เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 114 ไม่มีใครดีไปกว่าคุณ
บทที่ 114 ไม่มีใครดีไปกว่าคุณ
สวี่ชิงไม่ทันได้ระวังตัว เธอจึงตกอยู่ในอ้อมแขนของโจวจินหนาน และถูกเขากอดไว้แน่น
เธอหัวเราะแม้จะหงุดหงิดเล็กน้อย และตบไหล่เขาอย่างแรง “อ๊ะ คุณปล่อยนะ ทำแบบนี้ในบ้านตอนกลางวันแสก ๆ มันไม่ดีไม่ใช่เหรอ?”
โจวจินหนานโอบกระหวัดเอวบางของเธอไว้แน่น ใบหน้าของเขาซุกไซ้ไปตามซอกคอของเธออย่างเอาแต่ใจ
สวี่ชิงทนไม่ไหวอีกต่อไป หัวใจของเธออ่อนระทวยขณะเอื้อมมือไปกอดศีรษะของเขา “โจวจินหนาน คุณย่าบอกว่าดวงตาของคุณจะหายดี แล้วอะไรทำให้คุณไม่มั่นใจอีก? จริง ๆ แล้วฉันไม่ต้องการให้ดวงตาของคุณหายดีด้วยซ้ำ ถ้าดวงตาคุณกลับมาเป็นปกติดี คุณก็จะทิ้งฉันกลับไปรักษาชายแดน ซึ่งฉันทนไม่ได้”
“แถมหน้าตาพี่ก็หล่อด้วย ถ้าตาคุณหายดีแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีสาว ๆ มาตามติดอีกสักกี่คน ถ้าตอนนั้นคุณไม่สนใจฉันแล้วล่ะ?”
โจวจินหนานเงยหน้าขึ้นทันที “ไม่หรอก ไม่มีใครดีไปกว่าคุณ”
สวี่ชิงที่ตาเป็นประกายหัวเราะออกมา เธอเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของโจวจินหนาน แล้วเอานิ้วแตะริมฝีปากของเขา “ตอนนี้คุณพูดดี ๆ เป็นแล้ว และฉันชอบที่จะได้ยินมาก”
พูดจบเธอก็ก้มหน้าจูบปากเขา
โจวจินหนานกดท้ายทอยของเธอ แล้วจูบอย่างดูดดื่มกว่าเดิม
ลานบ้านเงียบสงบ มีลมพัดผ่านใบไม้เป็นระยะ ทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบ และยังมีเสียงบางอย่างที่อธิบายไม่ได้
ไป๋หลางยังคงนอนอยู่ใกล้สมบัติของมัน มันแลบลิ้นหอบออกมาขณะมองดูคนที่กำลังทับกันอยู่บนเก้าอี้หวาย และรู้สึกว่าเจ้านายกำลังจะกินนายหญิง
มันต้องลุกไปช่วยชีวิตนายหญิงหรือไม่?
สุดท้ายมันก็ทำได้แค่มองเจ้านายอุ้มนายหญิงเข้าไปในบ้าน
ไป๋หลางลุกขึ้นและเดินหมุนเป็นวงกลม เมื่อมันได้ยินเสียงนายหญิงร้องครวญครางอีกครั้ง
ช่างเถอะ ไว้มันค่อยรอพิทักษ์นายน้อยก็แล้วกัน
สวี่ชิงนอนหลับไปอีกครั้งจนถึงเย็น เธอตื่นขึ้นด้วยความโมโหและตีโจวจินหนานสองสามที “คู่สามีภรรยาที่ไหนจะทำกันทั้งวันทั้งคืนแบบนี้? โจวจินหนาน ตอนนี้คุณทำบ่อยเกินไปแล้วนะ”
ใบหน้าของโจวจินหนานเปี่ยมไปด้วยความสุขและความสบายใจหลังจากสุขสม เขาปล่อยให้สวี่ชิงตีเขา “ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่มีใครมาที่บ้านซะหน่อย”
สวี่ชิงจ้องเขม็ง “ปัญหาอยู่ที่ว่ามีหรือไม่มีคนมาบ้านเหรอ? คุณต้องรู้จักควบคุมตัวเองบ้าง”
โจวจินหนานยกยิ้ม “แต่คุณบอกผมว่าอย่าหยุด”
สวี่ชิงกรีดร้องและเตะโจวจินหนาน “คุณเงียบไปเลย! ไม่ต้องคุยกับฉันจนกว่าจะถึงมื้อเย็น”
พูดจบเธอก็ลุกออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ สวมเสื้อผ้าและรองเท้า ล้างหน้าและเตรียมทำอาหารเย็น
เธอคิดในใจว่าคงจะดีถ้าร้านเปิด ถ้าอยู่บ้านกันสองต่อสองก็คงไม่มีอะไรทำ และก็จะทำแบบนี้กันอีกทั้งวัน
และโจวจินหนานก็ไม่ใช่พวกคร่ำครึไร้น้ำยาเสียด้วย
สำหรับอาหารค่ำ สวี่ชิงทำแป้งทอดต้นหอมผสมขึ้นฉ่ายและข้าวต้ม
เธอยังต้มไข่สองฟองให้โจวจินหนานด้วย เพื่อชดเชยพลังงานที่เขาเสียไปเยอะ
ขณะที่ทั้งสองกำลังรับประทานอาหารอยู่ ฉินเสวี่ยเหมยก็เดินมาพร้อมกับรองเท้าในมือ และพูดว่า “พวกเธอเพิ่งกินมื้อเย็นกันเหรอ”
ใบหน้าของสวี่ชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง “อืม กินมื้อเที่ยงไปเยอะฉันเลยไม่หิว เลยทำอาหารเย็นช้าหน่อย มากินด้วยกันไหม?”
