เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 100 ยากรับมือสามีภรรยาคู่นี้
บทที่ 100 ยากรับมือสามีภรรยาคู่นี้
เถ้าแก่ตลาดมืดยืนอยู่กลางแดด ผิวพรรณซีดเซียว ท่าทางเหมือนยังไม่ตื่นเต็มตา
สวี่ชิงจูงโจวจินหนานก้าวไปหา สายตาจ้องมองอีกฝ่ายพร้อมส่งยิ้ม “เถ้าแก่คะ ขอโทษที่เรามาสายนะคะ”
เขาลืมตาขึ้นมองเธอ ก่อนเลื่อนไปมองชายที่อยู่ด้านข้างซึ่งสวมผ้าปิดตาอยู่ เมื่อวานดึกมากแล้วจึงเห็นไม่ชัด รู้เพียงแต่ว่าเป็นคนตาบอด
เมื่อเห็นตอนนี้เขาก็ต้องสูดหายใจลึก แม้จะไม่ได้สบตากับอีกฝ่าย แต่รังสีที่แผ่ซ่านจากตัวทั้งที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่เล่นๆ แต่อย่างใด
หากเขาเข้าใจไม่ผิด อาชีพของชายคนนี้คงไม่ธรรมดา และอาจถึงขั้นฆ่าคนได้!
เขาพลันรู้สึกยำเกรงและเอ่ยกับสวี่ชิงอย่างสุภาพมากขึ้น “ไม่เป็นไร ผมมาเร็วเอง ผมหวงเหวินหลงครับ”
สวี่ชิงงุนงงที่อยู่ ๆ ท่าทีของหวงเหวินหลงก็เปลี่ยนไปเป็นสุภาพขึ้น เธอจึงทักทายอย่างมีมารยาทกลับไปเช่นกัน “ฉันสวี่ชิงค่ะ ส่วนนี่สามีฉันเอง ไปหาที่เงียบๆ คุยกันไหมคะ”
หวงเหวินหลงพยักหน้าพลางแตะกระเป๋าสีดำที่เหน็บไว้ใต้รักแร้ซ้าย “บ้านผมอยู่ตรงหน้านี่เอง ไปคุยกันที่นั่นไหมครับ”
สวี่ชิงหันไปมองหน้าโจวจินหนาน พร้อมบีบมือเขาเหมือนขอความเห็น
หากเป็นเธอคงไม่ยอมไปอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรหวงเหวินหลงก็ดูไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกเห็น เธอจึงไม่กล้าหลวมตัวเข้าไปในถิ่นของเขา
ทว่าเมื่อมีโจวจินหนานอยู่ด้วย เธอกลับไม่กลัวสิ่งใด เหมือนมีคนหนุนหลังอยู่
โจวจินหนานเข้าใจเธอ เขาพยักหน้าโดยไม่ลังเล “เอาสิครับ”
เมื่อเห็นเขาอารมณ์ดีและผ่อนคลายลง หวงเหวินหลงก็อดมองเขาอีกครั้งไม่ได้ ก่อนยกยิ้มบอก “อย่างนั้นก็ตามผมมาครับ”
หวงเหวินหลงหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งไม่ห่างออกไป เขาผลักประตูและกระแอมสองครั้ง แล้วจึงเชิญสวี่ชิงกับโจวจินหนานเข้าไป
บ้านนี้ขนาดพอๆ กับบ้านเธอและคนอื่น ต่างเพียงมีต้นไม้น้อยกว่าและมีศาลาสร้างเอาไว้เป็นร่มเงาเท่านั้น
ใต้ศาลามีโต๊ะแปดเซียนและม้านั่งสี่ตัววางอยู่
ถ้วยชาสองถ้วยยังวางอยู่พร้อมรอยน้ำบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งมีคนมาดื่มชาที่นี่
สวี่ชิงใช้นิ้วเขียนเลขสองบนฝ่ามือโจวจินหนาน ก่อนวาดคนอีกคน
ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่เธอหมายถึงหรือไม่
โจวจินหนานเขย่ามือเธอเป็นสัญญาณให้เธอสบายใจ
หวงเหวินหลงยิ้มและเชิญให้พวกเขานั่งลง “บ้านรกไปหน่อย นั่งอยู่ที่ลานบ้านสักครู่แล้วกันครับ”
