เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 98 เอเลน่าและลูน่า หน้าน้ำพุ 1
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 98 เอเลน่าและลูน่า หน้าน้ำพุ 1
ตอนที่ 98 เอเลน่าและลูน่า หน้าน้ำพุ 1
“ง-งั้น ขออนุญาตลาไปก่อนนะคะ ท่านเบเรธ!”
เชียก้มศีรษะลงอย่างสุภาพไร้ที่ติ พร้อมรอยยิ้มอันสดใส ก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีรีบร้อน
“เฮ้อ…จริง ๆ เลยนะ…”
เบเรธยิ้มแห้ง ๆ พลางคิดในใจว่า ‘ไม่ต้องอ่านสถานการณ์เก่งขนาดนั้นก็ได้’ แต่ก็อดจะรู้สึกซาบซึ้งไม่ได้
‘กลับไปถึงบ้านคงต้องหาวิธีตอบแทนเธอให้ดีซะแล้ว…’
เขาพยายามลบความประหม่าในใจด้วยความคิดนั้น ก่อนจะตั้งสติเดินเข้าไปหาสองคนที่กำลังดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่
เอเลน่า เลแคลร์ “เจ้าหญิงดอกไม้แดง” แห่งตระกูลเคานต์
ลูน่า เปเรนเมล, “อัจฉริยะหนอนหนังสือ” แห่งตระกูลบารอน
เสียงกระซิบของนักเรียนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ดังขึ้นทันทีที่เบเรธเข้าใกล้พวกเธอ
‘เขาจะทำอะไรหรือเปล่า…’
‘สองคนนั้นจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม…’
ความกังวลและสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวงพุ่งตรงมาที่เขา บ้างถึงขั้นมีความเป็นปรปักษ์ แต่ในตอนนี้เบเรธไม่มีเวลาสนใจสิ่งเหล่านั้น
วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้พบกับเอเลน่าและลูน่าอีกครั้ง หลังจากกลายเป็นคนรักของกันและกันในงานเลี้ยงเมื่อคืนวันก่อน
และด้วยระยะเวลาที่ห่างกัน ความรู้สึกเกร็งและอึดอัดจึงก่อตัวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ เสียงพูดคุยรอบข้างก็เริ่มเงียบลง สองสาวที่ยืนอยู่ตรงน้ำพุใหญ่หันมองมาทางเขาอย่างพร้อมเพรียง
ในวินาทีที่สายตาของเบเรธสบกับสายตาของพวกเธอ หัวใจของเขาก็เต้นแรงราวกับจะกระเด็นออกจากอก
เขาอยากจะหนีไปให้ไกล แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกอยากจะพูดคุยให้มากที่สุดอยู่ในใจ
“…”
ด้วยความรู้สึกที่สับสน เขายกมือขึ้นทักทาย ทั้งเอเลน่าและลูน่าตอบรับด้วยท่าทางที่ต่างกันเล็กน้อย
เอเลน่ายิ้มพลางยกมือทักกลับ ส่วนลูน่าเพียงก้มศีรษะเล็กน้อยอย่างสุภาพ
ระยะห่างระหว่างพวกเขาค่อย ๆ ลดลงจนอยู่ในระยะที่สามารถเริ่มบทสนทนาได้
“…”
“…”
“…”
แต่เมื่อถึงตอนนั้น ทั้งสามคนกลับยืนนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เบเรธพยายามรวบรวมความกล้าเริ่มพูดก่อน
“เอ่อ…คือว่า…”
แต่คำพูดติดอยู่ในลำคอ เขาเหลือบมองเอเลน่าที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงเล็กน้อย ลูน่าก็กอดหนังสือแนบอกและก้มหน้าอย่างเงียบ ๆ
ทุกคนในที่นี้ต่างรู้สึกเหมือนกัน—เขินอายและไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี
ในหัวของเบเรธ มีคำพูดของเชียผุดขึ้นมา
‘เอเลน่าจะไม่นำบทสนทนาเหรอ?’
‘ฉันไม่แน่ใจค่ะ…ยิ่งพวกเธอมีความรู้สึกต่อท่านมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำตัวปกติค่ะ’
‘…’
‘ท่านเบเลทเองก็คงรู้สึกเช่นนั้นใช่ไหมคะ? แต่นี่เป็นโอกาสที่ท่านต้องแสดงความเป็นผู้นำค่ะ!’
