เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 70 งานเลี้ยง 4 - มุมมองอาเรีย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 70 งานเลี้ยง 4 - มุมมองอาเรีย
ตอนที่ 70 งานเลี้ยง 4 – มุมมองอาเรีย
“——ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ ถ้าเช่นนั้น ขออนุญาตลาก่อนนะคะ”
อาเรียก้มศีรษะลงเล็กน้อย ขณะใช้สองมือจับชายกระโปรงเบาๆ ก่อนจะยกขึ้นเพียงเล็กน้อย เธอขยับเท้าขวาไปทางด้านหลังเฉียงเล็กน้อยและงอเข่าซ้ายลงเล็กน้อย ทำให้ดูงดงามและสง่างามยิ่ง ขณะที่เธอกล่าวคำอำลาต่อเจ้าภาพเสร็จสิ้น ก่อนจะยืดตัวตรงแล้วเดินไปยังด้านซ้ายของห้องจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ
ท่วงท่าที่สง่างามและเปี่ยมด้วยความสูงส่งดึงดูดทุกสายตาไปที่เธอ เจ้าหญิงผู้ที่กำลังตกเป็นจุดสนใจเช่นนี้ ในใจกลับคิดอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป
(ฟุเนีย〜 นี่เป็นการทักทายที่เหนื่อยที่สุดในงานเลี้ยงเลยนะ〜…)
แม้ว่าภายนอกเธอจะไม่มีทีท่าหรือแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา แต่ในใจกลับแสดงสีหน้าเหมือนอยากจะทรุดตัวลงนอนกับเตียงพร้อมกับเสียงร้อง “อา〜” อย่างสิ้นหวัง
แม้อาเรียจะชอบงานเลี้ยงยามค่ำคืน แต่ด้วยบทบาทที่เธอต้องแสดงออกอย่างสง่างามและเปี่ยมไปด้วยมารยาท มันทำให้ช่วงเวลานี้กลายเป็นเวลาที่เหนื่อยล้าที่สุดสำหรับเธอ
ในกรณีที่เธอได้รับความนิยมและความชื่นชมต่ำ การทักทายจากผู้อื่นก็คงจะน้อยลงไปด้วย แต่สำหรับอาเรียกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ในฐานะธิดาของดยุค และยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “นักร้องเสียงไพเราะผู้เลอโฉม” เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ยิ่งไปกว่านั้น(ถึงแม้จะมีเรื่องน่ารำคาญบ้าง)เธอก็ไม่เคยเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีสถานะต่ำกว่า
ด้วยความที่เธอเป็นผู้ที่มีสถานะสูงส่งแต่ยังคงมีความเป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่าย จึงไม่แปลกที่เหล่าขุนนางจะต้องการพูดคุยกับเธอ สร้างความสนิทสนม และปรารถนาที่จะฝากชื่อเสียงของตนไว้
ในขณะที่เธอถอนหายใจในใจว่า “ฮ้า…” กลิ่นหอมของอาหารร้อนๆ ที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ ก็ลอยมาถึงตัวเธอ
(อาหารน่ากินจัง… แต่ต้องอดทนไว้… ฉันหิว แต่ก็ต้องอดทน…)
เพราะเธอรู้ว่าต่อจากนี้จะมีคนเข้ามาทักทายไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอไม่สามารถให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัวของตัวเองได้
เธอจึงต้องอยู่ในท่าที “รอการทักทาย” และสร้างบรรยากาศที่เชื้อเชิญให้ผู้คนเข้ามาทักทายได้อย่างง่ายดาย ขณะเดินไปยังข้างฝาผนังอย่างเสียดาย
และในจังหวะนั้นเอง เธอเห็นชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอ
(ฮ่า~! ใครจะมาทักทายเราต่อนะ… ดูเหมือนจะเป็น…)
เธอชะงักเล็กน้อย แต่ด้วยความที่งานเลี้ยงนี้เต็มไปด้วยผู้เข้าร่วมจำนวนมาก จึงทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะรีบตั้งสติกลับคืนมา
“สวัสดีค่ะ คุณเบเรธ ท่านดูงดงามในชุดนี้มากนะคะ”
“สวัสดีครับ ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ท่านอาเรียเองก็เลอโฉมเช่นกัน”
“ฟุฟุ ขอบพระคุณค่ะ”
(เอ๊ะ? วันนี้เขาไม่จ้องเราเหมือนเคย…? แต่แทนที่จะเป็นแบบนั้น เขากลับยิ้มอย่างแปลกๆ ดูเหมือนยิ้มที่ไม่เป็นธรรมชาติเลย…)
เธอมองเห็นได้ชัดเจนว่ารอยยิ้มนั้นเกร็งจนเห็นได้ชัด
(เขาประหม่าเหรอ? หรือกลัวเพราะสถานะที่ต่ำกว่าเรา? แต่ไม่ใช่สิ… ตอนนั้นเขาเคยจ้องเราด้วยท่าทีน่ากลัวนี่นา…)
เธอเริ่มใช้สมองคิดว่าอาจมี “เหตุผลบางอย่าง” อยู่เบื้องหลังการกระทำของเขา
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันหลังจากในโรงเรียนตอนนั้นใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ ท่านอาเรียยังสบายดีอยู่หรือเปล่าครับ?”
