เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 121 ชิงชิง ได้ชุดสีแดงมาจากไหน
ตอนที่ 121 ชิงชิง ได้ชุดสีแดงมาจากไหน
โจวจินหนานจดจำคำพูดของเฟิงซูฮวาได้เป็นอย่างดี
หากคนธรรมดาทั่วไปประสบเข้ากับเหตุการณ์แบบนี้ พวกเขาจะต้องก่นด่าคนที่ชักดาบค่าอาหารไปด้วยจิตใต้สำนึกผิดชอบชั่วดีอย่างแน่นอน อีกทั้งยังสาปแช่งไปถึงญาติพี่น้องทั้งตระกูลสิบแปดชั่วโคตร
เช่นเดียวกับปฏิกิริยาของผางเจิ้งหัว ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ธรรมดามาก
ทว่าสวี่ชิงยังคงยิ้มแย้ม และไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาอะไร หลังจากกินข้าวเสร็จ ปัญหาดังกล่าวก็คลี่คลายลง
สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ความอดกลั้นและไหวพริบไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาววัยสิบเก้าปีควรจะมี
หลังจากสวี่ชิงพูดจบ เธอก็เกลี้ยกล่อมผางเจิ้งหัวกับซุนเถียนอีกครั้ง เพื่อให้สองหนุ่มสาวได้ทำงานอย่างมีความสุข
เธอขอให้เฟิงซูฮวากับโจวจินหนานรออยู่ที่ร้าน ขณะที่เธอออกไปสั่งพิมพ์ตั๋วอาหารที่โรงพิมพ์
เนื่องจากต้องทำในปริมาณมาก การหาโรงพิมพ์จึงได้ราคาที่ถูกกว่า
เมื่อกลับมาถึงก็เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี จะต้องรีบกลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง
โจวจินหนานกับเฟิงซูฮวานั่งอยู่ด้านนอกประตู มองดูผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา ทุกคนรับประทานอาหารกันอย่างสุขใจ เฟิงซูฮวาเองก็มีความสุขมากเช่นกัน
จวนถึงเวลาสามทุ่มอาหารก็หมดลง ทั้งที่ยังมีคนต่อคิวซื้ออยู่
สวี่ชิงลูบแขนที่ปวดเมื่อย “ไม่ไหวแล้ว เราคงต้องรีบจ้างคน ไม่อย่างงั้นเราคงยุ่งไม่หยุด อาหารวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่ได้เตรียมเลย”
ผางเจิ้งหัวเหนื่อยล้าจากการทำอาหารมาตลอดทั้งวัน จนรู้สึกว่าไม่อยากขยับร่างกายอีกต่อไป
ชามและตะเกียบถูกใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่สวี่ชิงยังคงล้างชามและจานจำนวนนับไม่ถ้วนที่กองเป็นพะเนินราวกับภูเขา
“จ้างคนมาสักสามคน คนหนึ่งล้างจาน ส่วนอีกสองคนล้างกับหั่นผัก ถ้าเริ่มหาพรุ่งนี้เลยจะดีมาก”
สวี่ชิงคิดว่าหากพวกเขายังทำงานกันแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะต้องเหน็ดเหนื่อยมากจนไม่สามารถทนทำต่อทั้งสัปดาห์ได้
ผางเจิ้งหัวนั่งลงบนม้านั่งผิงหลังติดกำแพง “ได้ พรุ่งนี้เรามาติดประกาศรับสมัครงานกัน และฉันจะไปถามไถ่ที่หมู่บ้านด้วย แต่ตอนนี้มืดแล้ว เราจะไปหาซื้อของที่ไหนกันดี?”
