เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ - ตอนที่ 24 ดันเจี้ยนที่แท้จริง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ
- ตอนที่ 24 ดันเจี้ยนที่แท้จริง
บทที่ 24 – ดันเจี้ยนที่แท้จริง
ดันเจี้ยน.. ดันเจี้ยนเป็นสถานที่ซึ่งเป็นเหมือนโบราณสถาน ไม่มีใครรู้ว่ามันถือกำเนิดมาได้ยังไง และไม่รู้ว่ามันมีมาตั้งแต่ตอนไหน
บางทีอาจจะพึ่งโผล่ หรือบางทีอาจจะมีมาตั้งแต่แรกไม่มีคนทราบ.. ดันเจี้ยนนั้นหายากพอๆ กับงมเข็มในมหาสมุทร
ทั่วทั้งทวีปแห่งนี้บางทีดันเจี้ยนที่ค้นพบแล้วยังมีไม่ถึงสิบแห่ง.. แถมที่แห่งไหนที่มีดันเจี้ยน.. ที่แห่งนั้นจะกลายเป็นดินแดนที่รุ่งเรืองมาก
เพราะว่าดันเจี้ยนนั้นสามารถผลิตทรัพยากรจากการกำจัดอสูรหรือแก้ไข Puzzle ภายในนั้นได้
อีกทั้งดันเจี้ยนนั้นยังสามารถรีเซตตัวเองได้ตลอด.. กล่าวคือ.. มันคือแหล่งฟาร์มของชั้นดีที่สามารถฟาร์มได้แบบไม่มีสิ้นสุดนั่นเอง
เอ่อ ไม่มีที่สิ้นสุดอาจจะเกินจริงไป แค่อย่างน้อยดันเจี้ยนที่ไม่สามารถผลิตทรัพยากรในตอนนี้ก็ยังไม่มาถึง
แม้จะเป็นดันเจี้ยนที่ค้นพบมานานที่สุดอย่าง ดันเจี้ยนที่มีชื่อว่า ‘ดันเต้’ ปัจจุบันก็ยังไม่มีวี่แววว่าทรัพยากรที่ผลิตจากดันเจี้ยนจะหมด
ดันเจี้ยนนั้นมักปรากฏขึ้นหรือค้นพบจากใต้ดินเป็นซะส่วนใหญ่.. สองในสามดันเจี้ยนที่มีในตอนนี้ก็อยู่ใต้ดิน
แต่ดันเจี้ยนที่อยู่บนพื้นก็ใช่ว่าจะไม่มีหรอกนะ แต่ส่วนใหญ่มันจะเป็นทางทอดยาวลงไปใต้ดินอยู่ดีเลยถูกจัดว่าอยู่ใต้ดินในสองส่วนนั่นแหละ
ส่วนหนึ่งส่วนก็คือดันเจี้ยนลอยฟ้า.. ดันเจี้ยนลอยฟ้าที่ค้นพบตอนนี้มีเพียงแค่สองแห่งจากทั้งหมดเจ็ดแห่ง
และดันเจี้ยนที่ฉัน.. โรซาเรียผู้น่ารักคนนี้กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ก็เป็นดันเจี้ยนที่แปดซึ่งถูกค้นพบได้ไม่นานมานี้โดยเมอร์ลิน
และเมอร์ลินก็บอกว่าดันเจี้ยนนี้เธอพบมันนานแล้วแค่ไม่บอกคนอื่น เนื่องจากดันเจี้ยนนี้ต้องเข้าผ่านทางลับลงไปใต้ดินเธอเลยซ่อนมันไว้ได้นานเป็นร้อยปีแล้ว
ถามว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่เหรอ
