เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 77 งานเลี้ยง 11
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 77 งานเลี้ยง 11
ตอนที่ 77 งานเลี้ยง 11
“อย่างที่เอเลน่าพูดไว้จริงๆ มืดขนาดนี้ต้องระวังเท้าดีๆ แล้วล่ะ…”
หลังจากเวลาผ่านไป 40 นาที
เบเรธที่เพิ่งเติมกระเพาะให้เต็มอิ่มในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ก็ออกมาสูดอากาศด้านนอก เดินไปในบริเวณที่กว้างของที่ดินอย่างผ่อนคลาย
แม้หลายคนอาจสงสัยว่า ‘ทำไมเขาถึงมาคนเดียว?’ แต่ในช่วงเวลา 18.00 ถึง 20.00 น. เป็นเวลาที่ควรใช้ทักทายแขกในงาน การชวนใครออกไปข้างนอกในช่วงนี้จึงถือเป็นการเสียมารยาทอย่างร้ายแรง เพราะจะทำให้คนอื่นไม่มีโอกาสเข้ามาทักทายได้
(แหม… จริงๆ ต่อให้ไม่มีข้อจำกัดนี้ ฉันก็ชวนใครไม่ได้อยู่ดี เพราะทุกคนกำลังพูดคุยหรือทักทายกันหมด…)
ถึงจะดูเหมือนโชคไม่ดี แต่ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องธรรมดา
ช่วงเวลาที่ออกจากงานเลี้ยงในตอนนี้ได้มีเหตุผลเพียงสองข้อเท่านั้น
ข้อแรก สำหรับคนที่มีหน้าที่ในงาน เช่นอาเรีย ที่ต้องเตรียมตัวขึ้นแสดง
ข้อสอง สำหรับคนที่ไม่มีอะไรทำ เบื่อหรือรู้สึกโดดเดี่ยว
น่าเสียดายที่เบเรธเป็นคนในกรณีหลัง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความหดหู่ใดๆ ออกมาเลย กลับกัน เขายังยิ้มพึงพอใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวในงานเลี้ยง
“ทั้งที่เป็นฉัน แต่ก็มีคนมาทักทายสามคนเลยนะ…”
สำหรับฐานะบุตรชายของตระกูลมาร์ควิส ตัวเลข ‘สามคน’ นี้อาจดูน้อยมาก หากเล่าให้ใครฟังก็คงถูกหัวเราะใส่ แต่สำหรับเบเรธ นี่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่
(มันอาจยังดูห่างไกลจากความจริง… แต่สักวันหนึ่ง ฉันก็คง…เป็นเหมือนพวกเขาไหมนะ?)
คำว่า ‘พวกเขา’ ในความคิดนั้น หมายถึงเชีย ลูน่า และเอเลน่า
เบเรธไม่ได้ปรารถนาจะเป็นที่นิยมในแบบที่ใครๆ มองเห็น แต่สิ่งที่เขาเข้าใจในวันนี้คือ การทักทายในงานเลี้ยงนั้นสามารถสนุกได้จริงๆ
และเหนือสิ่งอื่นใด…
‘เพื่อให้เหมาะสมกับทุกคน’ ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจเขาอย่างแรงกล้า
การทักทายเป็นตัวชี้วัดว่า ‘คุณได้รับความเคารพและความชื่นชมจากคนรอบข้างแค่ไหน’
“ถ้าจะเลียนแบบท่านอาเรียก็คงเป็นทางลัดที่ดีที่สุด… แต่ทำไม่ได้แน่นอนล่ะนะ… ทั้งสง่างาม ร้องเพลงเก่ง อยู่ในฐานะที่ยิ่งใหญ่แต่ก็ยังเลือกคำพูดอย่างระมัดระวัง และปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค…”
เขาไม่เห็นข้อได้เปรียบใดๆ ของตัวเองเลย นั่นคือสิ่งที่เบเรธรู้สึก
ขณะที่กำลังพึมพำกับตัวเอง และใช้ความคิดอย่างหนัก จู่ๆ ก็มีบางสิ่งทำให้เขาชะงักไปในทันที
“อา… หร่อย… จัง… เลย~”
“!!?”
เสียงเพลงจังหวะ ‘โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด เร’ ดังเข้าหูพร้อมเนื้อร้องประหลาด
“อา… หละ… ตึง… ตึง… ไป… หมด~”
“!!!?”