“ค่ะ ฉันสบายดี แล้วคุณล่ะคะ?”
“ส-สบายดีครับ ท่านอาเรียดูเหมือนจะสบายดีเช่นกัน”
(บทสนทนาก็ไม่มีอะไรผิดแปลก แถมยังไม่ได้รู้สึกแย่เลย… หรือว่านี่จะเป็นการกลั่นแกล้งแบบอ้อมๆ? แต่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจนี่นา…)
เบเรธเป็นคนที่มี ‘ข่าวลือไม่ดี’ ติดตัวอยู่แล้ว ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาอาจจะแสดงท่าทางข่มขู่ในช่วงการทักทาย หรือแม้แต่ระหว่างการแสดงร้องเพลงของอาเรียเพื่อทำลายสมาธิของเธอ
(ถ้าคุณคิดจะทำแบบนั้นล่ะก็… ฉันก็แค่จะพยายามไม่สนใจคุณก็เท่านั้น…)
แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องอาฆาตอะไรกับเธอ แต่การแสดงครั้งนี้เป็นสิ่งที่เธอพลาดไม่ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการอย่างเด็ดขาด ขณะที่เธอตั้งมั่นในใจ—
“อ๊ะ ขอโทษที่ไม่ทันคิดนะครับ ถ้าไม่รังเกียจ ลองทานอาหารไปพลางพูดคุยไปด้วยดีไหมครับ?”
“!!?”
“คือว่า คุณเอเลน่า… บอกว่าทานแบบยืนได้ครับ”
“……”
อาเรียถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะตลอดชีวิตของเธอในฐานะธิดาของดยุค ไม่เคยมีใครเสนออะไรแบบนี้ให้เธอมาก่อน ข้อเสนอเช่นนี้อาจถูกมองว่าเสียมารยาทได้ง่ายๆ
อีกทั้ง การที่เธอต้องอยู่ใน ‘ท่าทีรอการทักทาย’ ทำให้เธอไม่สามารถเป็นฝ่ายเสนออะไรลักษณะนี้เองได้เลย เนื่องจากอาจสร้างปัญหาเชิงเปรียบเทียบว่า ‘เธอเสนอให้กับคนนี้แต่ไม่เสนอให้กับอีกคน’
“อ่ะ…เอ่อ…? รบกวนหรือเปล่าครับ?”
“ม-ไม่ค่ะ! ถ้าอย่างนั้น…ช่วยไปด้วยกันหน่อยได้ไหมคะ?”
