เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 105 เติมเชื้อไฟให้โจวจินหนาน
บทที่ 105 เติมเชื้อไฟให้โจวจินหนาน
กว่าสวี่ชิงจะลืมตาตื่น ฟ้าด้านนอกก็มืดค่ำ เมื่อคลำข้างตัวก็พบว่าโจวจินหนานไม่อยู่แล้ว
ยามขยับตัวก็เมื่อยล้าเสียยิ่งกว่าตอนเกี่ยวข้าวสาลีในนาทั้งวันเมื่อครั้งยังเด็ก
เมื่อหันไปก็เห็นโจวจินหนานนั่งอยู่ตรงหัวเตียง มือของเขาแกะสลักอะไรบางอย่างไปพลาง
สวี่ชิงจึงยกขาเตะโจวจินหนาน “คุณจะเกินไปแล้วนะ กลางวันแสกๆ แท้ๆ!”
แล้วก็นึกถึงก่อนหน้านี้ว่าเขาเก้อเขินกับการกอดกับเธอกลางวันแสกๆ เพียงใด ตอนนี้กลับพัฒนาฝีมือ กล้ารังแกเธอด้วยการกดลงกับเตียงตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดิน
โจวจินหนานวางของในมือลง ก่อนเอื้อมมือจับข้อเท้าเธอไว้ “ผมเช็ดตัวให้คุณแล้วนะครับ”
สวี่ชิงหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ อดจินตนาการภาพโจวจินหนานเขินอายตอนรินน้ำมาเช็ดตัวให้ตนไม่ได้ “ใครบอกให้คุณทำกัน โจวจินหนาน คุณนี่ชักหน้าหนาขึ้นทุกทีแล้วนะ”
โจวจินหนานจับข้อเท้าของสวี่ชิงที่เรียวเล็กจนเหมือนจะแตกหักได้โดยง่ายไว้ เอ่ยพึมพำขึ้น “ก็คุณคือภรรยาของผมนี่”
สวี่ชิงอารมณ์ดี เธอถอนเท้า ก่อนลุกขึ้นนั่งและกอดเขาเอาไว้ “ไหนดูสิ เมื่อเที่ยงคุณกินน้ำผึ้งมาหรือไงคะ?”
โจวจินหนานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “หลูเว่ยตงคนนั้นชอบคุณ!”
น้ำเสียงดูมั่นอกมั่นใจมากทีเดียว
สวี่ชิงมีท่าทางแปลกใจ ทำไมเธอถึงไม่รู้ตัวว่าหลูเว่ยตงชอบตนเองกัน
ในชีวิตชาติก่อน แม้หลูเว่ยตงจะไม่ได้แต่งงาน แต่เขาก็ไม่เคยเลิกรากับแฟนสาวที่เป็นผู้หญิงสาวและสวย นักศึกษาบางคนยังบอกกันว่าเป็นดาวมหาวิทยาลัย
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระสิคะ ที่ปักกิ่งมีผู้หญิงสวยตั้งเยอะ หลูเว่ยตงจะมาชอบฉันได้ยังไง”
โจวจินหนานเม้มปาก “เขาชอบคุณครับ”
สวี่ชิงนึกแคลงใจในความดื้อดึงของเขา เธอเอื้อมมือไปเปิดไฟ ก่อนมองหน้าเขาภายใต้แสงไฟ สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดราวกับกำลังพูดเรื่องจริงจังมากกับเธอ
ซึ่งนี่ออกจะน่าแปลกใจอยู่บ้าง “ทำไมคุณถึงคิดว่าเขาชอบฉันล่ะคะ”
หากโจวจินหนานมองเห็น และได้สบตาหรือเห็นหน้าหลูเว่ยตง มันคงจะน่าเชื่อขึ้น
ทว่าโจวจินหนานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นอย่างไร เพียงพูดคุยกันไม่กี่คำที่สถานีรถไฟ เขาจะรู้สึกได้อย่างไร
โจวจินหนานนิ่วหน้า “สายตาที่เขามองผมไม่เป็นมิตรเลย จ้องมาไม่ต่ำกว่าสามวินาทีด้วยครับ”
สวี่ชิง “…”
คุณสัมผัสได้ด้วยหรืออย่างไร
สามวินาทีเป็นเพียงเวลาที่ใช้มองก่อนละสายตาไปตามปกติ มันจะหมายความว่าอะไรได้
