตามหาเธอจะตามหาเจอ ดูสิว่าเธอจะภาคภูมิใจได้อีกแค่ไหน
ขณะที่แม่ลูกกำลังพูดคุยกัน จู่ ๆ ประตูห้องนั่งเล่นก็ถูกเปิดออก สวี่จื้อกั๋วเดินเข้ามาพร้อมกับกลิ่นสุราโชยออกมา ไม่รู้ว่าไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้ว
เขาเอนกายลงบนโซฟา จ้องมองฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่ด้วยดวงตาแดงก่ำ สายตาดูน่ากลัวยิ่งนัก
ฟางหลานซินไม่กล้าส่งเสียงเอ็ดตะโร เมื่อไม่นานมานี้สวี่จื้อกั๋วไม่ยอมไปทำงาน ไม่รู้ว่าเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหนทุกวัน เมื่อใดก็ตามที่เขากลับมาจะต้องเมามายจนไม่ได้สติทุกครั้ง และจ้องมองหล่อนด้วยดวงตาแดงก่ำ
หากพูดบ่นเพียงเล็กน้อย สวี่จื้อกั๋วจะชกตีหล่อนอย่างหนัก
แม้สวี่จื้อกั๋วจะยังไม่รู้ว่าสวี่หรูเยว่คือลูกสาวที่แท้จริงของเขาหรือไม่ แต่ข่าวลือที่แพร่สะพัดอยู่ด้านนอกก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาโดนภรรยาสวมเขา กลายเป็นเพียงไอ้งั่ง
สวี่หรูเยว่ไม่รู้ว่าตลอดสองวันที่ผ่านมาแม่ของหล่อนต้องใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง แต่เมื่อมองดูสวี่จื้อกั๋วและคิดว่าเขาไม่ใช่เรื่องบิดาทางสายเลือด ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขยะแขยงในใจ ก่อนจะชักสีหน้าและปิดจมูก “เหม็นจะตายอยู่แล้ว พ่อจะดื่มทำไมนักหนา?”
สวี่จื้อกั๋วรีบหย่อนกายนั่ง แต่เนื่องจากเขาดื่มเหล้ามามาก ดวงตาจึงแดงก่ำและดูดุร้าย ก่อนจ้องเขม็งไปที่สวี่หรูเยว่ คว้าถ้วยน้ำชาบนโต๊ะกาแฟและเขวี้ยงลงกับพื้น “กูดื่มแล้วมึงจะทำไม มึงคิดว่ามึงเป็นใคร!”
สวี่หรูเยว่ตกใจ “พ่อเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!”
สวี่จื้อกั๋วคว้าถ้วยน้ำชาขึ้นมาอีกใบ และทุบจนแตกละเอียด จ้องเขม็งไปที่ฟางหลานซิน “ก็กูเป็นบ้าไปแล้วไง เป็นบ้าที่ยอมให้เมียสวมเขา คอยดูวันนี้กูจะตีมึงให้ตาย”
เขารู้สึกสะใจและสบายใจหลังจากทุบตีฟางหลานซินเสร็จ
เมื่อใดที่มีโอกาส เขาจะกลับมาทุบตีฟางหลานซินทุกครั้ง
ฟางหลานซินตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ รีบดึงสวี่หรูเยว่มาไว้ข้างหลัง และเหลือบมองสวี่จื้อกั๋ว “คุณกล้าดียังไงมาทุบตีฉัน? คุณบอกให้ฉันขอโทษคุณ งั้นคุณก็ควักหลักฐานออกมาสิ! ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคุณก็เห็นเองกับตา ฉันทุ่มเทให้ครอบครัวน้อยไปหรือไง?”
สวี่จื้อกั๋วไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น และง้างมือตบหน้าฟางหลานซินอีกครั้ง เขารู้สึกโล่งใจอย่างแปลกประหลาดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของหล่อน
ฟางหลานซินกรีดร้องและกระโจนเข้าใส่ “สวี่จื้อกั๋ว ฉันจะสู้กับแก”
แต่หล่อนกลับถูกสวี่จื้อกั๋วเตะก่อนที่จะทันได้กระโจนเข้าใส่ เขากระแทกกำปั้นใส่หน้าฟางหลานซินราวกับห่าฝน
สวี่หรูเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันตกตะลึง หล่อนเคยเห็นภรรยาของเพื่อนบ้านถูกทุบตีแบบนี้ และดีใจมากที่เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในครอบครัวของหล่อน
ตอนนี้หล่อนทำได้เพียงมองดูสวี่จื้อกั๋วทุบตีแม่ของเธอ เธอปิดหูและร้องตะโกนว่า “พ่อหยุดนะ! ทำไมพ่อไม่ไปทุบตีนังสวี่ชิงล่ะ มันเป็นคนปล่อยข่าวลือ! มันทำให้ครอบครัวเรากลายเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้มันกลับอยู่ดีมีสุข”
ฟางหลานซินกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและตะโกนว่า “สวี่จื้อกั๋ว ถ้าคุณยังเป็นผู้ชายอยู่ ก็รีบไปทุบร้านนังสวี่ชิงซะ! คุณไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่าใครเป็นต้นเหตุของเรื่องในวันนี้”
สวี่จื้อกั๋วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และลุกขึ้นยืน “พวกมึงคิดว่ากูไม่กล้าหรือไง? กูจะไปทุบร้านมันเดี๋ยวนี้!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใครกันนะคือลาสต์บอสที่คิดจะกำจัดพี่หนานกับชิงชิง ถ้านังแม่เลี้ยงกับนังพี่สาวยังไม่ใช่ลาสต์บอส
ไหหม่า(海馬)