เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 102 อยู่ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน
บทที่ 102 อยู่ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน
สวี่ชิงได้ยินโจวจินหนานบอกว่าเจ้าไป๋หลางถูกโกนขนเพราะกลัวจะติดเชื้อแบคทีเรีย
นึกไม่ถึงว่าจะถูกโกนขนจนเกลี้ยง เผยให้เห็นผิวโล้นสีดำ ทั้งยังมีคอลลาร์สวมอยู่รอบคอเพื่อป้องกันไม่ให้มันหันมาเลียตัวเอง
อย่างนี้จะยังเหลือความน่าเกรงขามได้อย่างไร ตอนนี้มันดูตลกไม่น้อย
สวี่ชิงกลัวว่าเสียงหัวเราะตนเองจะทำให้มันหงอย เธอจึงพยายามกลั้นขำ
เกาจ้านชำเลืองมองเธอ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้สภาพของมันดูไม่จืด
สวี่ชิงตะโกนพร้อมรอยยิ้ม “ไป๋หลาง ดูนี่ เราเอาซาลาเปาเนื้อมาให้ด้วย”
เพราะกลัวว่ามันจะไม่กิน เธอจึงยัดซาลาเปาใส่มือโจวจินหนาน
ไป๋หลางเหลือบมองสวี่ชิง ก่อนหันหลังนอนหมอบยื่นก้นมาให้
เกาจ้านหัวเราะ “ท่าจะยังงอนอยู่นะ เจ้าไป๋หลางนี่ใจแข็งจริงๆ”
โจวจินหนานโยนซาลาเปาในมือให้พลางตะโกน “ไป๋หลาง กิน”
แม้ไป๋หลางจะไม่สบอารมณ์ แต่มันก็ยังลุกขึ้นมาคาบซาลาเปาเนื้อเอาไว้ในปาก ก่อนหันหลังและยื่นก้นมาทางสวี่ชิงอีกครั้ง
สวีหย่วนตง สัตว์แพทย์ที่ดูแลไป๋หลางอยู่ก้าวมาหาพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้ากลมของเขา “วันนี้อาการดีขึ้นแล้วนะครับ เมื่อสองวันก่อนยังนอนซมอยู่เลย ใครเรียกก็ไม่ตอบสนอง”
ว่าจบเขาก็ยกยิ้มและทักทาย “สวัสดีครับน้องสะใภ้”
สวี่ชิงเคยพบคนคนนี้ที่งานแต่งงาน เพียงแค่จำชื่อไม่ได้เท่านั้น เธอยกยิ้มสุภาพพลางถามไถ่อาการของเจ้าไป๋หลาง “แผลของไป๋หลางดีขึ้นไหมคะ เมื่อไหร่จะพามันกลับบ้านได้ แล้วอีกนานไหมคะกว่าขนมันจะยาว”
สวีหย่วนตงยิ้ม “แค่บาดเจ็บที่ผิวหนังครับ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร กว่าขนจะขึ้นน่าจะใช้เวลานาน คงจะช่วงหน้าหนาวพอดีครับ”
สวี่ชิงคิดว่าอีกหลายเดือนกว่าจะเข้าฤดูหนาว ดูท่าต้องใช้เวลานานน่าดู
ระหว่างนั้นเจ้าไป๋หลางจะไม่ซึมไปตลอดหรอกหรือ?
