เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 106 ถึงอย่างไรก็สายไปก้าวหนึ่ง
บทที่ 106 ถึงอย่างไรก็สายไปก้าวหนึ่ง
ตอนนี้สวี่ชิงเชื่อคำพูดของโจวจินหนานขึ้นมาบ้างแล้ว หรือหลูเว่ยตงจะชอบเธอ เขาเลยจงใจพูดแบบนี้
ระหว่างที่หลูเว่ยตงพูดคุยและมองหน้าสวี่ชิง เขาก็ชำเลืองไปทางโจวจินหนานตลอด และเห็นชัดว่าอีกฝ่ายกำลังขุ่นเคืองใจ ก่อนหัวเราะกับตนเอง “เอาละ ฉันไม่แกล้งแล้ว ใครจะเอาเรื่องสมัยเด็กมาถือเป็นจริงจังล่ะ ถ้าเธอมีโอกาสไปปักกิ่งก็ไปหาฉันนะ แวะไปเยี่ยมปู่ฉัน แต่ท่านก็คงเอาแต่พูดถึงเรื่องนี้นั่นแหละ”
สวี่ชิงถอนหายใจโล่งอก “อยู่แล้ว ถ้าเราไปจะแวะไปเยี่ยมปู่หลูแน่นอน เขาสุขภาพแข็งแรงดีใช่ไหม”
“กระชุ่มกระชวยมากเลยละ ยังลุกไปวิ่งห้ากิโลทุกเช้า”
เธอพูดคุยกับหลูเว่ยตงครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้น “พวกคุณนั่งรอที่บ้านก่อน ฉันจะออกไปซื้ออาหารกลับมาทำ เอาไว้กินมื้อเที่ยง”
หลูเว่ยตงไม่เกรงใจ “ได้สิ ลองกินฝีมือเธอสักหน่อย”
สวี่ชิงเอ่ยกับโจวจินหนานก้อนก้าวออกไปซื้อวัตถุดิบพร้อมตะกร้า
เธอนึกเป็นกังวลในใจ เพราะไม่รู้ว่าโจวจินหนานกับหลูเว่ยตงจะพูดกันดีๆ ได้หรือไม่
เธอได้มีชีวิตใหม่ทั้งที จะอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้เชียวหรือ
ที่บ้าน โจวจินหนานกำลังนั่งนิ่งเงียบด้วยสีหน้าใจเย็น
หลูเว่ยตงจิบชาพลางมองหน้าโจวจินหนาน “ผมคิดมาตลอดว่าสวี่ชิงจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เลยรอหล่อนอยู่ที่ปักกิ่ง แต่อยากมาหาหน้าร้อนนี้เพื่อดูว่าทำไมหล่อนถึงไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพราะรอไม่ไหวอีกต่อไป แล้วผมก็อยากขอหล่อนแต่งงานด้วย”
โจวจินหนานว่าเสียงเรียบ “คุณสายเกินไปแล้วละครับ”
หลูเว่ยตงยิ้ม “ครับ สายเกินไปสำหรับผมแล้ว ผมถามเรื่องนี้เมื่อวาน คุณรู้จักหล่อนมาได้ไม่นานและเพิ่งจะแต่งงานกัน ถ้าผมมาเร็วกว่านี้…”
ไม่ทันอีกฝ่ายได้พูดจบโจวจินหนานก็เอ่ยขัด “ถึงมาก่อนหน้านี้ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ”
หลูเว่ยตงมองหน้าโจวจินหนานทีเล่นทีจริง “คุณชอบหล่อนเหรอครับ”
โจวจินหนานนิ่งเงียบ เขาจะชอบสวี่ชิงหรือไม่ ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้คนนอกรู้
หลูเว่ยตงยิ้ม “เรารู้จักกันมาห้าปี ถึงตอนนั้นจะยังเด็กแต่เราก็รักกัน ผมชอบและรอหล่อนมานานหลายปี”
โจวจินหนานชะงัก ไม่มีใครอยากถูกแย่งภรรยาไป น้ำเสียงเขาฉายเย็นชาขึ้น “เธอแต่งงานแล้วครับ”
ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะร่า “คนอย่างผม หลูเว่ยตงไม่ใช่คนชั่วร้ายที่จะไปทำลายครอบครัวคนอื่น แค่อยากบอกให้คุณดูแลหล่อนให้ดี ถ้าผมรู้ว่าหล่อนเสียใจขึ้นมา ผมจะมาแย่งหล่อนกลับไปอย่างแน่นอน”
