เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 116 ผู้หญิงที่เยี่ยมยอด
ตอนที่ 116 ผู้หญิงที่เยี่ยมยอด
ฟางหลานซินไม่เข้าใจว่าสวี่ชิงสามารถเปิดร้านอาหารในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร
ทำไมไม่เคยได้ยินข่าวคราวมาก่อนเลย?
ถ้าหล่อนรู้ว่าสวี่ชิงกำลังจะเช่าร้านตั้งแต่เนิ่น ๆ หล่อนจะไม่มีทางปล่อยให้สวี่ชิงได้เปิดร้านแน่
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ร้านเล็ก ๆ นี้กำลังเฟื่องฟู และยังมีโจวจินหนานนั่งเฝ้าอยู่กับสุนัขน่าเกลียดตัวนั้นด้วย ฟางหลานซินก็อิจฉาจนตาเหลือก
สวี่ชิงไม่ได้คาดหวังว่าธุรกิจจะได้รับความนิยมมากตั้งแต่วันแรกที่เปิด
เพราะเป็นร้านอาหารจานด่วนร้านแรกของเมืองนี้
หลายคนที่อยากกินข้าวกับอาหารประเภทผัดต้องไปสั่งที่ร้านอาหาร ผักกับเนื้ออย่างละนิดราคาหกสิบหรือเจ็ดสิบเหมา รวมข้าวอีกก็ประมาณสองหยวน
ที่นี่จ่ายแค่แปดสิบเหมา มีทั้งอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผัก และข้าวที่มีปริมาณเยอะจนกินอิ่มได้
จะมีร้านไหนเหมาะสมไปกว่านี้อีก
เรื่องนี้ทุกคนต่างคิดได้ทั้งนั้น
ด้วยความรีบเร่งจากการเดินทาง รวมกับความอยากกลับไปกินข้าวที่บ้าน กลิ่นของเนื้อตุ๋นที่ลอยไปตามลมได้ไกลถึงสามลี้ ย่อมทำให้ทุกคนท้องร้องได้
หลังบ่ายสามโมง อาหารที่ทำไว้ก็ขายหมดเกลี้ยง
มันหมดเร็วมากจนผางเจิ้งหัวไม่อยากจะเชื่อ
เขาเช็ดมือด้วยผ้าขี้ริ้วขณะมองดูชามผักที่ว่างเปล่า แม้แต่น้ำซุปก็ไม่เหลือ “นี่ขายหมดแล้วเหรอ? เมื่อวานฉันคิดว่าทำไว้เยอะขนาดนี้ แล้วเมื่อไหร่จะขายหมด”
เมื่อวานในตอนที่เขาได้ยินสวี่ชิงบอกว่าให้ซื้อเนื้อหมูแปดสิบชั่ง และผักหลายชนิดอีกหนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง เขาก็คิดในใจว่าถ้าขายไม่ได้ วันต่อมาวัตถุดิบก็จะไม่สด
สวี่ชิงพูดอย่างมีความสุขว่า “ฉันก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ฉันคิดว่าน่าจะหมดตอนเย็น ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของนายนะ”
อาหารประเภทผัดผักไม่ได้ทำไว้ในหม้อ แต่จะผัดจานต่อจานอย่างต่อเนื่อง ในตอนนั้นผางเจิ้งหัวจึงไม่มีเวลาว่างอยู่ในครัวด้านหลังเลย และต้องถือตะหลิวผัดอยู่เสมอ
มันหนักหนาเอาการ
ผางเจิ้งหัวยิ้มอย่างมีความสุข “ไม่หนักหรอกไม่หนัก ดูนี่สิ เหนื่อยแค่ไหนก็คุ้ม”
ซุนเถียน นักบัญชีที่สถานีส่งมากำลังนับเงินบอกกับสวี่ชิงด้วยรอยยิ้มว่า “ขายอาหารได้ทั้งหมดห้าร้อยจาน เนื้อสองร้อยสี่สิบจาน ผักสองร้อยหกสิบจาน รายได้ทั้งหมดคือสามร้อยสี่สิบแปดหยวน”
ผางเจิ้งหัวไม่อยากจะเชื่อ “รายได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
สวี่ชิงคำนวณเงียบ ๆ ในใจอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากหักต้นทุนและหักเงินให้สถานีแล้ว กำไรสุดท้ายจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยหยวน ซึ่งยังคงน่าประทับใจมาก
เพราะว่าเป็นวันแรกจึงเตรียมอาหารไว้ไม่เพียงพอ ในอนาคตหากขายได้หนึ่งพันจานต่อวัน รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก
ยิ่งคนกินเยอะ ต้นทุนก็จะยิ่งลดลง
และเมื่อเข้าสู่ช่วงเย็น จำนวนผู้โดยสารก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น หากไม่จ้างคนเพิ่มก็จะยุ่งมาก
หลังจากที่ซุนเถียนจากไป สวี่ชิงก็ทำการปิดร้านและเริ่มทำบัญชีกับผางเจิ้งหัว