สวีหย่วนตงเหมือนรู้ใจเธอ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ เจ้าไป๋หลางใจร้อนรอแก้แค้นแล้ว คนที่ทำร้ายมันโชคร้ายแล้วละครับ”
หลังเห็นเจ้าไป๋หลางออกมา แม้สวี่ชิงจะคิดว่าสภาพของมันดูน่าขบขัน แต่เธอก็นึกโกรธ “คนที่ทำร้ายมันใจดำมาก พอเจ้าไป๋หลางหายดีแล้วก็สมควรได้แก้แค้นค่ะ”
เกาจ้านขำ “น้องสะใภ้ คุณนี่เกรี้ยวกราดจังนะครับ แต่ถ้าเจ้าไป๋หลางแก้แค้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลย มันต้องทำให้อีกฝ่ายยิ่งกว่าตายแน่”
สวี่ชิงคิดหวังบางอย่าง “ฉันหวังว่ามันจะหายดีโดยเร็วนะคะ”
ก่อนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “พี่ใหญ่เกา พาฉันไปบ้านคุณย่าหน่อยสิคะ เรามีเรื่องต้องทำน่ะค่ะ เดี๋ยวเราจะนั่งรสบัสกลับกันเอง”
เกาจ้านพยักหน้าและไปส่งทั้งสองที่ซอยฮวยซู่
สวี่ชิงและคนอื่นแวะไปหาเฟิงซูฮวา สวี่จื้ออิงกับเอ้อร์หยาไม่ได้อยู่ที่นั่น เฟิงซูฮวากำลังนั่งอยู่ใต้ระแนงซุ้มเถาองุ่นและถักเชือกป่านอยู่
สวี่ชิงจูงมือโจวจินหนานนั่งลง ก่อนเข้าไปกอดเฟิงซูฮวา “คุณย่า คิดถึงจังเลยค่ะ”
เฟิงซูฮวาหัวเราะ “หลานนี่นะ แต่งงานแล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่อีก ไม่กลัวถูกหัวเราะเยาะเลย แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลามาที่นี่ได้ล่ะ”
สวี่ชิงยิ้มพลางย่อตัวลงตรงหน้านาง “ฉันรู้ว่าอารองไม่อยู่ เลยมารับย่าไปอยู่ด้วยค่ะ”
นางส่ายหน้า “สองวันนี้ไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้ ผักในแปลงกำลังงอก ช่วงสองวันนี้เป็นเวลาสำคัญน่ะ”
เมื่อรู้ว่าเฟิงซูฮวาพูดถึงแมลงกู่ สวี่ชิงก็เคร่งเครียดขึ้นมา “มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ”
นางส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก จำที่ย่าบอกให้เรียนรู้และฝึกทุกวันเอาไว้ รอให้ฝีมือเท่าย่าเมื่อก่อน แล้วหลานจะต้องถูกทดสอบ”
สวี่ชิงนึกยินดี “ย่าคะ ตอนนี้ฉันมีหุ่นให้ฝึกแล้ว ถึงไม่ได้ฝึกกับตัวเองแต่ก็รู้สึกว่ามีฝีมือแล้วค่ะ”
เฟิงซูฮวารู้ว่าหุ่นให้ฝึกที่ว่าหมายถึงโจวจินหนานจึงหัวเราะขึ้น “อย่างนั้นหลานก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
ว่าจบนางก็ถามสวี่ชิง “หรูเยว่แต่งงานวันนี้ หลานรู้ใช่ไหม”
สวี่ชิงพยักหน้า “รู้ค่ะ”
เฟิงซูฮวาผงกศีรษะ “ย่าว่าคงไปไม่รอดหรอก เกรงว่ายัยเด็กหรูเยว่คงเจอเรื่องวุ่นวายในงานแต่งของตัวเอง”
สวี่ชิงงุนงงเล็กน้อย ฉินกุ้ยจือเคยพูดถากถางเรื่องที่สวี่หรูเยว่จะแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ของพวกเขา หรือจะเกิดเรื่องขึ้นวันนี้กัน?