“เฮ้อ…” เบเลทถอนหายใจเบา ๆ และตัดสินใจ—ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในครั้งนี้
ราวกับว่าคำพูดเหล่านั้นของเชียได้คาดการณ์เหตุการณ์เอาไว้ล่วงหน้า
และด้วยคำพูดเหล่านั้นเองที่ทำให้เบเรธรู้สึกเหมือนมีแรงผลักดันอยู่ด้านหลัง ช่วยให้เขาก้าวเดินไปได้อย่างมั่นคง
“อรุณสวัสดิ์นะ เอเลน่า ลูน่า”
“เอ๊ะ… อะ-อรุณสวัสดิ์ เบเรธ…”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ…”
สองสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเขินอายและท่าทีแปลก ๆ เบเลทตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายนำบทสนทนา เขาเลือกที่จะพูดอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
“เอเลน่า… ทำไมลูน่าดูตัวสั่นแปลก ๆ แบบนั้นล่ะ? อย่าบอกนะว่าเธอไปขู่ลูน่ามา?”
“หะ? ทำไมฉันต้องไปขู่คนรักของนายด้วยล่ะ? ฉันไม่ใช่นายเสียหน่อย!”
“เดี๋ยวสิ ฉันก็ไม่ได้ขู่ใครเหมือนกันนะ!”
“แต่นายมีชื่อเสียด้านนี้นะ พูดไปก็ไม่มีน้ำหนักหรอก ดูสิ แค่นายเดินมานี่ คนรอบข้างก็พากันซุบซิบกันยกใหญ่แล้ว”
เอเลน่าพูดพร้อมกับแสดงท่าทีหยอกล้อ เธอรับบทสนทนาได้อย่างรวดเร็ว แต่คำพูดของเธอกลับตรงจุดจนเบเรธไม่อาจเถียงได้
“ลูน่า เธอเองก็ควรพูดอะไรบ้างสิ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะเข้าใจผิดหมด”
“ฉัน… ไม่ได้ถูกขู่ค่ะ…” ลูน่าพูดเสียงแผ่วเบา
“ฮะฮะ เข้าใจแล้วล่ะ”
ถึงจะตอบกลับมา แต่ลูน่าก็ยังคงก้มหน้าหลบสายตา เธอกอดหนังสือแน่น และแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ เบเรธรู้สึกขบขันในความแตกต่างของทั้งสองสาว
“ลูน่า… ไม่ต้องรีบก็ได้ เธอค่อย ๆ ทำตามจังหวะของตัวเอง ฉันไม่รู้สึกแย่อะไรกับเรื่องแบบนี้หรอก”
“ค่ะ… ขอบคุณมากนะคะ…”
แม้จะพูดปลอบโยน แต่ลูน่าก็ยังคงไม่กล้าสบตาเบเรธ ใบหน้าของเธอยังคงก้มต่ำลงเรื่อย ๆ
ตอนแรกเบเรธคิดจะโน้มตัวลงไปใกล้และหยอกล้อเพื่อให้เธอผ่อนคลาย แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใบหูที่แดงก่ำของลูน่าผ่านเส้นผมที่ปรกลงมา เขาก็เปลี่ยนใจทันที
ลูน่าเป็นคนฉลาด—เธอคงคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะต้องรู้สึกแบบนี้
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังพยายามมาพบเขาที่นี่ เบเรธรู้สึกตื้นตันใจอย่างมากกับความพยายามนั้น
ในขณะเดียวกัน ความเขินอายของลูน่าที่ก้มหน้าจนต่ำทำให้เบเรธเกิดความคิดอยากจะวางมือลงบนศีรษะเธอเพื่อปลอบใจ
แต่นี่เป็นที่สาธารณะ สายตาผู้คนยังจับจ้องมาที่พวกเขาอยู่… เรื่องแบบนั้นทำไม่ได้ง่าย ๆ—
ถึงจะทำไม่ได้ง่าย ๆ… แต่ว่า—
“……”
ทันใดนั้น เบเรธก็นึกถึงเหตุการณ์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อสองวันก่อนขึ้นมาได้
เขาจำได้ชัดเจนว่ามีชายหนุ่มจำนวนมากแค่ไหนที่เข้ามาทักทายและให้ความสนใจกับลูน่า
และเมื่อคิดถึงลูน่าที่ปกติชอบใช้เวลาในห้องสมุดเงียบ ๆ หากมีคนเริ่มตามมาหาเธอที่นั่นเพิ่มขึ้น เบเรธก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
เขาไม่ชอบใจนักที่ใครบางคนจะมองลูน่าด้วยสายตาชื่นชมแบบนั้น
“……”
หยุดคิดอยู่สองจังหวะ เบเลทก็เริ่มหันมองไปรอบ ๆ อย่างแน่วแน่
เขาส่งสายตาจ้องกลับไปที่กลุ่มนักเรียนที่กำลังมองมา
จากนั้น เบเรธก็ยกมือขึ้นโดยไม่ลังเล วางลงบนศีรษะของลูน่าเบา ๆ
“อะ!”
