เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 99 เอเลน่าและลูน่า หน้าน้ำพุ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 99 เอเลน่าและลูน่า หน้าน้ำพุ
ตอนที่ 99 เอเลน่าและลูน่า หน้าน้ำพุ 2
“ห๊ะ? อะไรนะ? คุณอาเรียจะมาที่นี่? ที่โรงเรียนนี้?”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกนะ เพราะเธอเป็นนักเรียนที่นี่อยู่แล้ว”
“ก็…นั่นมันก็ใช่…”
คำพูดของเอเลน่า——“นายได้ยินเรื่องนี้หรือยัง? ว่าท่านอาเรียแห่งตระกูลดยุคจะเริ่มมาเรียนที่นี่อย่างปกติแล้วนะ” ทำให้หัวของเบเรธถึงกับขาวโพลน เขาเผลอตอบสนองกลับไปด้วยถ้อยคำที่ไม่ครบถ้วน
“‘เริ่มมาเรียนปกติ’ หมายความว่า ตั้งแต่นี้ไปเธอจะมาเรียนเหมือนคนทั่วไปใช่ไหม?”
“ก็เฉพาะวันที่ไม่มีนัดหมายสำคัญน่ะนะ”
“อ้อ… เข้าใจละ แล้วห้องเรียนก็ยังคงเป็นห้องพิเศษเหมือนเดิมใช่ไหม?”
“เปล่าเลย ท่านอาเรียเลือกที่จะมาเรียนในห้องเดียวกับพวกเราน่ะสิ”
“เอ๊ะ… อย่างงั้นเหรอ… นี่มันเรื่องที่ค่อนข้างกระทันหันเลยนะ”
“คำพูดของคุณฟังดูแปลก ๆ นะคะ… คุณเบเรธ เซนต์ฟอร์ด”
“ฮะ ๆ… แค่รู้สึกตกใจนิดหน่อยน่ะ”
ลูน่าที่ใช้สายตาเหลือบมองเขาแบบอ่อนโยนและเอ่ยทักท้วงเล็กน้อย ทำให้เบเรธหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา
สำหรับเบเรธ ข่าวนี้ทำให้รู้สึกซับซ้อนใจอย่างมาก
ไม่ใช่เพราะรู้สึก ‘ไม่ชอบ’ แต่เพราะความรู้สึกจากงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อสองวันก่อนนั้นมีแต่ความประทับใจในตัวอาเรีย
แต่ประเด็นมันอยู่ที่อย่างอื่น
ดยุคเป็นตำแหน่งที่สูงกว่ามาร์ควิส หากเขาพลาดทำสิ่งใดที่ไม่สมควร มันอาจนำไปสู่หายนะที่ไม่อาจแก้ไขได้
และเหนือสิ่งอื่นใด เบเรธยังรู้ ‘ความลับสุดยอด’ ของอาเรียเข้า
เธอผู้ที่ภายนอกดูงดงามเหมือนตุ๊กตา ผู้มีท่วงท่าสง่างามอย่างไร้ที่ติ ผู้ใช้คำพูดและน้ำเสียงที่ไพเราะจนผู้ฟังหลงใหล และผู้ที่มีเสียงร้องเพลงที่เปรียบได้กับเสียงสวรรค์
แต่เบื้องหลังสิ่งเหล่านั้น——ทั้งหมดล้วนเป็น ‘ภาพลวงตา’
เมื่ออยู่ที่บ้าน อาเรียแทบจะนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน ห่อตัวในผ้าห่มเหมือนตัวหนอน กินอาหารทั้งหมดบนเตียง พยายามอดทนไม่ลุกออกจากเตียงแม้แต่จะไปเข้าห้องน้ำ และบางครั้งก็อ้อนวอนขอให้มีคนอุ้มไป
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังชอบดึงคนเข้าไปในผ้าห่มของเธอเพื่อทำเป็นหมอนข้าง และที่สำคัญ——เธอพูดด้วยภาษาที่ลื่นไหลสบาย ๆ จนดูไม่เหมือนขุนนางเลยแม้แต่น้อย
นี่เป็นสิ่งที่หากบอกใคร 100 คน ก็อาจไม่มีใครเชื่อแม้แต่คนเดียว แต่เบเรธก็ยังถือครอง ‘ความลับที่อาเรียไม่อยากให้ใครรู้’ เอาไว้ในมือ
หากเผลอพูดออกไปเพียงคำเดียว ทุกอย่างจะจบลง
เขาเคยคิดว่า ‘ถ้าไม่ได้เจอกันก็ไม่เป็นไร’ แต่ความสบายใจนั้นได้ถูกทำลายลงไปเรียบร้อยแล้ว
“ก่อนหน้านี้ฉันคุยกับเอเลน่า คุณไม่ได้ทำอะไรลงไปใช่ไหมคะ?”