ทันทีที่ผางเจิ้งหัวได้ยินว่า ในแต่ละวันเขาสามารถรับส่วนแบ่งผลกำไรได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เขาก็ไม่อยากจะเชื่อ “เธอคิดถูกแล้วใช่ไหม? คุณพระช่วย เดือนหนึ่งก็หนึ่งพันห้าร้อยหยวนเลยไม่ใช่เหรอ? มันเท่าค่าแรงตลอดทั้งปีของคนงานเลยนะ”
สวี่ชิงหัวเราะ “ฉันแค่คำนวณคร่าว ๆ แบบไม่ได้เจาะจงน่ะ แต่ละเดือนอาจได้ไม่เท่ากัน เพราะอาจมีหลายอย่างเพิ่มเข้ามา ซึ่งทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่าย”
ผางเจิ้งหัวเข้าใจและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นอะไร ฉันไม่รีบร้อนที่จะแบ่งเงิน พอฉันได้ยินว่าจะได้เงินเยอะมาก ฉันก็มีแรงจูงใจมากขึ้นทันทีเลย”
สวี่ชิงพูดอย่างมีความสุข “ฉันบอกเรื่องกำไรให้นายฟังล่วงหน้าก็เพื่อให้นายมีแรงจูงใจมากขึ้น ตอนนี้เราต้องหาคุณป้าสักสองคนมาทำหน้าที่ล้างและหั่นผัก เพราะถ้าให้นายเตรียมคนเดียวทุกวันก็จะหนักเกินไป นายก็ทำหน้าที่ทำอาหารต่อไปเถอะ”
ผางเจิ้งหัวพยักหน้า “ตกลง ขอให้เธอบอกมาก็พอ”
สวี่ชิงคิดอีกครั้ง “อีกอย่างคือเราต้องแก้ไขเวลาทำการด้วย ปิดเตาเวลาสองทุ่มครึ่งทุกวัน ปิดร้านเมื่ออาหารหมด เปิดร้านเวลาสิบโมงเช้า และเสิร์ฟอาหารตรงเวลาตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง แบบนี้ดีไหม?”
ผางเจิ้งหัวพยักหน้าอีกครั้ง “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา เธอตัดสินใจได้เลย”
ตอนนี้เขารู้สึกชื่นชมสวี่ชิงมาก เธอน่าทึ่งมาก
สวี่ชิงเงียบไปครู่หนึ่ง “ถึงตอนนี้จะไม่มีร้านว่างให้เช่าที่สถานี แต่ไม่มีการรับประกันว่าคนอื่นจะไม่เลียนแบบ ดังนั้นฉันจะไปคุยกับผู้อำนวยการสถานีสักครู่ เพื่อให้สถานีความร่วมมือกันช่วยป้องกันคู่แข่งที่น่ากลัว”
ถ้าร้านอื่นขายอาหารที่มีคุณภาพอยู่ในระดับปานกลางในราคาห้าสิบเหมา
คนก็จะเลือกกินอาหารราคาห้าสิบเหมาเพราะราคาถูก ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อพวกเธอมาก
เกาจ้านส่งเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ กลับไปแล้ว และมานั่งกับโจวจินหนาน เพื่อฟังสวี่ชิงและผางเจิ้งหัวประชุมกัน
เขานึกแปลกใจว่าทำไมสวี่ชิงถึงรู้ทุกอย่าง? เธอรู้มากขนาดนี้ได้อย่างไร
โดยเฉพาะเมื่อต้องทำธุรกิจ เธอไม่ได้ทำตัวเหมือนคนที่เพิ่งเข้าสู่วงการธุรกิจ
เขาพูดกับโจวจินหนานเบา ๆ “น้องสะใภ้มีความสามารถมาก”
โจวจินหนานยิ้มมุมปาก “หล่อนยอดเยี่ยมเสมอ”
เกาจ้านมองดูสีหน้าภาคภูมิใจของโจวจินหนาน และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ดูหน้านายสิ พอเถอะ เห็นแล้วขนลุก นายต้องระวังไว้ ตอนนี้น้องสะใภ้มีรายได้เกือบเท่าเงินเดือนของพวกเราแล้ว ระวังอีกหน่อยหล่อนจะดูหมิ่นนายเถอะ”
น้ำเสียงของโจวจินหนานหนักแน่น “หล่อนจะไม่ทำแบบนั้น”
หลังจากที่สวี่ชิงพูดคุยกับผางเจิ้งหัวเสร็จแล้ว และกำลังจะไปหาผู้อำนวยการอ้วน ฉินเสวี่ยเหมยก็วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ พร้อมกับประทัดแขวนสองอันในมือ
เมื่อเห็นว่าร้านว่างเปล่า เธอก็ถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? ไม่มีใครมากินเลยเหรอ? สวี่ชิงไม่เป็นอะไรนะ ฉันจะมากินอาหารร้านเธอวันหลัง”
ผางเจิ้งหัวอดหัวเราะไม่ได้ “ตอนนี้กี่โมงแล้ว ถ้าร้านยังไม่เปิดอีกเราคงร้องไห้ไปแล้ว พวกเราขายหมดแล้วต่างหาก เธอเชื่อไหม?”
