เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 115 เธอมักทำให้เขาประหลาดใจด้วยสิ่งที่แตกต่าง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 115 เธอมักทำให้เขาประหลาดใจด้วยสิ่งที่แตกต่าง
ตอนที่ 115 เธอมักทำให้เขาประหลาดใจด้วยสิ่งที่แตกต่าง
สารบัญ
ตอนที่ 115 เธอมักทำให้เขาประหลาดใจด้วยสิ่งที่แตกต่าง
โจวจินหนานไม่ได้คัดค้าน “ต้องเก็บเงินค่าอาหารของเกาจ้านด้วย”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ไม่ต้องหรอก พวกพี่มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และเขาก็ช่วยเรามามากแล้ว การขอเก็บเงินค่าอาหารไม่ใช่เรื่องเหมาะเลย”
โจวจินหนานพูดอย่างจริงจัง “เขาเป็นคนหน้าหนา หากคุณไม่เรียกเก็บเงิน เขาจะใช้ที่นี่เป็นห้องอาหารส่วนตัวในอนาคต”
สวี่ชิงเบิกบานใจ “ก็ไม่เป็นไรนี่คะ เพียงแค่อาหารสามมื้อต่อวัน อย่าตระหนี่ไปเลยนะ”
โจวจินหนานยังคงไม่เห็นด้วย “เขากินจุมาก ดังนั้นเขาต้องจ่ายเงิน”
สวี่ชิงยิ้มแล้วหยิกแขนของโจวจินหนาน “คุณนี่ ทำไมถึงตระหนี่จัง”
หลังทำความสะอาดร้าน สภาพร้านก็กลับมาสะอาดทันที
อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเที่ยง สวี่ชิงนั่งมองร้านที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ที่โต๊ะยาว เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและดึงโจวจินหนานให้นั่งลง “เร็ว มานั่งคุยกันเรื่องสูตรกันค่ะ เดี๋ยวอีกหน่อยจะเป็นเวลาเร่งด่วนของลูกค้า เราจะไม่มีเวลามาคิดรายการอาหาร แค่อาหารจานเนื้อสองอย่างและอาหารจานผักสี่อย่างก็พอแล้ว”
ผางเจิ้งหัวนั่งตรงข้ามสวี่ชิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อย่างนั้นเราก็จะใช้ผักประจำฤดูกาลที่ถูกที่สุด ตอนนี้มะเขือ แตงกวาและพริกราคาถูก เราทำหมูตุ๋นใส่มันฝรั่งและหมูผัดพริกได้ ส่วนที่เหลือก็เป็นผัดผักตามฤดูกาลอีกสี่อย่าง”
สวี่ชิงส่ายศีรษะ “ฉันก็คิดอย่างนั้น อาหารจานเนื้อเราก็จะใช้เนื้อล้วน หมูตุ๋นก็คือหมูตุ๋น ไม่ต้องมีเครื่องเคียง ต่อให้เนื้อหมูจะถูกหั่นให้เล็กลงเล็กน้อย แต่สุดท้ายทุกคนก็ขาดน้ำมันและน้ำในท้องไม่ได้ ถ้าใส่มันฝรั่งเข้าไปด้วย พวกเขาจะรู้สึกว่าเนื้อมีน้อยจึงใส่เพื่อเพิ่มปริมาณ”
ผางเจิ้งหัวขมวดคิ้ว “แต่ว่าค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้น”
สวี่ชิงย่อมรู้อยู่แล้ว “เราสามารถประหยัดวัตถุดิบอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เนื้อหมู”
โจวจินหนานรู้สึกว่าสิ่งที่สวี่ชิงพูดนั้นมีเหตุผล “คนจะเต็มใจมากินเมื่อพวกเขาเห็นว่ามีเนื้อเยอะ”
สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ด้วยวิธีนี้ ถ้าธุรกิจของเราไปได้สวยก็จะเชือดหมูเอง และต้นทุนก็จะลดลงอย่างแน่นอน อีกอย่างคือน้ำซุปหมูตุ๋นก็สามารถราดข้าวได้ เราจะให้เติมน้ำซุปได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย”
ทีนี้การตัดสินว่าอาหารอร่อยหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อสัตว์และปริมาณน้ำมัน
ถ้าขายข้าวกล่องในราคาแปดสิบเหมาก็ถือว่าไม่ถูกเลย เพราะเนื้อหมูมีราคาเพียงแปดสิบเหมาต่อชั่งเท่านั้น
หลังจากปรึกษากับผางเจิ้งหัวแล้ว สวี่ชิงก็กล่าวว่า “ตอนนี้พวกเรากำลังทำธุรกิจอยู่ พวกเราไม่ได้เน้นทำเงินจำนวนมากจากการขายอาหารราคาแพง แต่เน้นจำนวนที่ขายได้ เพราะกำไรย่อมเพิ่มขึ้นหากขายได้จำนวนมาก อย่าได้ดูถูกอาหารจานด่วนเชียว”
ผางเจิ้งหัวรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดที่ไม่คุ้นเคยของสวี่ชิง และมองสวี่ชิงด้วยความชื่นชม “สวี่ชิง เธอรู้มากขนาดนี้ได้อย่างไร?”