สวี่ชิงไม่อ้อมค้อม เอ่ยเข้าประเด็นทันที “ฉันมีทองอยู่สามแท่ง ราวหกสิบกรัม กรัมละยี่สิบแปดหยวน ฉันต้องการเงินสดค่ะ คุณช่วยฉันได้ไหม”
หวงเหวินหลงชะงักไปชั่วขณะ เด็กสาวคนนี้ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนใช่ไหม ถึงได้พูดจาเถรตรงแบบนี้ ไม่กลัวคนอื่นจะเล่นสกปรกเลยหรือ
เมื่อเหลือบมองโจวจินหนานที่นั่งข้างเธอ ชวนให้นึกถึงตอนที่ลูกน้องเขากลับมาบอกว่าชายตาบอดคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
ในเมื่อสวี่ชิงกล้าพูดแบบนี้ หมายความว่าชายข้างกายต้องแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้
เมื่อครุ่นคิดดูจึงขานรับ “ได้สิ แต่ผมขอดูคุณภาพของทองก่อน”
โจวจินหนานพยักหน้าให้สวี่ชิง “เอาให้เขาดูสิครับ”
สวี่ชิงล้วงหยิบทองแท่งออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้หวงเหวินหลงดู
เขารับมาพินิจพิเคราะห์ดูพักหนึ่งก็ล้วงแว่นขยายออกมาส่องดูอย่างละเอียด เขาเคยเห็นทรัพย์สมบัติมามาก สามารถดูคุณภาพของทองออกจากเนื้อของมัน
หลังพิจารณาดูก็ส่งคืนให้สวี่ชิง “คุณภาพดีมาก ยี่สิบแปดก็ยี่สิบแปด เรามาตกลงกันตามนี้ คุณรอผมไปเอาตาชั่งมาก่อน”
หวงเหวินหลงเอ่ยพลางลุกขึ้นเดินเข้าบ้านไป ชายสองคนด้านในทนไม่ไหว เมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามาก็รีบถาม “พี่หลง จะลงมือเมื่อไหร่”
เขาเหลือบมองทั้งคู่ ก่อนเอื้อมมือไปตบหัวหนึ่งในพวกเขา “ขืนลงมือเราสามคนไม่กลายเป็นศัตรูของไอ้บอดนั่นเหรอ ดูท่าจะไม่ใช่คนธรรมดาด้วย”
“ยากตรงไหน ผมไม่เชื่อว่าเราจะลอบโจมตีไม่ได้หรอก”
หวงเหวินหลงเตะคนพูด “หุบปาก พวกแกไม่ต้องออกไปข้างนอก”
ว่าจบเขาก็หยิบตาชั่งที่ใช้ชั่งทองโดยเฉพาะเดินออกไป ก่อนนั่งลงพร้อมส่งยิ้ม “แม่หนู ไม่ต้องกังวลไป ตาชั่งผมเที่ยงตรง ไม่คิดโกงหรอก”
สวี่ชิงยิ้มบอก “ฉันรู้ว่าทองของฉันหนักเท่าไหร่ค่ะ ดูออกว่าคุณหลอกฉันหรือเปล่า”
เธอหยิบทองคำสามแท่งยื่นให้
หวงเหวินหลงดูตาชั่งอย่างละเอียด ทองแต่ละแท่งหนักยี่สิบเอ็ดกรัมได้
ใกล้เคียงกับที่สวี่ชิงคาดการณ์มา กรัมละยี่สิบแปดหยวน รวมสามแท่งได้เงินมาทั้งหมด 1,790 หยวน
สวี่ชิงนับเงินและตรวจสอบว่าเป็นเงินจริง ก่อนเก็บลงในกระเป๋าสะพาย และเอ่ยกับหวงเหวินหลง “ขอบคุณเถ้าแก่หวงนะคะ”
ระหว่างนั้นก็จูงมือโจวจินหนานให้ลุกขึ้น
หวงเหวินหลงลุกตามไปส่งแขก และยืนอยู่หน้าประตูมองพวกเขาเดินจากไป
กระทั่งสวี่ชิงกับโจวจินหนานหายลับไปในซอย เขาจึงนึกบางอย่างขึ้นได้
สวี่ชิงเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สะเพร่าในการทำธุรกิจ!
