เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 112 ถูกโจวจินหนานจับได้คาหนังคาเขา
บทที่ 112 ถูกโจวจินหนานจับได้คาหนังคาเขา
ซูฮุ่ยหรูมองหน้าโจวจินซวน “ลูกพูดจาเหลวไหลอะไร แม่รู้ว่างานของพี่ชายลูกมันอันตราย ในฐานะแม่ การที่แม่ไม่อยากให้เขาไปมันผิดมากเหรอ”
โจวจินซวนสวนกลับ “ตอนนั้นแม่ไม่เห็นพูดแบบนี้เลยนี่ครับ แม่บอกว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับพี่ ปู่จะไม่ยอมปล่อยไปแน่!”
เธอยังคงไม่คิดว่าตนเองทำผิด “แล้วยังไงล่ะ แม่ทำไปก็เพื่อพี่เขาทั้งนั้น
โจวจินซวนยิ้มถากถางพลางส่ายหน้า “แม่คิดแบบนั้นจริงเหรอครับ แม่รู้ว่าหัวหน้าหน่วยรบในตอนนั้นเป็นลูกน้องเก่าของคุณปู่ แล้วก็รู้ว่าเขาเกลียดการใช้เส้นสายมากที่สุด ทั้งยังไม่ชอบทหารยศสูงที่คิดจะใช้เส้นสาย ยิ่งแม่พูดแบบนั้นเขาก็ต้องส่งพี่ไปที่ไหนก็ได้ที่อันตรายอยู่แล้ว!”
ซูฮุ่ยหรูชะงัก หล่อนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สายตาจ้องมองลูกชาย “ลูก… เหลวไหลทั้งเพ”
โจวจินซวนหัวเราะพร้อมรอยยิ้มขมขื่น “ตอนแรกผมคิดว่าแม่ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วว่าที่จริงแม่อยากส่งพี่ไปตาย แม่คิดจะให้ผมแต่งงาน ตอนนี้ก็สมหวังแล้วไงครับ ต่อไปก็ขอให้พวกท่านมีความสุขแล้วกัน!”
ว่าจบเขาก็หันหลังจากไปโดยไม่เหลียวมอง
ซูฮุ่ยหรูพลันทรุดลงนั่งบนโซฟา ครั้งนี้โจวจินซวนเข้าใจหล่อนผิดจริงๆ หล่อนไม่ได้อยากให้โจวจินหนานไปตายแม้แต่น้อย
สวี่หรูเยว่ยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา นี่เป็นงานแต่งงานของหล่อนแท้ๆ!
……
สวี่ชิงเดินตามเกาจ้านและโจวจินหนานเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อแวะกินข้าว
เกาจ้านเล่าเรื่องที่โจวจินหนานให้คนไปตามสืบเรื่องซูกวงซงให้เธอฟังโดยละเอียด และพบว่าซูกวงซงทำเรื่องชั่วมากมาย ทำให้เกิดการแก้แค้นต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้
เอ่ยจบเขาก็หัวเราะ “คุณนึกไม่ถึงใช่ไหมครับ จะบอกให้นะว่าโจวจินหนานน่ะร้ายมาก เขาไม่ใช่คนดีหรอกครับ คนที่พยายามทำร้ายเขาสุดท้ายตายไม่ดีสักคน”
สวี่ชิงยักไหล่ “ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ ฉันว่าดีออก ไม่เหมือนฉันที่ตอนนั้นยังแอบสงสารซูกวงซงอยู่เลยค่ะ”
ทำเอาเรื่องที่เธอเล่นงานฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
เกาจ้านส่ายหน้า “คุณเป็นคนแรกที่ชมเขาเลยนะครับ เดี๋ยวต่อไปคุณจะได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ใจแคบขนาดไหน ไม่มากไปกว่ารูเข็มหรอกครับ”
ทันใดนั้นโจวจินหนานก็ปาแป้งทอดลงชามข้าวของเกาจ้านอย่างแม่นยำ “กินสิ พูดมากอยู่ได้”
เขาไม่ถือสา “ฉันไม่เล่าให้น้องสะใภ้ฟังต่อก็ได้ ไม่อยากถูกนายรังแกน่ะ”
โจวจินหนานส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ “นายห่วงตัวเองเถอะ วางแผนแต่งงานกับเจียงช่านช่านหรือยังล่ะ”
ทันทีที่พูดถึงเจียงช่านช่าน ยิ้มกว้างของเกาจ้านก็กลายเป็นยิ้มเจื่อน “นายพูดแทงใจดำฉันอย่างจังเลยนะ พี่สะใภ้เจียงกับช่านช่านยังอยู่ที่เมืองหลวง ได้ยินว่าพี่สะใภ้เตรียมการเอาไว้แล้ว แล้วก็ให้เจียงช่านช่านไปที่โรงพยาบาลแล้วด้วย”
จุดประสงค์ช่างชัดเจน หลังเขากับโจวจินหนานกลับไป พวกเขาจะได้ดองเป็นครอบครัวเดียวกัน
บางทีอาจต้องย้ายไปหน่วยอื่น!