เขาเป็นคนที่ควรแค้นใจที่สุด หากรู้แบบนี้เขาคงมาที่เมืองเอกประจำมณฑลตั้งนานแล้ว
สวี่ชิงมาซื้อเนื้อและเต้าหู้ก่อนเดินทางกลับ เมื่อเห็นโจวจินหนานกับหลูเว่ยตงพูดคุยกันถูกคอดีก็ยิ้มกว้าง “ตลาดวายแล้ว เลยไม่ทันซื้อซี่โครงแกะน่ะค่ะ แต่ซื้อเนื้อส่วนอื่นมา ว่าจะกลับมาย่างให้กินกัน”
หลูเว่ยตงยิ้ม “ดีเลย เมื่อกี้โจวจินหนานเพิ่งบอกว่าฝีมือเธออร่อย”
โจวจินหนานนึกเหน็บแนมในใจ คนอะไรช่างเสแสร้ง เขาไม่เคยพูดแบบนั้นแม้แต่น้อย
สวี่ชิงซื้อข้าวมาไม่กี่ชั่ง ก่อนเอาไปหุงและทำเต้าหู้ตุ๋นมะเขือม่วงเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นจึงหั่นเนื้อแกะเป็นชิ้นบาง ซอยหอมใหญ่ และเติมน้ำมันลงกระทะ
เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ เนื้อแกะและหอมใหญ่ก็ถูกนำลงย่าง ตามด้วยโรยผงขมิ้น พริก และเกลือ
ย่างไฟอยู่ไม่นานก็ยกขึ้นจากกระทะ หากทิ้งไว้นานเกินไปเนื้อจะแข็งเอาได้ การกินตอนยังนุ่มอยู่จึงอร่อยที่สุด
อาหารทั้งสองจานมากเพียงพอสำหรับสามคน
หลูเว่ยตงร่วมกินมื้อเที่ยงที่โต๊ะเล็กในลานบ้าน เขามองสวี่ชิงคีบอาหารให้โจวจินหนาน และเอ่ยขึ้นเสียงหวานเป็นระยะ “เนื้อแกะควรกินตอนยังร้อน ถ้าคุณลองกินแล้วชอบ ต่อไปฉันจะทำให้คุณกินบ่อยๆ ค่ะ”
อาหารในมือเขาไม่อร่อยขึ้นมาในทันใด
สวี่ชิงไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้ แต่เธออยู่แบบนี้กับโจวจินหนานมาสักพักแล้ว มันติดเป็นนิสัยของเธอที่อยากให้เขาได้กินของอร่อยๆ โดยไม่รู้ตัว
หลังกินเสร็จ หลูเว่ยตงรั้งอยู่ต่อไม่ถึงสิบนาทีก็รีบบอกลา
สวี่ชิงไปส่งเขาหน้าประตูรั้ว ท่าทางดูเสียดายอยู่บ้าง “เสวี่ยเหมยจะมาหาทุกบ่าย ถ้านายมาช่วงบ่ายคงได้เจอหล่อน”
เขายิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ฉันยังอยู่ที่นี่อีกสองวัน มาหาได้ตลอดอยู่แล้ว”
สวี่ชิงกล่าวลาและมองเขาเดินกลับไป
ก่อนเข้าบ้านไปปลอบใจพ่อถังน้ำส้มสายชูในบ้าน
หลูเว่ยตงไม่ได้กลับที่พัก แต่แวะไปหาฉินเสวี่ยเหมยแทน
เมื่อวานเขารู้แล้วว่าเธอทำงานอยู่ที่ไหน เขาไปเจอเพื่อนมาก่อนหน้านี้และถามเรื่องการแต่งงานของสวี่ชิง
ทุกคนบอกเพียงว่าสวี่ชิงแต่งงานแล้ว และยังมีท่าทางอึกอัก
ชวนให้เขายิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดา
จากอายุและประสบการณ์ของสวี่ชิงกับโจวจินหนาน พวกเขาดูมาจากคนละโลกกัน
แล้วจะมาลงเอยกันได้อย่างไร
ฉินเสวี่ยเหมยแปลกใจเมื่อได้ยินว่ามีคนมาหา พอหล่อนออกมาก็ได้พบหน้าหลูเว่ยตง จึงชี้มือมาทางเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หลูเว่ยตงเหรอ!”