เธอยกยิ้มพลางโอบกอดเขา “ฉันว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ถ้าเขาชอบฉันจริง ทำไมไม่ติดต่อฉันมาเลยล่ะ อีกอย่างตอนเขาไปจากที่นี่ก็ยังเด็กอยู่ จะไปชอบอะไรได้คะ”
เมื่อครุ่นคิดจบก็กล่าวปลอบโจวจินหนาน “ต่อให้เขาชอบฉัน ฉันก็ไม่ชอบเขากลับหรอกค่ะ และฉันก็ไม่คิดว่าต้องรักษาระยะห่างกับเขาด้วย อีกไม่กี่วันเขาก็จะกลับปักกิ่งแล้ว จะได้เจออีกครั้งหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกค่ะ”
โจวจินหนานได้รับคำปลอบใจจากสวี่ชิง ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาก
เธอพลันมองหน้าจับผิดเขา “โจวจินหนาน คุณหึงใช่ไหม เมื่อเที่ยงถึงได้ซึมแบบนั้น”
โจวจินหนานนิ่งเงียบเป็นการยอมรับ
สวี่ชิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จึงเอื้อมมือตบบ่าเขา “ทำไมคุณถึงได้งี่เง่าแบบนี้นะ หึงกันแล้วทำไมต้องมาปล้ำฉันด้วย คุณทำฉันร่างแทบพังเป็นเสี่ยงเลยนะ!”
ความพึงพอใจพิกลผุดขึ้นในใจ
ในช่วงค่ำ สวี่ชิงก็ฝึกฝังเข็มกับโจวจินหนาน เธอปักเข็มอย่างไม่ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ฝังเข็มเต็มแขนแล้วยังฝังเข็มตามขาและเท้าของเขาด้วย
สวี่ชิงไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนของตนหรือไม่ แต่เธอรู้สึกว่าตนเองสามารถฝังเข็มได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังคิดว่าอีกไม่นานคงฝึกฝนสำเร็จ
“ฉันฝังเข็มแล้วนะคะ คุณรู้สึกอุ่นไปทั้งร่างหรือเปล่า”
โจวจินหนานโกหกไม่ลง แต่เขาก็บอกความจริงไม่ได้เช่นกัน “ไม่ครับ ไม่รู้สึกอะไรเลย”
สวี่ชิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง คงไม่ใช่เพราะเธอไม่มีฝีมือแน่นอน แต่โจวจินหนานสุขภาพดีและมีพลังหยางมากเกินไปต่างหาก ถึงได้ไม่รู้สึกอะไรแบบนี้ เธอจะลองฝึกกับฉินเสวี่ยเหมยอีกครั้งแล้วกัน
วันรุ่งขึ้นสวี่ชิงไม่คิดออกนอกบ้าน เธอวาดรูปอยู่ที่โต๊ะเล็กใต้ต้นไม้ เพื่อดูว่าจะสร้างครัวที่ใช้งานได้ครบครันได้อย่างไร
เรื่องดีเพียงหนึ่งเดียวตอนนี้คือสามารถใช้ทั้งเตาฟืนและเตาแก๊สได้
ซึ่งการใช้เตาแก๊สมีต้นทุนสูงกว่า
สวี่ชิงจึงตัดสินใจใช้ทั้งสองอย่าง
มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มาก
โจวจินหนานนั่งเงียบๆ ด้านข้าง มือเขาถือมีดแกะสลักไม้ หลายวันผ่านไปก็มีร่องรอยมากมายปรากฏบนแท่งไม้ แต่ยังมองไม่ออกว่ามันคืออะไร
ทั้งสองนั่งทำธุระของตนเงียบๆ นับเป็นความสงบใจที่หาได้ยาก
และแล้วสวี่ชิงก็ต้องแปลกใจเมื่อหลูเว่ยตงมาหา
เธอคิดว่าต่อให้เมื่อวานบอกที่อยู่ไป หลูเว่ยตงก็อาจไม่ได้แวะมาหา
เพราะเรื่องที่โจวจินหนานพูดเมื่อวานเย็น สวี่ชิงจึงยังเกร็งเมื่อพบหน้าหลูเว่ยตงอยู่บ้าง ทว่ายังส่งรอยยิ้มให้ “รีบเข้ามาสิ ฉันกลัวว่านายจะหาไม่เจออยู่เลย”
