เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ - ตอนที่ 9 น่ะ พลังเวทที่แท้จริง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ
- ตอนที่ 9 น่ะ พลังเวทที่แท้จริง
บทที่ 9 – พลังเวทที่แท้จริง
“ฟังฉันก่อนสิเฮ้ย?!”
ฉันตะโกนออกไปแบบนั้น ความเมากาวของคารินค่อยหยุดลงได้ในที่สุด แต่ท่าทางอิแบบนี้ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรไปหล่อนก็คงเมากาวอยู่ดี
ประสบการณ์อันโชกโชนที่อยู่ในโลกนี้มาหลายปีทำให้ฉันรู้ว่าคนบนโลกนี้เป็นยังไง.. ถึงจะรับมือไม่เคยได้เลยก็เหอะ
เพราะงั้นฉันถึงไม่มีทางเลือก.. เพื่อที่จะให้ยัยเด็กนี่ไปเข้าโรงเรียนอันห่างไกล และเลิกความคิดที่จะให้เด็กนี่ติดอยู่กับฉัน
เพราะอุดมคติของหล่อนมันแรงกล้าจนคนแบบฉันไม่เข้าถึงเลยสักนิด ก็พนักงานแรงทาสจากบริษัทคนหนึ่งอะค่า
หลังจากตระเตรียมคำพูดอย่างดีฉันถึงพูดออกไป
“เอาล่ะ ฉันจะฝึกวิชาดาบให้เธอ.. หลังจากนั้นจะถือว่าเธอเรียนรู้ทุกอย่างจากฉันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่กับฉันต่อไป”
“ต่อให้เธอไม่เข้าใจที่ฉันจะสอนก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเธอต้องอยู่ต่อ เพราะนั่นเป็นปัญหาของเธอแล้ว!”
ฉันไตร่ตรองคำอย่างดีแล้วพูดออกไปเช่นนั้น อย่างแรกที่บอกว่านะสอนแน่นอนว่าฉันไม่รู้พื้นฐานหรืออะไรเกี่ยวกับดาบเลย
แต่เพื่อหลุดออกจากสถานการณ์นี้ฉันต้องตามน้ำไปก่อน.. และเมท่อฉันได้ ‘ให้อะไรบางอย่าง’ ที่เหมือนการ ‘สอน’ กับเธอไป
เธอก็จะพอใจและคิดว่าฉันสอน เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าไม่มีเหตุผลที่เธอต้องอยู่กับฉันแม้เธอจะไม่เข้าใจก็ตาม
ว่าง่ายๆ ก็คือฉันอาจจะสอนดีหรือแย่ตามแต่หนังที่ฉันเคยดู หากคารินไม่เข้าใจเธอก็ต้องไปโรงเรียนอย่างดี
บอกเลยว่าแผนของฉันโคตรจะเพอร์เฟคเลยจ้า
ฉันแอบมองหน้าคารินที่กำลังคิดตามคำพูดฉัน.. สักพักเธอก็พูดขึ้น
“แบบนี้นี่เอง… ปัญหาของหนู.. ปัญหาที่หนู…”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
เธอยิ้มแล้วก็พูดขึ้น.. อะไรวะ บรรยากาศแบบนี้สังหรใจไม่ดีแปลกๆ แฮะ .. ภายใต้ความสับสนของฉันพวกเราเดินออกไปลานฝึกซ้อมด้วยกัน
ไอ้มิเกลสร้างให้ฉันไว้ฝึก.. เป็นสนามฝึกที่เกิดจากพลังเวทน่ะนะ ว่ากันว่าฝึกในนี้จะเพิ่มทั้งทักษะและพลังเวทเลย
ภายในสนามแห่งนี้.. พลังเวทจะสร้างภาพลวงตาเสมือนจริงขึ้นมา ถึงจะบอกว่าภาพลวงตาแต่ก็ส่งผลต่อประสาทสัมผัสโดยตรง
ว่าง่ายๆ คือเจ็บจริงนั่นแหละ.. มันจะสร้างมอนสเตอร์ ปีศาจ หรืออสูรอะไรขึ้นมาก็ได้ตามที่ตั้งค่าไว้
เอาจริงๆ คือมันแพงหูฉีกเลยไอ้นี่อ่ะ เท่าที่ฟังมาในแดนมนุษย์มีไม่ถึงสิบที่ แต่เจ้ามิเกลดันสร้างให้ฉันคนเดียวเลย
แต่น่าเสียดายต่อให้ฉันมายืนอยู่ในนี้ฉันก็.. ไม่สามารถดูดซับพลังเวทอะไรได้หรอกเพราะว่ามีคำสาปอะนะ
อีกอย่างฉันเหมือนจะมองเห็นภาพลวงตาได้แค่เรือนรางเท่านั้น ส่งผลให้ประสาทการรับรู้ของฉันต่อสยามนี้จึงเหมือนสนามฝึกซ้อมธรรมดา
แต่สำหรับคนอื่นก็เป็นสนามที่เปลี่ยนแปลงภูมิภาคหรือสภาพอากาศได้ตามใจละนะ..
ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงมีสนามนี่เป็นของตัวเองเรื่องต้องขอขั้นแล้วย้อนกลับไปตอนฉันประมาณห้าขวบเห็นจะได้
ในโลกนี้ตอนห้าขวบทุกคนจะถูกตรวจสอบสถานะหรือสเตตัส.. เหมือนตอนที่คารินไปตรวจ แต่ฉันดันตรวจสอบไปแล้วนี่แหละ
ทว่ายังมีอีกอย่างหนึ่งที่ต้องตรวจสอบ แต่ฉันในตอนนั้นยังทำไม่ได้ เพราะวิธีการตรวจสอบมันจะเป็นการเอาอุปกรณ์ไรสักอย่างมาสวมหัว
แต่ฉันตอนนั้นหัวเล็กไป เลยใส่ไม่ได้.. เพราะไอ้ของที่คล้ายหมวกนี้เนี่ยมันออกแบบมาให้เด็กอายุห้าขวบ
พอฉันอายุห้าขวบถึงต้องมาตรวจใหม่นั่นแหละนะ..
แต่พอฉันเห็นหมวกแล้วชักสงสัยว่านี่มันหมวกหรือเห็ดวะ.. เพราะหมวกมันทรงเห็ดแถมมีลายสีขาวแดงดูแล้วโคตรตลกเลย
“บางทีฉันไม่ต้องพูดท่านโรซาเรียก็คงทราบ เรื่องของเนตรโลกาจำแลงนี่”
ไม่อะ จะรู้ได้ไงวะ ตูพึ่งห้าขวบ.. แล้วชื่อคุณพี่จะโคตรแปลกไปไหนวะ เป็นหมวกไม่ใช่เหรอคะแต่ทำไมเป็นเนตรไปได้คะ?
“ตามปกติแล้วคนเรานั้นจะได้ยินเสียงผ่านหู ได้กลิ่นผ่านจมูก.. แต่ทว่าเนตรดวงนี้”
ก็บอกว่าเป็นหมวก
“เนตรนี้จะได้ยินเสียงที่สั่นอยู่ภายใต้วิญญาณของผู้ที่รับกลิ่น”
“อิหยังของเอ็งวะเนี่ย”
เป็นดวงตาแท้ๆ แต่ยินเสียงเนี่ยนะ วอทท แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องกลิ่นวะเนี่ย ว่าแต่วิญญาณมีกลิ่นด้วยเหรอ แล้ววิญญาณนี่คืออะไรเนี่ย!
“และมันจะสะท้อนแสงออกมาเป็นสีที่แตกต่างกันตามจุดบนดวงตา ไล่ตามเฉดสี.. ยิ่งสีบางลงมากเท่าไหร่ยิ่งมีเชี่ยวชาญเวทมากเท่านั้น”
“เนตรนี้จะได้กลิ่นของมหาธาตุพื้นฐานทั้งสี่ของโลก.. ดิน น้ำ ลม ไฟ.. ไฟคือสีแดงว่างขึ้นจนกลายเป็นทองได้ตามจำนวนความถนัด น้ำคือสีน้ำเงินกลายเป็นฟ้าครามได้ตามความถนัด ลมคือสีเขียวเข้มกลายเป็น…. สีชมพู…”
“อืม ชมพูนั่นแหละ ส่วนธาตุดินคือธาตุที่หายากที่สุดจะเป็นสีอะไรก็ได้ ตามแต่สะดวก”
“ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้จะมีสี่ธาตุประกอบขึ้นในร่างกาย กล่าวง่ายๆ ทุกคนมีธาตุเหล่านี้หมด แต่การแสดงออกมาได้นั้นขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญ”
ก็ว่าง่ายๆ คือถ้าให้เช็คทุกคนคงมีแสงสีตามที่ว่าหมด แต่จะใช้ได้ไหมก็ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสีนั่นแหละน้า
แต่ว่า.. เมื่อกี้ที่ชะงักไปตรงธาตุลมจากเขียวไปชมพู เอ็งก็คงคิดเหมือนฉันละสิ ว่ามันไม่สอดคล้องอะไรกันเลยน่ะ
“เชิญสวมเนตรได้เลยเลย”
คนตรวจสอบยื่นหมวกมาให้ฉัน ห่างออกไปไม่มากมีคนใหญ่คนโตยืนมองฉันตาโต..อ้ะ จะว่าไป อิแบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันซวยแล้วเหรอ
ตลอดห้าปีที่เกิดมาฉันก็คุ้นชินกับเวทมนตร์พอสมควร แต่ตัวฉันเหมือนไม่มีคุณสมบัติในการใช้หรือสัมผัสได้เลย