เขายิ้ม “ฉันเอง แวะกลับมาเยี่ยมน่ะ”
หล่อนอุทาน “นายไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด แต่ดูเหมือนจะสูงขึ้นเยอะนะ”
พวกเขายืนคุยกันอยู่ข้างถนนไม่นาน เขาก็ถามเข้าเรื่อง “ทำไมสวี่ชิงถึงแต่งงานกะทันหันแบบนี้ล่ะ แต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าด้วยไม่ใช่เหรอ”
ฉินเสวี่ยเหมยยิ้มเจื่อน “กะทันหันเหรอ ไม่ใช่ว่าครอบครัวนัดดูตัวให้หรอกเหรอ พวกเขาถูกใจกันเลยแต่งงานกันน่ะ”
เขาเห็นว่าหล่อนหลบตาตนเอง จึงถามต่อ “สวี่ชิงถูกบังคับให้แต่งงานกับโจวจินหนานหรือเปล่า ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นวีรบุรุษ ที่หล่อนถูกบีบให้แต่งงานด้วยเพราะจะได้มีคนดูแลเขาหรือเปล่า”
ฉินเสวี่ยเหมยรีบยกมือบอกปัด “ไม่ใช่ๆ อย่าคาดเดาไปแบบนั้นสิ สวี่ชิงเองก็ชอบพี่ใหญ่โจว พี่ใหญ่โจวก็ดูแลสวี่ชิงเป็นอย่างดีเลยนะ”
หลูเว่ยตงยังไม่เชื่อ “ฉันไม่เชื่อหรอก เสวี่ยเหมย บอกความจริงฉันมา ฉันเป็นห่วงว่าสวี่ชิงจะเสียใจ ถึงยังไงเราก็โตมาด้วยกัน”
หล่อนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อย่าถามอีกเลยนะ ฉันว่าตอนนี้สวี่ชิงก็มีความสุขดี หล่อนไม่เสียใจหรอก พี่ใหญ่โจวก็ดูแลหล่อนเป็นอย่างดี”
หล่อนไม่เข้าใจว่าเขากลับมาได้ไม่นาน แต่กลับคิดว่าการแต่งงานของสวี่ชิงไม่มีความสุขได้อย่างไร
หลูเว่ยตงสบตาหล่อน “เอาละ ในเมื่อเธอไม่เล่าให้ฟัง ฉันก็จะตามสืบเอง ฉันจะหาความจริงให้ได้”
ฉินเสวี่ยเหมยพูดไม่ออก ทว่าอันที่จริงก็สืบเรื่องนี้ได้ไม่ยาก ใครได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาก็คงรู้กันหมด
แล้วจะเจอตัวคนร้ายได้อย่างไร ขนาดตำรวจยังจับกุมไม่ได้ แล้วหลูเว่ยตงจะหาตัวคนชั่วที่รังแกสวี่ชิงได้หรือ
อีกทั้งต่อให้หาตัวเจอ จะไม่เป็นการตอกย้ำซ้ำเติมแผลเก่าของสวี่ชิงหรอกหรือ
“อืม ฉันยังอยู่ในเวลางาน ไว้เล่าให้ฟังตอนเลิกงานแล้วกันนะ”
หลูเว่ยตงไม่รบกวนต่อไป “ได้สิ เธอไปทำงานต่อเถอะ ฉันจะไปสืบถามจากใครบางคนเอง”
ฉินเสวี่ยเหมยไม่รู้จะพูดอย่างไร หล่อนรีบโบกมือลาเขา “ก็ได้ งั้นฉันขอตัวก่อน แต่ฉันจะบอกนายให้ว่าตอนนี้สวี่ชิงมีความสุขดีแล้ว นายไม่จำเป็นต้องไปขุดคุ้ยหรอกนะ”
ยิ่งหล่อนบอกเขาก็ยิ่งแคลงใจ และยิ่งมั่นใจว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสวี่ชิง
สวี่ชิงคงนึกไม่ถึงว่าหลูเว่ยตงจะมุ่งมั่นขนาดนี้ เธอพาโจวจินหนานไปหาเฟิงซูฮวาในช่วงบ่าย
เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เห็นเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ลามไปถึงในบ้าน…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่หนานมีคู่แข่งแล้วนะคะ อย่าปล่อยให้ชิงชิงหลุดมือไปได้เชียว หลุดเมื่อไหร่โดนแย่งแน่
เฮือก เกิดอะไรที่บ้านคุณย่าเฟิง มีใครบุกมาทำร้ายหรือเปล่า?
ไหหม่า(海馬)