“ด้วยความยินดีครับ งั้นเราไปกันเถอะ”
“!! เอ่อ… ค่ะ”
สิ่งที่ทำให้อาเรียตกใจอีกครั้งก็คือ ท่าทีของเบเรธที่แสดงออกโดยไม่ลังเล เขายื่นแขนออกไปและเดินนำทางไปยังโต๊ะอาหารด้วยความมั่นใจ ท่าทีเช่นนี้สร้างความประทับใจให้ผู้คนรอบข้างเห็นว่าเป็น ‘เขาที่เป็นฝ่ายชวนเธอเอง’
การกระทำเช่นนี้ทำให้อาเรียไม่ถูกมองว่าเป็นฝ่ายเสนอข้อเสนอดังกล่าวเอง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจากขุนนางคนอื่นๆ
(เขาทั้งเข้าใจความรู้สึกของฉัน และยังคำนึงถึงสถานการณ์ของดยุคอีก…เขาถึงกับแสดงออกเพื่อปกป้องฉันในสถานการณ์แบบนี้…)
ทันใดนั้น ความคิดในหัวของเธอก็หวนกลับไปถึงรอยยิ้มแปลกๆ ก่อนหน้า เธอเริ่มสงสัยว่ารอยยิ้มนั้นเป็นเพียงเพราะเขา ‘ยิ้มไม่เก่ง’ เท่านั้นหรือเปล่า?
แต่ในขณะนั้นเอง ความทรงจำในอดีตของเธอก็ผุดขึ้นมา
‘แต่ตอนที่เราสวนกันในโรงเรียน เขาจ้องฉันเหมือนอยากจะฆ่าฉันเลยนะ!’
‘ฉันเคยบอกแล้วไงคะว่า บางทีเขาอาจไม่พอใจคุณที่ทำตัวแสแสร้งเกินไป? มีคนที่มีเซ้นส์เฉียบคมอยู่ไม่น้อยนะคะ’
บทสนทนาที่เคยมีร่วมกับซาเนีย สาวใช้ประจำตัวของเธอ ได้ย้อนกลับเข้ามาในความคิดของเธออีกครั้ง
(หรือว่ารอยยิ้มนั้นกำลังจะสื่อว่า ‘ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้’ อย่างนั้นเหรอ…?)
เพราะเรื่องนี้ อาเรียจึงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าแท้จริงแล้วเบเรธเป็นคนแบบไหน
แต่มีเพียงสองสิ่งที่เธอสามารถมั่นใจได้ในตอนนี้—
“ท่านอาเรียชอบอาหารประเภทไหนเป็นพิเศษไหมครับ?”
“ดิฉันชอบอาหารที่ทำจากปลา ดังนั้นจึงสนใจอาหารที่อยู่ทางฝั่งนั้นค่ะ”
“ฮะฮะ งั้นก็ดีแล้วที่ผมชวนคุณมาทานด้วยกัน”
เบเรธพยายามเปิดประเด็นพูดคุยเพื่อไม่ให้อาเรียรู้สึกเบื่อหน่าย
และในขณะเดียวกัน อาเรียก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่กำลังจับจ้องมา ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เพียงการมองธรรมดา แต่เป็นการ “จับตามอง” อย่างระมัดระวัง
สายตานั้นมาจากลูน่า ที่กำลังทักทายกับเหล่าขุนนางชาย และเอเลน่า ที่เพิ่งเสร็จจากการช่วยจัดการเรื่องอาหารและเข้าร่วมงานเลี้ยงในฐานะเพื่อนของอาเรีย
“…ฟุฟุ”
“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ ท่านอาเรีย?”
“ขอโทษค่ะ พอดีฉันนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เผลอยิ้มออกมา”
แม้ว่าเบเรธอาจจะจับสังเกตได้ แต่เธอก็ยังยิ้มอย่างงดงามและตอบด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยมารยาท
ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าทั้งสองคนจะมีอารมณ์ใกล้เคียงกับ “ความหึงหวง” จนส่งผ่านสายตาเช่นนี้มาได้
เรื่องนี้เธอต้องหาทางพูดคุยเพื่อเคลียร์ความเข้าใจในภายหลังอย่างแน่นอน
และแล้ว อาเรียก็รู้สึกว่างานเลี้ยงยามค่ำคืนนี้ทำให้เธอมีความสุขอย่างน่าอัศจรรย์ เธอไม่เคยรู้สึกสนุกกับการทักทายผู้คนขนาดนี้มานานแล้ว ดวงตาสีชมพูของเธอเปล่งประกายระยิบระยับอย่างสดใส
TLN: ไปปักธงสาวใหม่ซะแล้ว??