ยังจะถามอีกเหรอ! แหงสิ เพราะฉันไปบอกว่าไม่ชอบงานนั่งโต๊ะยัยบ้าเมอร์ลินก็เลยพาฉันมาส่งที่ดันเจี้ยน
แน่นอนว่าที่ฉันมาเพราะไม่รู้ว่าจะมาที่แบบนี้ เห็นเมอร์ลินดูตื่นเต้นที่จะได้เซอร์ไพรส์ฉันก็เลยไม่ถามอะไรมาก
สุดท้ายก็พามาดันเจี้ยนที่แม้แต่เมอร์ลินก็ยังไม่เคยเข้า.. แถมพอมาส่งฉันเสร็จเจ้าตัวก็รีบแจ้นกลับโดยบอกว่า
เพราะตัวเองต้องทำหน้าที่จัดระเบียบกองทัพแทนฉันทั้งหมดเวลาเลยไม่มี แถมถ้าเธอไปด้วยอาจจะเป็นภาระฉัน
เพราะแบบนั้นก็เลยให้ฉันฉายเดี่ยว.. ส่วนนินจาสาว เธอชื่อว่าจิเสะก็เข้าร่วมไวท์บลูซึ่งเพราะมีเธอเลยมีหน่วยสายลับในกองทัพฉัน
และเพราะเธอต้องฝึกวิชานินจุทสึให้กับคนอื่นเลยต้องอยู่ฝึกที่นู้นกับคนอื่น.. จริงๆ ฉันไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะที่จิเสะเป็นนินจาได้
เพราะเธอมีเวทมนตร์วาปไปวาปมาได้ แถมยังรอบเร้นเข้าไปในที่ต่างๆ เป็นเวทมนตร์ที่แปลกดี ถึงเจ้าตัวจะเบียวแล้วบอกว่านี่ไม่ใช่เวทมนตร์
แต่เป็นวิชานินจาจากอีกทวีปต่างหาก เอาเถอะ เถียงกับจูนิเบียวไปเปล่าประโยชน์ฉันเลยไม่คุยประเด็นนั้นต่อ แต่อย่างที่บอก
จิเสะมีเวทมนตร์เหมาะสมกับการเบียวนินจา แต่คนอื่นนี่สิไม่มี.. แถมถ้าปล่อยให้จิเสะสอนคนอื่นคงโดนเชื้อเบียวไปแน่
แต่เหมือนเมอร์ลินจะเห็นชอบด้วยเหลือเกิน ทำให้ฉันพลาดโอกาสแย้งไป สุดท้ายได้แต่นั่งสวดภาวนาในใจว่า
“ขอให้ทุกคนอย่างโดนความเบียวสถิตในตัวเจ้า”
จากประสบการณ์คุยกับจิเสะมันทำฉันปวดหัวเหลือเกิน..
แล้วก็ช่างเรื่องนั้นไปก่อน ตอนนี้ฉันยืนอยู่ในดันเจี้ยนที่ไม่มีทางออกซะแล้ว.. เพราะเมอร์ลินจะเซอร์ไพรส์ฉันเลยพาฉันมาส่งในดันเจี้ยน
จนกลายเป็นว่าไอ้ฉันก็เสือกไม่รู้ทางออกอีก เดินสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้อีกเพราะด้านหน้าฉันเป็นทางเดินที่เหมือนเขาวงกต
มีซอยแยกซ้อนมากมาย แม้ตรงนี้จะไม่เห็นตัวประหลาดอะไรก็เถอะ แต่ตอนนี้ได้ยินเสียงประหลาดดังอยู่ตลอดเลยเว้ย
จะร้องแล้วนะเนี่ย!ฉันไม่ได้เก่งขนาดจะสู้ได้สักหน่อย!