ลูน่าเบิกตากว้าง ปล่อยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยินหลุดออกมาจากริมฝีปาก
แต่เบเรธไม่ได้สนใจเสียงเล็ก ๆ ของเธอ เพราะเขากำลังสนใจเสียงกระซิบกระซาบของเหล่านักเรียนที่ดูจะตกตะลึง
“คุณเบเรธ คุณนี่จริง ๆ เลยค่ะ…”
“หืม?”
“เมื่อกี้คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่า ‘ค่อย ๆ ตามจังหวะตัวเองก็ได้’ แต่กลับทำแบบนี้ นี่มันแกล้งกันชัด ๆ”
“อ่า… ฮะ ๆ… โทษที… โทษจริง ๆ…”
เขารู้ตัวว่าความหวงในใจได้กระตุ้นให้ทำบางอย่างที่ปกติไม่เคยทำ
ด้วยความรู้สึกผิด เบเรธจึงยกมือลงจากศีรษะของลูน่า
“เฮ้อ… เมื่อกี้ยังทำหน้าตาเกร็ง ๆ อยู่เลย แต่ตอนนี้กลับดูใจเย็นได้หน้าตาเฉยนะ”
“นั่น… เอเลน่า รู้ตัวด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ”
เอเลน่าพูดพร้อมลูบหัวลูน่าอย่างปลอบโยน ราวกับจะแสดงบทบาทการปกป้องเธอ แต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาข่มขู่เล็ก ๆ ใส่เบเรธ
“อะไรแบบนั้นน่ะ… ช่วยเก็บไว้ในใจก็พอ…”
“เพราะนายไม่ยุติธรรมเองนี่ ฉันเองก็เป็นคนรักของนายเหมือนกันนะ”
เธอพูดพลางทำปากยื่น ใช้นิ้วพันเล่นกับปลายผมสีแดงของตัวเอง
“ทีหลังต้องทำกับฉันบ้างนะ เหมือนที่ทำกับลูน่านั่นแหละ”
“เอ๊ะ… ได้เหรอ?”
“ก็แน่นอนสิ เพราะเราสนิทกันแบบนั้นแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันจะเกลียดอะไรแบบนั้นหรอกนะ”
“อ่า… ขอบคุณนะ”
“ทำไมต้องเขินด้วยล่ะ”
“เอเลน่าเองก็เขินอยู่ไม่ใช่เหรอ”
ทั้งสองแหย่กันอย่างขบขัน พลางสบตากันด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้ว่าคำพูดของพวกเขาจะไม่ได้ยินไปถึงคนอื่น ๆ แต่ท่าทางสนิทสนมและระยะห่างที่ใกล้กันเกินไปก็ทำให้ผู้คนรอบ ๆ เริ่มส่งเสียงซุบซิบหนักขึ้น
ในจังหวะนั้นเอง เอเลน่าก็พูดบางสิ่งที่ทำให้เบเรธถึงกับสะดุด
“นี่ นายได้ยินเรื่องนี้หรือยัง? มีข่าวว่าคุณอาเรียแห่งตระกูลดยุคจะมาเข้าเรียนที่นี่ด้วยนะ”
“……หา!?”
ดยุค… ยศที่สูงกว่าแม้กระทั่งมาร์ควิส
ข่าวนี้ทำให้เบเรธรู้สึกเหมือนความสงบสุขในชีวิตที่โรงเรียนกำลังจะถูกทำลายลง…