เธอรู้ดีและจงใจเปิดเผยว่ามีเงินเพื่อล่อลวงให้คนเผยธาตุแท้ และชายตาบอดคนนั้นก็มีฝีมือ หากเมื่อครู่เขาผลีผลาม ตอนนี้อาจหลงกลเข้าให้แล้ว
……
สวี่ชิงจูงมือโจวจินหนานกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี พลางตบกระเป๋าตนเองเป็นระยะ รวมกับเงินก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอมีเงินสองพันหยวนแล้ว
ในสมัยนี้มันเป็นเงินค่อนข้างมากที่สามารถซื้อจักรยานได้เป็นสิบคัน
แค่นึกถึงก็มีความสุข เธอมองไปทางร้านอาหารที่เปิดตรงหน้า “วันนี้ไม่กลับไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านนะคะ เราไปกินข้าวที่ร้านกันดีกว่า ตกลงไหมคะ”
โจวจินหนานไม่คัดค้าน “ได้ครับ”
สวี่ชิงตัดสินใจพาเขาไปลองกินอาหารใหม่ๆ เธอจำได้ว่ามีร้านอยู่แถวถนนฮวยไฮ่ หมูตุ๋นน้ำแดงของที่นั่นรสชาติดีมากทีเดียว
กระทั่งนึกได้ว่าโจวจินหนานไม่กินเนื้อหมู เมื่อมาถึงร้านเธอจึงเปลี่ยนใจสั่งปลาตุ๋นแทนหมูตุ๋น พร้อมยำหัวแกะและผัดแตงกวา
หลังนั่งลงสวี่ชิงก็ถามโจวจินหนานด้วยความสงสัย “ทำไมคุณถึงไม่ชอบกินหมูล่ะคะ”
ภาพโจวเฉิงเฉียนถือเนื้อหมูเข้ามาในบ้านฉายขึ้นในใจโจวจินหนานทันที ก่อนที่เนื้อขาวสองก้อนจะบดเบียดกัน ตามมาด้วยเสียงหอบหายใจหนัก
มันชวนให้เขาคลื่นไส้อย่างไม่อาจควบคุมได้
เมื่อเห็นเขาอาการไม่ดีและไม่อยากพูด สวี่ชิงก็รีบบอก “ถ้าคุณไม่อยากเล่าก็ช่างเถอะค่ะ ฉันไม่ใช่คนเลือกกินอยู่แล้ว”
โจวจินหนานเงียบไปครู่หนึ่ง “ไว้กลับถึงบ้านแล้วผมจะบอกครับ”
เขาทำเพื่อคลายความสงสัยให้สวี่ชิง
เธอยิ้มบอก “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่สบายใจก็ไม่ต้องเล่าก็ได้”
ประโยคนี้ดูฟังไม่ขึ้น เพราะเธอดูสงสัยจะแย่อยู่แล้ว
สวี่ชิงเขี่ยก้างปลาออกให้เมื่ออาหารมาวางบนโต๊ะ ก่อนคีบให้โจวจินหนาน
เมื่อเงยหน้าก็เห็นติงชางเหวินนั่งดื่มเหล้าย้อมใจอยู่มุมร้าน ผมเผ้ายุ่งเหยิง สภาพดูโทรมไปหมด
น่าแปลกไม่น้อย ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่
สวี่ชิงไม่ทันได้ละสายตา อีกคนก็ผลักประตูเข้ามา และสาวเท้าตรงไปหาติงชางเหวิน
เธอตกใจยิ่งขึ้นเมื่อคนที่มาถึงคือซูฮุ่ยหรู!
แม่สามีของเธอ มารดาของโจวจินหนาน!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชิงชิงรอบคอบมาก คิดจะโกงราคาทองเหรอฝันไปเถอะ
แม่พี่หนานเกี่ยวข้องอะไรกับติงชางเหวินล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเป็นชู้รักอีกคน?
ไหหม่า(海馬)