ฉินเสวี่ยเหมยประหลาดใจ “ขายหมดแล้วเหรอ!? อาหารเยอะขนาดนั้นขายหมดในไม่กี่ชั่วโมง”
หล่อนรู้สึกทึ่ง นี่มันยิ่งกว่างานเลี้ยงที่บ้านอีก
สวี่ชิงกลอกตาและยิ้ม “ขายหมดแล้ว เธอต้องเชื่อในความสามารถของพวกเราสิ”
เธออยู่พูดคุยกับฉินเสวี่ยเหมยครู่หนึ่ง แล้วไปหาผู้อำนวยการอ้วนหลี่กั๋วหัวเพื่อพูดคุยเรื่องต่าง ๆ
เมื่อเธอไปก็นำบุหรี่ที่เตรียมไว้ไปด้วย ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอก็กลับมาอย่างร่าเริง
ผางเจิ้งหัวชื่นชมความว่องไวของสวี่ชิง “ทำไมกลับมาเร็วจัง? เสร็จแล้วเหรอ?”
สวี่ชิงพยักหน้า “เสร็จแล้วน่ะสิ การร่วมมือทางธุรกิจคืออะไร? นายคิดว่าทำไมฉันถึงหาเงินด้วยการไม่เช่าร้าน แต่ชวนเขามาทำกิจการร่วมด้วย นายคิดว่าฉันโง่ที่ส่งเงินให้พวกเขาใช่ไหม? ถึงตอนนี้พวกเขาจะออกมาหยุดยั้งผู้ที่ต้องการเลียนแบบเรา เพราะสุดท้ายแล้วไม่ใช่แค่เราที่เสียผลประโยชน์ แต่สถานีก็จะเสียผลประโยชน์ด้วย”
ใครจะปล่อยให้เค้กในจานตัวเองถูกแย่งไปกันล่ะ?
ผางเจิ้งหัวไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนจริง ๆ และคิดว่าเป็นเพราะสวี่ชิงกลัวเสียเงิน
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าสวี่ชิงจะนึกถึงผลประโยชน์ตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน เขาจึงยกนิ้วให้อีกครั้ง “ไม่ต้องอธิบายแล้ว ในอนาคตฉันจะฟังสิ่งที่เธอพูดทุกอย่าง”
สวี่ชิงยิ้ม “อืม ฟังฉันให้ดี แค่ประโยคเดียว ทำงานให้หนักแล้วในอนาคตเราจะดีขึ้น”
โจวจินหนานลูบสายจูงไป๋หลางด้วยนิ้วของเขา และอดไม่ได้ที่จะหลับตาลงแล้วยิ้ม
สวี่ชิงเป็นผู้หญิงที่เยี่ยมยอดจริง ๆ
เกาจ้านมองรอยยิ้มของเขาจากด้านข้าง ขนาดนั้นเชียวเหรอ? ขนาดนั้นเชียวเหรอ?
ไม่ใช่แค่ได้แต่งงานกับภรรยาที่มีความสามารถหรอกเหรอ ดูรอยยิ้มบนใบหน้าของโจวจินหนานสิว่ามันดูทึ่มแค่ไหน!
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะมาทำอะไรร้านชิงชิงคะแม่เลี้ยง ถ้าไม่กลัวโดนยำกลับไปก็อย่าได้คิดจะพังร้านนะคะ แบคชิงชิงใหญ่มากนะเออ
พี่หนานภูมิใจในตัวภรรยาสินะคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว
ไหหม่า(海馬)