สวี่ชิงไม่ได้ยินชื่อสองแม่ลูกมาหลายวัน เธอคิดว่าพวกหล่อนจะถอดใจไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังไม่ยอมแพ้ เธอจึงเอ่ยแนะเกาจ้าน “ทำไมไม่บอกหล่อนไปตรงๆ ล่ะคะ”
เขาหัวเราะ “พวกหล่อนก็จะแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจไงครับ อ้างแต่เรื่องบุญคุณที่ช่วยชีวิต! ถ้ารู้แบบนี้ผมตายดีกว่า”
โจวจินหนานยังคงเอ่ยวาจาร้ายกาจ “แต่ก็ไม่ตายนี่ เลยต้องมาหาทางออกเรื่องนี้ไง”
เกาจ้านถอนหายใจ “นายไม่โดนอย่างฉันก็พูดได้สิ ฉันไม่พยายามหาทางแก้ไขตรงไหน เอาละ ไหนบอกมาสิ ถ้าเป็นนายจะทำยังไง”
โจวจินหนานเลิกคิ้ว “ฉันไม่ต้องให้ใครมาช่วยหรอก!”
เกาจ้านตัดบท “เอาเถอะ คุยกับนายไปก็หงุดหงิด ฉันไม่สนใจแล้ว พวกเธอจะก่อเรื่องอะไรก็ตามสบายเลย ใช่ว่าจะจับฉันมัดให้แต่งงานด้วยได้นี่”
สวี่ชิงส่ายหน้า “จับมัดให้แต่งงานด้วยไม่ได้ แต่ก็ใช้เรื่องบุญคุณพาตัวคุณมาได้นะคะ”
เขาถอนหายใจ “ไว้ค่อยว่ากันแล้วกันครับ ต่อให้ผมไม่คิดแต่งงานกับคนอื่นตลอดชีวิต ก็ไม่มีทางลงเอยกับเจียงช่านช่านแน่”
เกาจ้านนึกกลัดกลุ้มและเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกับโจวจินหนานอย่างอารมณ์ดี ทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่าเกาจ้านเป็นคนจิตใจเข้มแข็งและไม่หวั่นไหวกับเรื่องวุ่นวายโดยง่าย
เกาจ้านไปส่งสวี่ชิงกับโจวจินหนานหลังทานข้าวเสร็จ
สวี่ชิงวางแผนจะเปิดร้านอาหารจานด่วนในอีกสองวันข้างหน้า เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอให้โจวจินหนานนอนพัก ในขณะที่ตนเองง่วนกับการซื้อตะเกียบและจานชามสำหรับใส่อาหาร
จานเคลือบขนาดใหญ่พอดิบพอดีกับการใส่อาหาร
เธอซื้อจานชามมาอย่างละร้อยใบ นำตะกร้าเก่ามามัดเข้าด้วยกันและใส่จานชามไว้ด้านใน ก่อนใช้เชือกป่านยึดเอาไว้อย่างแน่นหนากับเบาะหลังจักรยาน
เธอค่อยๆ ขี่จักรยานกลับ พลางครุ่นคิดว่ายังขาดเหลืออะไร ไม่อย่างนั้นคงได้ออกมาซื้ออีกทีหลัง
พลันนึกได้ว่าต้องซื้อเทปเพลงยอดนิยม ที่ร้านต้องมีเครื่องเล่นเทปติดเอาไว้เปิดเพลงจึงจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้
จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนโผล่พรวดมาขวางระหว่างที่ครุ่นคิด ทำให้รีบหยุดรถและลงมาเพื่อไม่ให้ชนอีกฝ่าย
หลังเห็นว่าเป็นคนที่มาขวางคือหลูเว่ยตง เธอก็นิ่วหน้า “หลูเว่ยตง ทำอะไรของนาย มันอันตรายนะ!”