เธอไม่ได้แก่กว่าเขาและเคยขายตั๋วโดยสารมาก่อน แล้วเธอรู้วิธีทำธุรกิจได้อย่างไร?
สวี่ชิงหัวเราะ “นายลืมงานที่ฉันเคยทำก่อนหน้านี้ไปแล้วเหรอ? ฉันขายตั๋วโดยสาร ยิ่งฉันฟังมาก ฉันก็ย่อมเก็บมันไว้ในใจ และเรียนรู้มาจากการฟังวิทยุด้วย”
ผางเจิ้งหัวถอนหายใจ “เธอน่าทึ่งมาก ฉันก็ฟังวิทยุบ่อยเหมือนกัน แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้เรียนรู้อะไรบ้างเลย”
สวี่ชิงเยาะเย้ย “เพราะว่าฉันฉลาดไงล่ะ อีกอย่างคือตอนที่นายฟังวิทยุ นายฟังแต่นิยายใช่ไหม เรื่องสามก๊กกับซ้องกั๋งอะไรนั่น”
ผางเจิ้งหัวเกาหัวด้วยความเขินอาย “ฉันอ่านหนังสือไม่ออกเลยแม้แต่ตัวเดียว ฉันจึงฟังแต่นิยายเท่านั้น”
สวี่ชิงยิ้ม “ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะเอาวิทยุมาเปิดเพลงที่ร้านด้วย แล้วก็จะเปิดนิยายให้คนที่มากินได้ฟังไปด้วย”
เมื่อวางแผนอย่างดีแล้ว สวี่ชิงก็ให้เงินผางเจิ้งหัวไปสองร้อยหยวนเพื่อซื้อเนื้อหมู น้ำมัน ไข่ ข้าวและลูกเดือย แล้วบอกให้เขาเก็บใบเสร็จวัตถุดิบทุกอย่างไว้
ข้าวขาวล้วนค่อนข้างมีราคาแพงมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเติมลูกเดือยหรือธัญพืชอื่น ๆ ลงไป เพื่อทำข้าวผสม
สวี่ชิงยังบอกให้ผางเจิ้งหัวซื้อถั่วเขียวมาสองสามชั่งด้วย เธอจะนำมาทำเป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาลถังใหญ่ จากนั้นเธอก็ไปที่โรงงานไอติมเพื่อซื้อน้ำแข็งสองชิ้น แล้วใส่ลงไป
คนที่รับประทานอาหารจะได้รับขนมฟรีหนึ่งถ้วย
เป็นการส่งเสริมการขายอย่างหนึ่ง
โจวจินหนานฟังแล้วก็รู้สึกว่าสวี่ชิงมีความคิดแปลกใหม่มากมาย และทั้งหมดก็มีความเป็นไปได้
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลฟรี เกรงว่าคงไม่มีร้านอื่นในเมืองเอกมณฑลทำอย่างนี้แล้ว
ระหว่างเดินทางกลับบ้านกับโจวจินหนาน สวี่ชิงอธิบายให้เขาฟังว่า “ถ้าร้านเปิดแล้วฉันคงยุ่ง คุณอยู่ที่บ้านก็ได้ เพราะตอนนั้นฉันคงคอยดูแลคุณไม่ได้”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “ผมไม่ต้องการให้ใครมาดูแล ผมช่วยเฝ้าประตูร้านให้ได้ ถ้ามีใครกินแล้วไม่ยอมจ่าย ผมจะสั่งให้ไป๋หลางจับเอาไว้”
สวี่ชิงคิดว่าวิธีนี้ดีมาก ในยุคนี้มีคนประเภทนั้นจริง
พวกไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารหรือต้องการจะโกง ต้องมีใครสักคนคอยดูแลร้านจริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นไป๋หลางของพวกเราก็ต้องทำงานหนัก”
แต่ไม่รู้ว่าถ้ามีไป๋หลางในสภาพน่าเกลียดนั่งอยู่หน้าประตู แล้วจะไม่มีใครกล้ามากินหรือเปล่า
หลังจากเตรียมการมาสองวัน ครัวน้อยรสเลิศของสวี่ชิงก็เปิดในเช้าวันอาทิตย์
เกาจ้านพาเพื่อนร่วมงานสองสามคน ที่เคยมาร่วมงานแต่งงานของสวี่ชิงและโจวจินหนานมาให้กำลังใจ และแต่ละคนก็มอบอั่งเปาให้สวี่ชิง