หลูเว่ยตงยื่นผงนมมอลต์พร้อมลูกอมกระต่ายอีกสองถุงให้เธอ “หาง่ายอยู่ ฉันจำได้ว่าตอนเด็กเธอชอบลูกอมกระต่ายขาวมาก เลยซื้อมาฝากเธอ”
สวี่ชิงส่งยิ้มหน้าแข็งค้างเพราะกลัวว่าโจวจินหนานจะคิดมาก “โธ่ ตอนเด็กฉันมีอะไรกินที่ไหน ที่ปู่หลูให้ลูกอมกระต่ายขาวมาเป็นครั้งแรกที่ฉันเคยกินลูกอมเลย”
เธอตะโกนบอกโจวจินหนาน “หลูเว่ยตงมาเยี่ยมเราน่ะ”
โจวจินหนานลุกขึ้นและพยักหน้าให้อีกฝ่ายขณะกล่าวทักทาย “สวัสดีครับ”
สวี่ชิงเชิญให้หลูเว่ยตงนั่ง ก่อนรีบเข้าครัวไปยกชามาให้
หลูเว่ยตงนั่งลงบนเก้าอี้ที่สวี่ชิงนั่งก่อนหน้านี้ เขามองกระดาษที่วางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะเล็ก พร้อมรูปวาดแปลกตาและตัวอักษรบรรจงหนักแน่น
สวี่ชิงถือถ้วยชาออกมาและวางไว้ตรงหน้าหลูเว่ยตง เธอรีบเก็บกวาดโต๊ะ “รูปวาดเรื่อยเปื่อยทั้งนั้น นายดื่มชาก่อน เดี๋ยวฉันเก็บทำความสะอาด”
หลูเว่ยตงยิ้ม “ลายมือเธอสวยขึ้นเยอะเลยนะ ไปฝึกมาเหรอ”
เธอรับคำไปลวกๆ และเก็บของวางไว้ข้างตัว
เขาถอนหายใจ “ตอนยังเด็กปู่ชมตลอดเลยว่าเธอเรียนเก่ง ตอนนั้นเธอเองก็มุ่งมั่น บอกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งให้ได้”
สองปีที่แล้วเขาค้นหาชื่อนักศึกษาปีหนึ่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่ก็ไม่พบชื่อสวี่ชิง
ไม่มีแม้แต่นามสกุลของเธอ
สวี่ชิงยิ้ม “ฉันทำงานหลังจบมัธยมปลายน่ะ แล้วฉันเองก็ไม่มีคุณสมบัติหรอก ต่อให้มหาวิทยาลัยเปิดรับก็สอบเข้าไม่ได้”
หากต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก จำเป็นต้องมีคุณสมบัติบางอย่างตรงตามเกณฑ์
หลูเว่ยตงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “นึกไม่ถึงเรื่องนี้เลย น่าเสียดายแทนเธอ”
สวี่ชิงยิ้ม “ไม่น่าเสียดายหรอก ตอนนี้ฉันก็สบายดี ถ้าไปเรียนคงไม่ได้เจอสามี”
เพราะกลัวว่าโจวจินหนานจะคิดมาก เธอจึงพยายามพูดเอาใจเขาเต็มที่
หลูเว่ยตงเหลือบมองชายอีกคน และเหมือนจงใจเอ่ย “ฉันจำได้ว่าตอนเด็กเธอชอบคนมีความรู้นี่ ปู่ฉันบอกว่าโตแล้วให้แต่งงานกับฉัน แล้วเธอเองก็ตอบตกลงด้วย!”
สวี่ชิงตกตะลึง หลูเว่ยตงคิดจะทำอะไรกัน
เธอยิ้มเจื่อน “ตอนนั้นฉันยังเด็กน่ะ พูดไปไร้สาระตามประสาแหละ”
ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าตอนนี้ขวดน้ำส้มสายชู*ของโจวจินหนานล้มหกเรี่ยราดแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………..
*น้ำส้มสายชู = ความหึงหวง
สารจากผู้แปล
พี่หนานหึงโหดนะ ชิงชิงช้ำหมดแล้วพี่
ที่พี่รู้ว่าหลูเว่ยตงชอบชิงชิงคงเป็นสัญชาตญาณล่ะมั้งคะ ผู้ชายด้วยกันมันรู้สึกได้
ไหหม่า(海馬)