ฉินเสวี่ยเหมยส่ายหัว “ฉันกินแล้ว แต่กินไม่ค่อยเยอะ พ่อแม่ของฉันไปที่บ้านป้าเพื่อจับคู่ให้ฉันอีกแล้ว ฉันเพิ่งจะกลับมาเลย”
สวี่ชิงอยากรู้อยากเห็น “คราวนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินเสวี่ยเหมยถอนหายใจ “คราวนี้เขาเป็นช่างในโรงงานเคมี พ่อแม่ของฉันคิดว่าฉันแก่เกินไปแล้ว และจะไม่มีใครต้องการฉันถ้าฉันไม่ยอมแต่งงานตอนนี้”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว “เธออายุแค่ยี่สิบปี ยังเด็กอยู่เลย นัดบอดทั้งทีก็ควรจะศึกษาดูใจกันก่อน”
การแต่งงานกับคนที่นัดบอดนั้น จะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา
ฉินเสวี่ยเหมยพยักหน้า “ฉันกลัวว่ามันจะไม่ได้ผลน่ะสิ พ่อแม่ของฉันบอกว่าผู้ชายคนนี้มีแม่ที่เป็นอัมพาต และน้องที่ยังเด็กอีกสามคน ส่วนพ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว ครอบครัวนี้ลำบากมากจริง ๆ คนที่จะแต่งเข้าไปคงต้องมีจิตวิญญาณของการอุทิศตน “พ่อแม่ของเธอล่ะว่าอย่างไร?”
“แม่ของฉันบอกว่า ถ้าอีกฝ่ายสามารถจัดงานแต่งแบบเป็นทางการให้ฉันได้ ก็ตกลงที่จะแต่งงาน” ฉินเสวี่ยเหมยเงียบไปครู่หนึ่ง “แม่ของฉันคิดว่าสักวันหนึ่งน้องสามคนของเขาจะต้องมีครอบครัว และแม่ที่เป็นอัมพาตของเขาก็จะต้องจากไปในสักวันหนึ่ง ดังนั้นถ้าฉันยอมทนทุกข์สักสองสามปี ในอนาคตชีวิตก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน”
สวี่ชิงไม่เข้าใจความคิดของแม่ฉินเสวี่ยเหมย ใครกันจะหยั่งรู้เรื่องอนาคตได้?
จู่ ๆ เธอก็นึกถึงผางเจิ้งหัว ผางเจิ้งหัวยังไม่แต่งงานและไม่มีเป้าหมาย เขาเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาลูกสามคนในบ้าน ซึ่งคนโตสองคนแต่งงานแล้วและแยกไปอยู่ที่อื่น
พ่อแม่ของผางเจิ้งหัวมีสุขภาพแข็งแรง และยังทำงานในฟาร์มได้ดี
ครอบครัวของผางเจิ้งหัวยังมีทะเบียนบ้านในชนบทด้วย และครอบครัวของฉินเสวี่ยเหมยจะไม่ดูถูกเรื่องนี้แน่นอน
แล้วเธอก็พูดว่า “ผางเจิ้งหัวที่ทำธุรกิจเปิดร้านร่วมกับฉันเป็นคนดี หน้าตาดีและทำงานเก่งนะ”
ฉินเสวี่ยเหมยเคยเจอผางเจิ้งหัวจึงรู้ว่าเขาหน้าตาดีจริง แต่ครอบครัวของเขามาจากหมู่บ้านชนบทแถบชานเมือง “แม่ของฉันคงไม่ชอบแน่ ถ้าฉันเลือกผู้ชายจากชนบท ขาของฉันได้หักแน่”
สวี่ชิงค้านความคิดของฉินเสวี่ยเหมยเป็นครั้งแรก “ข้าวที่ต้องซื้อไม่ได้หาง่าย ๆ แต่ตอนนี้ชีวิตในชนบทกำลังไปได้สวย และในอนาคต ร้านอาหารจานด่วนของเราจะทำเงินได้ดีแน่ เธอเพิ่งบอกว่าการแต่งงานทำให้ชีวิตดีได้ไม่ใช่เหรอ? ชีวิตที่ดีต้องมีอะไร? เงินไงล่ะ ถึงตอนนั้นผางเจิ้งหัวจะหาเงินได้มากกว่าคนงานในโรงงานอีก เธอคิดว่าแม่ของเธอจะมีความสุขไหม?”