หลูเว่ยตงมองเธอทั้งตาแดงก่ำ พลันเอื้อมมือออกไปคว้าราวจับ “ใครมันรังแกเธอ ฉันจะหั่นมันเป็นชิ้นๆ!”
สวี่ชิงนึกไม่ถึงว่าเขาจะยังไม่กลับไป ดูท่าหลายวันที่ผ่านมาเขาจะสืบเรื่องของเธอ
“หลูเว่ยตง เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ฉันก็มีความสุขดี ฉันไม่อยากไปขุดคุ้ยเรื่องในอดีตแล้วละ” สวี่ชิงบอกด้วยท่าทางจริงจังพร้อมจ้องตาเขา
อาจเป็นเพราะได้มีชีวิตใหม่ หรือบางทีคงเพราะสบายใจที่ได้อยู่กับโจวจินหนาน
เธอลืมเรื่องโหดร้ายในคืนนั้นไปแล้วจริงๆ และไม่ได้นึกถึงมันมานานมากแล้ว
ดวงตาแดงของหลูเว่ยตงยังคงมองมายังสวี่ชิง เขารู้มาว่าเกิดเรื่องกับเธอจนต้องถอนหมั้น ก่อนจะมาแต่งงานกับชายตาบอดอย่างโจวจินหนาน
ทำเอาใจเขาแทบสลายเป็นเสี่ยง!
ช่วงหลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มจนเมามายอยู่ที่ที่พัก ยามสร่างเมาก็นึกเกลียดตนเองที่ไม่มาหาสวี่ชิงให้เร็วกว่านี้!
เหตุใดถึงได้หลงมั่นใจว่าจะรอเธออยู่ที่ปักกิ่งได้
หากเขามาเร็วกว่านี้ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
เมื่อคิดว่าเธอต้องอับอายแค่ไหน เขาก็แทบรอที่จะคว้ามีดกระหน่ำแทงคนที่ทำร้ายเธอเป็นพันแผลไม่ไหว!
เขารู้ว่าจนถึงตอนนี้ชายคนนั้นก็ยังลอยนวลอยู่ แต่เขาไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะแก้แค้นให้สวี่ชิงให้ได้!
“สวี่ชิง ฉันขอโทษนะ ฉันน่าจะกลับมาหาเธอให้เร็วกว่านี้ เธอเลยต้องยอมแต่งงานกับคนตาบอด!”
สวี่ชิงรู้สึกงุนงงกับเหตุกะทันหันเล็กน้อย เธอทนฟังคำว่าตาบอดไม่ได้ สีหน้าเย็นชาขึ้นมาในทันใด “หลูเว่ยตง ใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งคิดไปเองสิ! ฉันบอกว่าฉันเต็มใจจะแต่งงานกับโจวจินหนานไง ไม่มีใครบังคับทั้งนั้น”
เขาไม่เชื่อและยังคิดว่าตนเองถูก!
“ชิงชิง ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะตามล่าตัวมันมาล้างแค้นให้เธอให้ได้! หลังเอาคืนได้เธอก็หย่ากับโจวจินหนาน ฉันจะพาเธอไปปักกิ่งที่ไม่มีใครรู้จักเธอ มันจะเป็นโลกใหม่สำหรับเธอ”
“ฉันจะพาเธอไปจากที่นี่ จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!”
สวี่ชิงรู้สึกเหมือนเป็นบัณฑิตพบทหาร เธอพูดกับเขาไม่รู้เรื่อง ในจังหวะที่จะเปิดปากอธิบายก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกด้านหลัง
เมื่อหันไปมองก็เห็นโจวจินหนานกับไป๋หลางยืนอยู่เงียบๆ ไม่ห่างออกไป…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรื่องในตระกูลโจวก็ดำมืดไม่แพ้กันนะเนี่ย ใครว่าพี่หนานใจดี จริง ๆ พี่แกก็อำมหิตเหมือนกันนะ
เอาแล้ว จะเกิดศึกชิงนางกันไหม
ไหหม่า(海馬)