สิ่งนี้ทำให้สวี่ชิงอับอายมาก “ฉันขอให้พวกพี่มาชิมอาหารร้านเรา แล้วทำไมพวกพี่ถึงให้อั่งเปาล่ะ รีบเอาคืนไปเถอะค่ะ”
ชายหนุ่มร่างผอมเพรียวคนหนึ่งยิ้ม “น้องสะใภ้ คืนไม่ได้หรอก หัวหน้าโจวอธิบายไว้หมดแล้ว พวกเราต้องจ่ายค่าอาหาร”
เกาจ้านรีบพยักหน้า “ใช่ เขาบอกว่าถ้าไม่ให้เงินก็ไม่ต้องมากินข้าวเย็น”
สวี่ชิงทำอะไรไม่ถูก “อย่าไปฟังเขาเลย นี่เป็นร้านของฉัน และฉันไม่เก็บเงินพวกพี่หรอก”
เกาจ้านโบกมือ “คุณควรรับเงินไว้เถอะ พวกเราทุกคนกินจุ หากคุณไม่ยอมรับเงิน พวกเราจะอายเกินกว่าจะกินได้”
คนอื่นอีกหลายคนพยักหน้า “ใช่แล้ว ผมอายที่จะกินถ้าผมไม่ได้จ่ายเงิน”
“พี่สะใภ้ ถ้าไม่รับเงินพวกเราจะไม่กล้ากินเยอะ”
สวี่ชิงหัวเราะ เธอรู้ว่าคนเหล่านี้จะไม่เอาเปรียบเธอ และยังอยากจะให้เธอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
ความรู้สึกระหว่างพวกเขามีความเข้าอกเข้าใจกัน ซึ่งคนนอกไม่อาจเข้าใจได้
ผางเจิ้งหัวกำลังทำอาหารอยู่ในครัวอย่างสุดความสามารถ หมูตุ๋นที่สวี่ชิงทำไว้ในหม้อนั้นเปื่อยนุ่มแล้ว ถั่วเขียวต้มน้ำตาลถังใหญ่สองถังวางอยู่ในร้าน และมีน้ำแข็งก้อนใหญ่สองก้อนอยู่ในถังนั้น มันเย็นชื่นใจมาก
ที่ประตูมีอักษรสีแดงเขียนไว้ว่าครัวน้อยรสเลิศ บนผนังสีขาวด้านล่างเขียนรายการอาหารไว้ว่า: หมูหนึ่งอย่าง ผักหนึ่งอย่างแปดสิบเหมา ผักสองอย่างหกสิบเหมา
กลิ่นหอมของหมูตุ๋นค่อย ๆ ลอยออกมา เมื่อคนได้กลิ่นก็จะรู้สึกท้องร้องขึ้นมาทันที ผู้โดยสารจำนวนมากจึงค่อย ๆ รวมตัวกันเข้ามา
สวี่ชิงยืนอยู่ที่ประตูเพื่ออธิบายว่ามีอะไรบ้าง เธอยิ้มและเชิญทุกคนเข้าไปในร้านเพื่อรับประทานอาหาร
เกาจ้านมีความคิดเพิ่มเติม เขาพาเพื่อนสองสามคนมานั่งกินข้าวกันตรงหน้าร้าน หมูตุ๋นฉ่ำน้ำมันโปะหน้าด้วยผักสีเขียวดูน่าอร่อยมาก
ชายหนุ่มสี่ห้าคนกินอย่างเอร็ดอร่อยและรวดเร็ว ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
สุดท้ายหลายคนก็ไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ และก้าวเข้าไปในร้าน
ถ้ามีคนแรกก็ย่อมมีคนที่สอง ในร้านจึงไม่มีที่ว่างอีกต่อไป หลายคนต้องถือจานออกมากินนอกร้าน
สวี่ชิงเตรียมอาหารให้ทุกคนในร้านอย่างมีความสุข แต่ละจานมีน้ำหนักพอเหมาะ ไม่ได้หนักถึงขั้นทำให้ข้อมือสั่น
ที่สำคัญคืออาหารรสชาติดีมาก!
ฟางหลานซินได้ยินเพื่อนบ้านบอกว่าสวี่ชิงเปิดร้านอาหารที่สถานี ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปดูว่าจริงหรือไม่
เมื่อมองไปยังประตูหน้าร้านที่มีลูกค้าพลุกพล่าน และเห็นรอยยิ้มของสวี่ชิง หล่อนก็อยากจะเข้าไปฉีกใบหน้านั้นให้รู้แล้วรู้รอด!
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ค้าขายรวยๆ เฮงๆ ปังๆ นะคะชิงชิง
มาทำอะไรคะแม่เลี้ยง ระวังโดนไป๋หลางขย้ำนะ
ไหหม่า(海馬)