สวี่ชิงแหงนหน้ามองท้องฟ้า “ถ้าไม่ได้ พรุ่งนี้ตีห้าค่อยไปดูที่ตลาดเช้าแล้วกัน”
จากนั้นเธอก็พบว่าโจวจินหนานกับเฟิงซูฮวาไม่ได้รออยู่ข้างนอก บางทีพวกเขาอาจจะกลับบ้านไปก่อน
สวี่ชิงสูดลมหายใจและเข้าไปล้างถ้วยชามอีกครั้ง พร้อมกับผางเจิ้งหัวที่เข้ามาช่วย
ขณะที่ซุนเถียนคำนวณบัญชีอยู่ด้านนอก
วันนี้ขายได้น้อยกว่าพันใบ แต่กับทำเงินมากกว่าเจ็ดร้อยหยวน
ผางเจิ้งหัวหายเหนื่อยและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานหลังจากได้ยินตัวเลขจากซุนเถียน “ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็ยอมเหนื่อยตายนะ”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถ้างั้นจะเหนื่อยตายไม่ได้นะ รีบไปล้างจานต่อซะ แล้วก็ช่วยส่งหม้อกลับมาให้ฉันด้วย ฉันยังต้องเคี่ยวเนื้อต่อ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้ซื้อเนื้ออะไรกลับมาเลย จึงถอนหายใจ “ไม่สิ พรุ่งนี้ฉันจะทำหมูผัดพริกชี้ฟ้า ไปกันเถอะ ยังไงก็ยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้นี่”
หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ซุนเถียนก็มอบเงินให้สวี่ชิง และขอให้สวี่ชิงลงนามในสมุดบัญชี
ทั้งสามล็อกประตูและกลับบ้าน
ผางเจิ้งหัวกับสวี่ชิงคิดหาวิธีการแก้ปัญหาเมนูอาหารในวันพรุ่งนี้ตลอดทาง ถึงกระนั้นพวกเขาไม่อาจทำอะไรได้มากจนกว่าจะหาคนมาช่วยงานได้
เมื่อกลับถึงบ้าน แสงตะเกียงส่องให้เห็นถึงพื้นลานที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์และผักมากมาย
โจวจินหนาน เฟิงซูฮวา เกาจ้านและฉินเสวี่ยเหมยกำลังล้างและคัดผักอยู่ที่ลานหน้าบ้าน
สวี่ชิงมองดูด้วยความประหลาดใจ “พวกคุณ… พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”
เกาจ้านพูดอย่างภูมิใจนำเสนอเมื่อเห็นสวี่ชิง “น้องสะใภ้ ผมไปซื้อเนื้อสัตว์กับผักพวกนี้มา ทั้งหมดนี้ราคาถูกมาก พอดีตอนบ่ายผมไม่มีอะไรทำก็เลยไปแถวชนบทมาน่ะ”
สวี่ชิงซาบซึ้งใจขึ้นมาในทันที “ทำไมพวกคุณใจดีจังคะ”
หากที่นี่ไม่มีคนอยู่หลายคน เธอคงจะปรี่เข้าไปกอดโจวจินหนานแน่น ๆ
และจูบเต็มรักสักที!
เฟิงซูฮวาอมยิ้มขณะล้างผัก “เราเห็นพวกหลานยุ่งกันอยู่ และโจวจินหนานบอกว่าหลานคงไม่มีเวลาเตรียมอาหารสำหรับวันพรุ่งนี้ เขาเลยโทรบอกเกาจ้านให้ไปซื้อผัก ส่วนเสวี่ยเหมยก็เข้ามาช่วยตอนที่เราล้างผักกันอยู่พอดี”
สวี่ชิงยิ้มและเข้าไปกอดฉินเสวี่ยเหมย “อา ขอบใจมากนะ ฉันกับผางเจิ้งหัวกำลังกังวลกันอยู่เลยว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรดี”
เฟิงซูฮวายิ้ม “เอาล่ะ มีข้าวอยู่ในหม้อ พวกหลานล้างมือและไปกินกันซะนะ อีกอย่างย่าเอาน้ำซุปเมื่อคืนนี้มาหมักเนื้อ หลานคงเห็นแล้วใช่ไหม ถ้ายังขาดรสชาติอะไรหลานก็ปรุงเพิ่มเอาเองนะ”
สวี่ชิงวิ่งเข้าไปกอดเฟิงซูฮวาอีกครั้ง “คุณย่า ทุกคนทำให้หนูซาบซึ้งใจมากเลยค่ะ”
ปัญหาเรื่องเมนูอาหารในวันพรุ่งนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว โดยที่เธอกับผางเจิ้งหัวไม่ต้องลงมือทำอะไร เกาจ้านและคนอื่นช่วยกันล้างทำความสะอาดและหั่นผักก่อนจะจากไป
สวี่ชิงเคี่ยวเนื้อหม้อสุดท้าย ก่อนจะรีบไปอาบน้ำ เอนตัวลงบนเตียงโดยไม่คิดขยับเขยื้อน หลับตาลงและพูดพึมพำ “โจวจินหนาน คุณคอยฟังเสียงนาฬิกาด้วยนะคะ ถ้านาฬิกาปลุกเมื่อไหร่ช่วยเรียกฉันที ฉันจะไปตักเนื้อออก อ๊ะ ปวดแขนจังเลย”
น้ำเสียงออดอ้อนพลางเขย่าแขนทำให้โจวจินหนานเอื้อมมือออกไปนวดให้เธอ
ก่อนจะพูดด้วยความเป็นห่วง “หลังจากนี้ก็เตรียมอาหารให้น้อยลงหน่อย หรือขายแค่มื้อกลางวันก็พอ”
สวี่ชิงรีบส่ายหัว “ไม่ได้หรอกค่ะ จริง ๆ แล้วตอนกลางคืนคนเยอะมาก และอาหารเย็นก็เป็นอาหารที่คนโหยหามากที่สุด”
โจวจินหนานหยุดพูดขณะที่ยังบีบแขนของสวี่ชิง ปล่อยให้สวี่ชิงได้ฮัมเพลงอย่างสบายใจ
เสียงพึมพำกลายเป็นเสียงลมหายใจยาวในช่วงท้าย หลงลืมเนื้อที่ถูกเคี่ยวอยู่ในหม้อไปเสียสนิท
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า
สวี่ชิงเหลือบมองนาฬิกาปลุกที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงด้วยความงุนงง ตอนนี้กลางวันหรือกลางคืนกันแน่?