ถึงคนพวกนี้จะเมากาวกันขนานหนักแต่เครื่องจักรไม่โกหกหรือเมากาวได้นี่น่าใช่มะ.. พอคิดได้แบบนั้นก็อดที่จะเหงื่อแตกไม่ได้
เพราะตอนนี้หมวก.. ฉันหมายถึงเนตรที่ได้ยินเสียงและได้กลิ่นสวมอยู่บนหัวฉันและเริ่มทำงานแทบจะทันที
วินาทีที่ฉันสวมหมวกนั้นเอง.. หมวกเหมือนสั่นเล็กน้อยส่งสัญญาณบางอย่างที่ต่อจากหมวกไปประมวลผลในลูกแก้วด้านหลังนั้นเอง…
“วู้บบบ”
หมวกและลูกแก้วเงียบลงและไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย… สีหน้าฉันแทบจะซีดเผือดลงในทันที
ไอ้มุกแบบนี้ที่เคยเจอในการ์ตูนบ่อยๆ ประมาณตัวเอกมีพลังเวทเยอะมากจนทะลุขีดจำกัดที่ลูกแก้วจะวัดได้
แต่ช้าก่อนนน พอมันเกิดอีเว้นแบบนั้นทีไรพวกตัวละครเกือบทุกตัวในเรื่องจะเริ่มยืนงงอยู่พักใหญ่ๆ แล้วก็จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจว่า
“ฮ่าๆ ยัยนี่ไม่มีพลังเวทเลยนี่หว่า กระจอกชะมัด”
ก่อนที่จะโดนตัวเอกโชว์พลังที่แท้จริงราวกับม้ามืด พอจัดการทุกคนถึงจะตระหนักด้วยความตกตะลึงว่า
“ไม่ใช่! ที่ลูกแก้วไม่ตอบสนองไม่ใช่เพราะไม่มีพลัง แต่เพราะมีมากจนลูกแก้วไม่สามารถประมวลได้ต่างหาก!”
“บ้าน่า แบบนั้นจะเป็นไปได้ไง!!”
รีแอคชั่นอะไรแบบนั้นน่ะ
แต่ความจริงคือฉันไม่มีพลังเวทจริงๆ ไง.. หากเจอแบบนั้นก็รับรองฉันนอนโลงชัวร์ ก็นะ ฉันนับเป็นสิ่งมีชีวิตไหมยังไม่รู้เลยเพราะไม่มีเผ่าพันธุ์
จะไปมีธาตุทั้งสี่ของสิ่งมีชีวิตพื้นฐานได้ไงล่ะ.. เพราะงั้นแหละผลลัพธ์มันต้องออกมาแบบนี้.. ถึงฉันจะไม่ชอบที่พวกนี้ซูฮกฉันยังกับอะไร
แต่ถ้าจู่ๆ มาหักดิบกันง่ายๆ แลบนี้มีหวังโดนปาดคอเสียประจานแน่เลย.. พึ่งเกิดมาแท้ๆ .. แต่ชีวิตก็ดันมาแขวนอยู่บนเส้นดายซะแล้ว
ซึ่งเกิดจากพวกนั้นมโนไปเองด้วยซ้ำ!
ในขณะที่ฉันคาดเดาฉากต่อไปแบบสูตรสำเร็จได้เป็นฉากๆ นั้นเอง… ทว่า…
“อะไรกัน?!”
“เป็นไปได้ด้วยเหรอ?!!”
“หน๊านิ๊”
ไม่รู้ใครอุทานคนแรก แต่ทุกคนเริ่มทยอยกันอุทานแบบนั้นตามกันเป็นทอดๆ…
“การที่เนตรไม่ตอบสนองหมายความว่าท่านโรซาเรียไม่มีธาตุที่เหมาะสมเหรอ.. ไม่มีทางอยู่แล้ว.. หมายความว่าพลังเวทเยอะไม่พอเธอยังเป็นคนที่เหนือแนวคิดเรื่องสรรพธาตุ!”
“ใช่แล้ว ต่อให้เป็นแมลงสาบยังมีความเข้ากับธาตุได้ ไม่มีทางที่ท่านโรซาเรียจะไร้ซึ่งความเชี่ยวชาญ!”
“เพราะเรายังไม่สามารถพัฒนาวิทยาการได้เทียบเท่ากับตัวตนของท่านสินะ!”
“อ่า พวกเราทำให้ท่าต้องอับอายเสียแล้ว”
ในขณะที่ฉันอยากจะตบมุกเป็นฉากๆ เช่นเรื่องที่ฉันด้อยกว่าแมลงสาบ.. แต่สิ่งที่หลุดมาในหัวฉันตอนนี้คือ
ที่เคยเดาไว้ก่อนหน้าผิดหมดเลย
ในใจก็ได้แต่พึมพำอย่างปลงตกว่า
อ้อ.. ไอ้ตูก็ลืมไปเลยว่า ตูอยู่ในโลกแบบนี้นี่หว่า….
…………