จากคำบอกเล่าของเมอร์ลิน เธอบอกว่าอสูรในที่แห่งนี้ไม่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตที่มีกายเนื้อ เพราะหากกำจัดพวกมันแล้ว
พวกมันจะแตกกระจายเป็นแสงหายไป แถมออกนอกดันเจี้ยนไม่ได้ด้วย ถึงจะไม่เข้าใจการทำงานของพวกมัน
แต่ความคิดฉันคือเหมือนอยู่ในเกมเลย
แต่ทุกการโจมตีของพวกมันล้วนส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเวทมนตร์โดยตรง ว่าง่ายๆ คือพวกมันสามารถตีได้แม้แต่เวทมนตร์นั่นแหละ
แต่ฉันไม่มีเวทมนตร์เลยโชคดีหน่อย… ซะเมื่อไหร่ล่ะเฮ้ย! พวกมันตีได้ทั้งกายหยาบและเวทมนตร์นั่นแหละ สรุปคือ… ตายชัวร์
แม่มเอ้ย นึกถึงหน้าของเมอร์ลินภาพที่เธอมาส่งฉันก็ลอยขึ้นมาอีกรอบ
“อ้ะ ท่านแม่เปิดตาได้”
“แต้นแต่น!”
“ดันเจี้ยนแห่งที่แปดยังไม่มีชื่อค่า!!”
“ดันเจี้ยนยิ่งเวลาผ่านไปอสูรมอนสเตอร์ในนั้นจะยิ่งอ่อนแอลงหลังจากเกิดใหม่ แม้จะอ่อนแอลงทีละน้อยแต่ก็จะเห็นชัดว่าหากเทียบกับตอนค้นพบดันเจี้ยนครั้งแรกทุกๆ หนึ่งร้อยปีอสูรมอนสเตอร์จะอ่อนแอลงไปประมาณหนึ่งในสิบได้เลย”
“แต่นี่เป็นดันเจี้ยนโฉมใหม่ยังไม่เคยมีใครได้ลอง.. ข้าเองก็อยากจะลองอยู่แต่ตอนนั้นสัมผัสถึงแรงกดดันจากด้านในคิดว่าน่าจะเก่งมากเลยถอยออกมา”
“กล่าวคือ ท่านแม่จะ First kill พวกมันทั้งหมดได้ตามสบายเลยนั่นเองจ้า!”
“แถมถ้าเป็นท่านแม่คงเคลียร์สบายแน่ นอกจากนี้พวกมันไม่ถูกนับว่าเป็นเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่ง.. จึงบอกได้ว่าต่อให้ท่านแม่จะปาดพวกมันสักสิบรอบก็ไม่ทำลายสมดุลนั่นเอง”
“เอาล่ะ ข้ามีเรื่องต้องทำอีกงั้นข้าไปละนะ บัย”
ว่าแล้วก็วิ่งหายไป ….
“อิหยังวะ ยังตามไม่ทันเลยเว้ย กลับมาก่อน!! ของขวัญที่ว่าคืออะไรแบบนี้เรอะ ไม่เอาโว้ย!”
“นึกว่าเป็นชุดน่ารักๆ ที่เคยขอไปก่อนหน้านี้ ไหงกลายเป็นดันเจี้ยนอสูรไปได้วะเฮ้ย!!!”
และด้วยประการเช่นนี้ ฉันเลยถูกจับยัดเข้าดันเจี้ยนมาทั้งแบบนั้น ปักธงตายไว้รอได้เลย..
ก็แบบฉันสังเกตมาสักพักแล้วว่าคนในโลกนี้มันชอบมโนคำพูดฉันไปใหญ่โตจนทำฉันเหมือนเป็นคนสูงส่งเหนือใคร
ทั้งที่ฉันยังไม่ได้โชว์เทพอะไรเลย ความจริงก็ไม่มีอะไรให้เทพนั่นแหละนะ ซึ่งตามสูตรแล้วมันต้องโดนดูถูกแล้วค่อยเผยพลัง
สักพักคนก็จะอุทาน
“เจ้านั่น มีพลังมากขนาดนั้นเลยเหรอ!”
แบบนั้นนี่น่า.. แต่ทำไมฉันยังไม่ทำห่าอะไรเลยก็มีคนอวยเป็นตุเป็นตะ แถมไม่มีคอนเซปท์ที่ควรมีคือการโดนดูถูกด้วย…?