ฉินเสวี่ยเหมยครุ่นคิด แล้วถอนหายใจ “เธอไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ของฉันหัวแข็งแค่ไหน ช่างเถอะ ก้าวไปทีละก้าว ฉันไม่อยากแต่งงานซะอย่าง พวกเขาก็ไม่สามารถบังคับฉันได้”
สวี่ชิงไม่ได้พูดอะไรมาก ถ้าฉินเสวี่ยเหมยกับผางเจิ้งหัวมีความสัมพันธ์กันจริง ๆ ในอนาคตก็จะมีโอกาสได้คบกันมากขึ้น จากนั้นก็เห็นว่ารองเท้าในมือของฉินเสวี่ยเหมยดูน่าสนใจมาก “เธอทำรองเท้าให้ใครเหรอ?”
ฉินเสวี่ยเหมยยกยิ้ม “ทำให้พ่อของฉัน ฉันว่างเลยคิดจะทำรองเท้าสักสองสามคู่ จะได้มีรองเท้าใส่ทุกเมื่อที่ต้องการ”
สวี่ชิงหันไปมองโจวจินหนานที่กินอาหารเงียบ ๆ แล้วลุกไปล้างมือ “มาดูของฉันสิ ฉันก็ทำรองเท้าสองคู่ให้โจวจินหนานเหมือนกัน”
เธอเกือบลืมไปแล้วว่าเคยมีทักษะเหล่านี้จริง ๆ
ฉินเสวี่ยเหมยรับรองเท้าข้างหนึ่งมาจากสวี่ชิง “พื้นรองเท้าที่เธอทำดีกว่าของฉันมาก แรงมือของฉันไม่เท่ากัน บางทีก็แน่น บางทีก็หลวม มันดูไม่สวยเลย”
สวี่ชิงมองดู “ใช้ได้แล้ว เอารองเท้ามาให้ฉันดูหน่อย”
ฉินเสวี่ยเหมยพยักหน้า “อืม ได้เลย ว่าแต่วันนี้เธอไปงานเลี้ยงหรือเปล่า?”
สวี่ชิงหัวเราะ “ไปสิ ไป๋หลางสุดยอดมาก มันจับคนร้ายที่ตำรวจกำลังตามหาอยู่ได้”
ฉินเสวี่ยเหมยประหลาดใจ “ทำไมไป๋หลางถึงแข็งแกร่งจัง?”
พูดจบก็หันไปมองไป๋หลาง แล้วรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ไป๋หลางในตอนนี้ดูน่าเกลียดมาก จนอยากจะหัวเราะทุกครั้งที่เห็นมัน
…………
เช้าวันรุ่งขึ้น ผางเจิ้งหัวมาหาสวี่ชิงและขนอุปกรณ์ทั้งหมดไปที่ร้าน
สวี่ชิงพาโจวจินหนานไปที่ร้าน และทำความสะอาดเพื่อให้พร้อมเปิดได้ภายในสองวัน
ระหว่างทาง สวี่ชิงบอกโจวจินหนานล่วงหน้าว่า “เนื้อสัตว์ที่ใช้ทำอาหารจานด่วนในร้านเป็นเนื้อหมูทั้งหมด เพราะหลายคนไม่คุ้นเคยกับการกินเนื้อวัวและเนื้อแกะ ถ้าคุณไม่ชินกับกลิ่น คุณไม่ต้องไปที่นั่นอีกก็ได้”
โจวจินหนานส่ายหัว “ไม่เป็นไร ผมแค่ไม่กินมัน”
สวี่ชิงจับมือเขา “เมื่อไหร่ที่ร้านอาหารจานด่วนของเราเปิด คุณเชิญเกาจ้านและคนอื่น ๆ มาร่วมฉลองกันเถอะ ดีไหมคะ?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หนานไปอัพสกิลตอนไหนเนี่ย จริงๆ แล้วพี่ก็ร้ายกาจใช่ย่อยเลยน้า ลูกดกหัวปีท้ายปีแน่
เรือเสวี่ยเหมยกับเจิ้งหัวก็น่าสนนะ
ไหหม่า(海馬)