นานแล้วที่ไม่เห็นใครอยู่บริเวณนี้ เธอได้ยินเสียงพูดคุยของโจวจินหนานกับเฟิงซูฮวาดังมาจากลานหน้าบ้าน
เธอรีบลุกขึ้น รวบผมอย่างลวกๆ และวิ่งออกไป
ยำแตงกวา ข้าวต้มและปาท่องโก๋ถูกวางอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดเล็กใต้ต้นไม้
เฟิงซูฮวายิ้มขณะหันไปมองสวี่ชิง “ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ รีบล้างหน้าล้างตาแล้วมากินข้าวเร็ว จินหนานออกไปซื้อปาท่องโก๋ตั้งแต่เช้าตรู่เลยนะ”
สวี่ชิงไม่ได้คิดอะไรมาก ยิ้มและไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะเดินเข้ามานั่งทานอาหารเช้า
ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ “เนื้อตุ๋นเมื่อคืนเป็นยังไงบ้างคะ?”
โจวจินหนานส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร ผมตักขึ้นมาให้แล้ว”
สวี่ชิงโล่งใจ “ค่อยยังชั่ว ถ้าตุ๋นเอาไว้นานกว่านี้ มันจะเค็มเกินไปค่ะ”
เธอหลงลืมไปชั่วขณะว่าโจวจินหนานมองไม่เห็น และปฏิบัติต่อเขาราวกับคนปกติ
ในขณะที่ยกชามข้าวขึ้นมากิน เธอสังเกตเห็นความผิดปกติบริเวณมือซ้ายของโจวจินหนานที่วางอยู่ใต้โต๊ะ มันเป็นสีแดงผิดปกติ มีตุ่มพองอยู่บริเวณหลังมือ เธอจึงวางชามข้าวลง “เกิดอะไรขึ้นกับมือของคุณคะ?”
เธอดึงมือของโจวจินหนานออกมาด้วยความวิตกกังวล มองดูนิ้วมือที่ถลอกปอกเปิกจากโดนลวกขั้นสาหัสด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น “ทั้งที่บาดเจ็บขนาดนี้ ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย ซ่อนมือไว้ทำไมคะ คิดว่าซ่อนแล้วฉันจะมองไม่เห็นหรือไง? ทำไมคุณไม่เรียกหาฉันล่ะ?”
เฟิงซูฮวาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวเมื่อคืนนี้ และรีบลุกขึ้นไปช่วยโจวจินหนานตักเนื้อ แต่กับไม่ได้สังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเขา
และไม่คาดคิดว่ามันจะร้อนเพียงนี้ “หลานเอ๋ย ทำไมเมื่อคืนนี้ไม่บอกย่าล่ะ ไม่รู้ว่าที่บ้านมีขี้ผึ้งบ้างหรือเปล่า”
สวี่ชิงปาดน้ำตาด้วยความทุกข์ใจ “บ้านเรามีแค่ยูนนานไป๋เหยาอยู่ในกล่องยาค่ะ ”
เฟิงซูฮวารีบลุกขึ้นไปหยิบยา
สวี่ชิงจับมือโจวจินหนาน ยิ่งมองก็ยิ่งปวดใจ “ทำไมคุณถึงได้เซ่อซ่าแบบนี้ ให้ฉันลุกขึ้นมาตักเนื้อแล้วไปนอนต่อยังดีกว่าอีก”
ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าโจวจินหนานเอื้อมมือลงไปคลำทั้งที่ไม่รู้ความลึกของหม้อ
โจวจินหนานเอื้อมมือออกมาเช็ดคราบน้ำตาของสวี่ชิง “ไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอก”
ขณะที่เฟิงซูฮวาออกมาพร้อมกับยา ท่าทางดูแปลกประหลาด นางถือชุดสีแดงในมือและพูดถามสวี่ชิง “ชิงชิง หลานได้ชุดสีแดงมาจากที่ไหน?”
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น และพบว่ามันเป็นของดูต่างหน้าจากแม่ของเธอ!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พี่ไม่ต้องลำบากตัวเองขนาดนี้เพื่อชิงชิงก็ได้ ดูสิมือโดนลวกถลอกปอกเปิกหมดแล้ว
แม่ของชิงชิงคงมีความหลังกับชุดนี้สินะ ถึงได้ยังเก็บเอาไว้
ไหหม่า(海馬)