เฟิงซูฮวาถอนหายใจ “ชีวิตแต่ละคนล้วนต่างกันไป จะดีหรือร้ายก็ต้องทนรับชะตากรรม”
สวี่ชิงเงียบและเล่นกับเชือกป่านของเฟิงซูฮวา
หญิงชราพูดเรื่องสวี่หรูเยว่จบก็หันมามองหน้าโจวจินหนาน “แล้วช่วงนี้ดวงตาของเธอมีการเปลี่ยนแปลงบ้างไหม”
โจวจินหนานส่ายหน้า “ไม่ครับ”
มีสวี่ชิงอยู่ข้างกาย เขาไม่รู้สึกเป็นกังวลลนลานเลยแม้แต่น้อย
เฟิงซูฮวาพยักหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวลไป ย่าว่าเดี๋ยวอาการดีขึ้นก็คงจะหายดีแน่ แต่ต่อให้ไม่เห็นอะไรก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”
โจวจินหนานไม่รีบร้อน “ต้องรบกวนคุณย่าแล้วครับ”
นางยกยิ้ม “รบกวนอะไรกัน แค่สองคนสบายดีกัน ย่าก็มีความสุขแล้ว”
สวี่ชิงนั่งคุยกับเฟิงซูฮวาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนแวะไปหาผางเจิ้งหัว
คราวนี้ผางเจิ้งหัวอยู่บ้าน กำลังเปลือยท่อนบนเลื่อยไม้อยู่ที่ลานบ้าน เมื่อเห็นสวี่ชิงมาหา เขาก็รีบวิ่งเข้าไปสวมเสื้อในบ้าน “เดี๋ยวผมมา”
สวี่ชิงยืนอยู่หน้าประตูโดยไม่ได้เข้าไปด้านใน “ฉันแค่จะมาบอกคุณว่าฉันพร้อมแล้ว งานจะเริ่มพรุ่งนี้เช้า คุณมาหาฉันแต่เช้าก็ได้ค่ะ ฉันอยู่ถนนตงซานหลี่ ตรงข้ามกับร้านตัดเสื้อ ร้านมีคำอวยพรติดอยู่ที่ประตูนะคะ”
ผางเจิ้งหัวไม่ได้ข่าวคราวจากสวี่ชิงมาสองวัน เขาจึงคิดว่าเกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้ได้ฟังคำสวี่ชิงบอกแล้วจึงรีบพยักหน้าให้ “ได้ ไว้ผมจะแวะไปหลังมื้อเช้าพรุ่งนี้”
สวี่ชิงโบกมือให้ “ค่ะ งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”
เขาพูดคุยกันห่างๆ ที่ประตูอย่างเปิดเผย โดยไม่กลัวว่าผู้คนจะเอาไปนินทา
หลังคุยกับผางเจิ้งหัวเสร็จ สวี่ชิงก็กลับมาเด็ดผักจากแปลงของคุณย่า และเลือกมะเขือม่วง มะเขือเทศ และพริก โดยให้โจวจินหนานถือตะกร้าเอาไว้
ทั้งสองคนไม่รีบร้อน ค่อยๆ เดินไปที่ป้ายรถโดยสารและขึ้นรถกลับบ้าน
ฉินเสวี่ยเหมยยืนอยู่หน้าประตูเมื่อมาถึงบ้าน และรีบดึงมาหาพอเห็นสวี่ชิง “เธอไปไหนมา ฉันมาหาตั้งสองครั้ง”
สวี่ชิงชี้ไปทางตะกร้าในมือโจวจินหนาน “ไปเก็บผักบ้านคุณย่ามาน่ะ เธอมีเรื่องอะไรเหรอ”
ฉินเสวี่ยเหมยมีท่าทางตื่นเต้น “ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่อะไรหรอก รีบเปิดประตูเข้า ไปคุยในบ้านกัน”
สวี่ชิงเปิดประตูให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โจวจินหนานก้าวเข้าบ้าน และเดินไปวางของในครัวได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนไปเปิดก๊อกน้ำล้างมือและกลับเข้ามาในห้อง
ทั้งหมดนี้ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเป็นการกระทำของคนที่มองไม่เห็น
ฉินเสวี่ยเหมยตกตะลึง “พี่ใหญ่โจวเก่งมาก คล่องแคล่วจังเลย”
สวี่ชิงพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ “อืม เขาจำทางได้ดีมาก แค่เคยเดินผ่านครั้งเดียวก็จำทางได้หมดแล้ว”
ฉินเสวี่ยเหมยอึ้ง “น่าทึ่งมาก”
พูดจบหล่อนก็ดึงตัวสวี่ชิงมากระซิบบอก “เมื่อเช้านี้ หลี่ต้าหยงส่งคนมารับเจ้าสาว แต่กลับเจอว่าสวี่หรูเยว่ฆ่าตัวตายในห้อง!”
สวี่ชิงตกตะลึง “ฆ่าตัวตายเหรอ”
อีกฝ่ายพยักหน้า “หล่อนยังไม่ตายหรอก รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เห็นว่าฟางหลานซินกับฉินกุ้ยจือทะเลาะกันด้วย”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
๕๕๕๕ สงสารไป๋หลางมากค่ะ นึกภาพตามแล้วมันก็ตลกจริงๆ
เอ้า นังหรูเยว่ชิงฆ่าตัวตายแล้วเหรอ แต่ไม่น่าตายง่ายๆ หรอก ต้องมีชีวิตอยู่รับกรรมต่ออีกนาน
ไหหม่า(海馬)