“เบื่อ… ซะ… มัด… เลย… ซ้อม… เพลง~”
“…”
เสียงร้องประหลาดพร้อมจังหวะดนตรีที่แปลกเกินอธิบาย ทำให้เบเรธยืนนิ่งเงียบ พร้อมกับความคิดในหัวที่หยุดลงโดยสมบูรณ์…
“ไม่น่าสนุกเลย… การซ้อมนี้~”
“…………”
“แต่ฉันจะพยายามต่อไป~”
“………………”
เสียงร้องเพลงที่เต็มไปด้วยความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งจังหวะและเนื้อร้องที่แปลกเกินไป ทว่าเมื่อเงี่ยหูฟังให้ดี กลับสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเบเรธก้าวเข้าไปใกล้ต้นเสียงอย่างเงียบเชียบ เขาก็พบกับร่างเล็กๆ คนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งที่มีหลังคาคลุม ในขณะที่ยังคงร้องเพลงแปลกประหลาดนั้น พร้อมกับโยกตัวไปมาช้าๆ ซ้ายทีขวาที
รอบข้างนั้นมืดจนไม่อาจบอกได้ว่าร่างนั้นเป็นใคร แต่สิ่งที่เบเรธมั่นใจแน่นอนคือ นั่นไม่ใช่ผีอย่างแน่นอน และเสียงนั้นเป็นของเด็กผู้หญิง
“ให้นอนหน่อย~”
(อะไรของเพลงนั่นกัน…)
เด็กสาวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้นดูเหมือนจะจมอยู่ในโลกของตัวเองโดยสมบูรณ์ ความรู้สึกที่ได้รับคือราวกับเธอกำลังเมา
(กลับไปที่งานเลี้ยงแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่าจะดีที่สุด…)
นี่คือสิ่งที่ใครๆ คงคิด หากเจอเหตุการณ์เช่นนี้
เบเรทที่ตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด หมุนตัวกลับไป 180 องศา และค่อยๆ ก้าวเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ แต่…
“อ๊ะ!”
เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสของรองเท้าที่เตะโดนก้อนหินเล็กๆ ซึ่งก้อนหินนั้นก็กลิ้งไปเรื่อยๆ พร้อมเสียง กลุกๆ
“!!?”
เบเรธกลั้นหายใจทันที และในชั่ววินาทีนั้น ร่างในความมืดหันขวับมาทางเขา
“…”
“…”
สายตาของเขาและอีกฝ่ายประสานกันในความมืดมิด
ช่วงเวลาแห่งความเงียบงันนี้ดำเนินไปนานเท่าไรไม่มีใครรู้ แต่เมื่อเริ่มรู้สึกกลัว เบเรธก็ยิ้มแหยๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา
“เอ่อ… เพลงไพเราะมากเลยนะครับ”
“!! อะ… เอ่อ… คือ คือ คือ นี่เป็นการเข้าใจผิดค่ะ! เพลงนั้นไม่ใช่ฉันที่ร้องนะคะ!”
“อ๋อ… อย่างนั้นหรือครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิด”
คำพูดโกหกที่ดูไม่เนียนหลุดออกมาจากอีกฝ่าย ซึ่งทำให้เบเรธนึกถึงเชียขึ้นมาเล็กน้อย
โดยปกติ เขาคงโต้กลับด้วยคำว่า “ไม่จริงหรอกใช่ไหม!?” แต่ด้วยความที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาจึงเลือกเก็บคำพูดนั้นไว้ในใจและพยายามพูดตามน้ำ
“ว่าแต่… คุณเองก็ออกมานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ เพราะไม่มีอะไรทำอยู่ใช่ไหมครับ?”
“เอ๊ะ?”
“อ้อ ขอโทษครับ ผมหมายถึงตัวผมเองน่ะ ผมไม่มีอะไรทำ เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก”
(พูดแบบนี้ ถ้าเธอไม่ได้รู้สึกเบื่อ ผมคงเป็นคนแปลกสินะ…)
เบเรธคิดอยู่ในใจ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้เขาโล่งใจ
“อ๋อ… เอ่อ ฉันเองก็… ใช่ ฉันไม่มีอะไรทำเหมือนกัน… แต่พักบ้างก็สำคัญนี่เนอะ”
“ใช่เลยครับ”
(เมื่อกี้เหมือนสรรพนามของเธอเปลี่ยนไป… แล้วน้ำเสียงก็ดูเปลี่ยนด้วย?)
ความสงสัยนี้แวบเข้ามาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะต้องรีบตั้งสติ เพราะแค่การสนทนาก็ทำให้เขาต้องใช้ความพยายามมากพออยู่แล้ว
และเช่นนั้น เบเรธก็ได้ใช้เวลาร่วมกับ ‘เด็กสาวปริศนาในความมืดที่เขามองไม่เห็นหน้า’
ในขณะเดียวกัน อีกฝ่ายก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะสำหรับเธอแล้ว เบเรธก็คือ ‘เด็กหนุ่มปริศนาในความมืดที่มองไม่เห็นหน้า’ เช่นกัน…