“หา!? อะ…อะไรนะ?”
“ถ้าไม่ใช่เหตุผลสำคัญจริง ๆ ท่านอาเรียคงไม่เลือกที่จะเรียนห้องเดียวกันกับพวกคุณแน่”
“ต้นเหตุก็คงมาจากงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อวันก่อนสินะ”
ทั้งสองหันมาสบตาเบเรธด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยราวกับกำลังไต่สวนเขาอยู่
‘คุณไปทำอะไรกันแน่?’
“……ไม่เลย ฉันไม่ได้ทำอะไร”
แม้จะตอบไปเช่นนั้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่สายตาคมเฉียบอย่างเอเลน่า ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนถูกมองทะลุ
ความจริงแล้วเขารู้ตัวดีว่ามีแต่เรื่องที่ตัวเองน่าจะเกี่ยวข้อง
เมื่อถูกกดดันแบบนี้ ความรู้สึกไม่สบายใจก็พลุ่งพล่านขึ้นมา
เขาเคยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเสียงกับอาเรียไว้ แต่ถ้าคำแนะนำนั้นไม่ได้ผล เธออาจจะมาพูดตำหนิเขาก็ได้ หรือบางที——เธออาจตั้งใจจะมาข่มขู่เขาโดยพูดว่า “หากคุณกล้าปล่อยเรื่อง ‘ตัวตนที่แท้จริง’ ของฉันให้ใครรู้ คุณคงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” พร้อมทั้งจับตาดูเขาไปด้วย
และเบเรธก็อดคิดถึงความเป็นไปได้นี้ไม่ได้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากสาวใช้ส่วนตัวของอาเรียอย่างซาเนียเกิดหลุดปากบอกว่า “ฉันบอกเรื่องคุณหนูกับท่านเบเรธไปแล้วค่ะ” กับตัวเจ้าตัวจริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่อาเรียจะมาตรวจสอบเขา
เพราะอย่างที่ลูน่าพูดไว้——บุคคลที่เลือกจะห่อตัวอยู่ในผ้าห่มเหมือนหนอนไหมทั้งวันอย่างอาเรีย ไม่มีทางจะเลือกมาปรากฏตัวในโรงเรียนได้ง่าย ๆ เว้นเสียแต่จะมีเหตุผลที่ใหญ่หลวงจริง ๆ
“เบเรธน่ะ… จากที่เห็นท่าทีของนายแบบนี้ แปลว่ามีเรื่องที่เกี่ยวข้องแน่เลยใช่ไหม? พูดก็พูดเถอะ ฉันยังจำได้ว่านายเคยไปคุยกับสาวใช้ส่วนตัวของท่านอาเรียแบบสองต่อสองด้วยนี่”
“อ-อืม… นั่นมัน…”
“เบเรธ เซนต์ฟอร์ด”
“อ-อะไร?”
เอเลน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด จากนั้นลูน่าก็พูดต่อ
“คุณ… เป็นคนรักของฉันค่ะ ถึงแม้ท่านอาเรียจะเป็นผู้หญิงที่งดงามมากแค่ไหน… ฉันก็ไม่อยากให้คุณหลงใหลในตัวเธอเลย… ฉันอยากให้คุณมาที่ห้องสมุดในช่วงพักเที่ยงเหมือนปกติ…”
“…อ่ะ เอ่อ แน่นอนสิ… ฉันจะทำแบบนั้น…”
“……”
ยิ่งลูน่าพูดต่อ ใบหน้าของเธอก็ยิ่งก้มต่ำลง เสียงของเธอก็ยิ่งเบาลงเรื่อย ๆ
ถ้าเธอพูดอย่างมั่นใจมากกว่านี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเธอกล้ารวบรวมความกล้าพูดออกมาด้วยความเขินอายแบบนี้ เบเรธก็รู้สึกเหมือนอารมณ์นั้นส่งผ่านมาถึงตัวเขาด้วย
ในขณะที่บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความอึดอัดและใจเต้นแรง เอเลน่าก็พูดขึ้นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“ลูน่า… เธอเป็นเด็กกว่าก็จริง แต่เธอก็ฉวยโอกาสมากเกินไปนะ สนใจฉันบ้างสิ”
“ขอปฏิเสธค่ะ…”
“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะ…”
เอเลน่าที่เปลี่ยนบรรยากาศได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดผ่อนคลายลงทันที
เบเรธอดยิ้มออกมาไม่ได้ พร้อมคิดในใจว่าเธอ “ช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้น”
แต่แท้จริงแล้ว เอเลน่าก็แค่พูดสิ่งที่เธอคิดออกมาอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น