บางทีไอ้การที่ไม่เป็นแบบนั้นอาจจะเพราะคนในโลกนี้เมากัญชามากเกินไป.. แต่ใช่ นั่นมันในกรณีของคนที่มีสติปัญญา
ถ้าเจอพวกอสูรมอนสเตอร์ที่ไร้สติปัญญา อวยฉันเป็นตุเป็นตะ เมากาวไม่ได้.. ฉันก็คงต้องตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่
แต่ก็ยังดีที่ในโลกนี้ไม่มีพวกมอนสเตอร์ กระจายอยู่ตาม Map เหมือนในนิยายแฟนตาซีที่ฉันเคยอ่าน.. แต่ว่า..
ในดันเจี้ยนมันมีเนี่ยสิ! พวกอสูรมอนสเตอร์ในนี้มันไม่ได้มีสติปัญญากันด้วยซ้ำ แล้วฉันจะเอาอะไรไปรอดละวะ
ในขณะที่คิดบางอย่างอยู่นั้นเอง ห่างไกลออกไปพอสมควร ห่างจนฉันมองไม่เห็นนั่นแหละก็มีเสียงดังขึ้นอย่างรุนแรง…
“ตู้ม!!!”
………
ในขณะที่เมอร์ลินกำลังมุ่งหน้ากลับไปยังอาณาจักร เธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เลยพึมพำกับตัวเอง
“แต่จะว่าไป ไอ้กลิ่นอายที่น่ากลัวชวนขนหัวลุกทำเอาฉันไม่อยากสำรวจด้วยซ้ำตอนนั้น.. มันหายไปไหนแล้วนะ?”
หลังจากคิดไปทบทวนว่าไม่น่ามีคนเข้าไปยังดันเจี้ยนได้.. เพราะเงื่อนไขการผ่านประตูดันเจี้ยนมันค่อนข้างยุ่งยาก
แถมเป็นที่ลับตาคนเกินไปไม่น่าจะมีคนเข้าได้..
“อืม.. นั่นสินะ เงื่อนไขเข้าดันเจี้ยนนี่ถ้าไม่ใช่ข้าหรือความสามารถควบคุมเวลาคงไม่มีทางเข้าได้หรอก.. เพราะเงื่อนไขการเข้าก็คือ…”
อายุขัย.. เมอร์ลินไม่มั่นใจว่าตัวเลขต้องเท่าไหร่ แต่เท่าที่เธอเร่งอายุขัยของตนเองให้ยืดออกไปโดยไม่มีผลกระทบต่อตัวเองคือน่าจะมากกว่าหนึ่งหมื่นปี
แต่ที่ว่ามากกว่าไม่ใช่ว่ามันเลยไปเป็นสองหมื่นสามหมื่นอะไรแบบนั้น แต่อาจจะมากกว่าเป็นหลักล้านเลยก็ได้
เพราะว่าเธอเร่งอายุขัยแบบยืดทำให้เธอไม่สามารถระบุจำนวนอายุขัยหลังจากเกินหมื่นปีไปได้เฉยๆ
พอคิดได้แบบนั้นเมอร์ลินก็เลิกสนใจ…
…….
…..
“แหวะ.. รสชาติห่วยเป็นบ้าเลย”
หลังเสียงระเบิดดังขึ้นก็มีเสียงแหวะดังขึ้น.. มันเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูนิ่งๆ แปลกๆ
ผมสีแดงของเธอสยายออกไปพร้อมกับซากอสูรที่มีหน้าตาเหมือนกับงู แต่ทว่ามีปีกและมีหางสองหางแยกออกจากกันอย่างแปลกตา
แม้มันจะเป็นอสูรมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนแท้ๆ แต่กลับไม่สลายหายไปหลังจากตายไปแล้ว สังเกตดีๆ เลือดสีแดงของมันที่ไม่ควรมีกลับอาบไปทั่วทั้งห้อง
เป็นสีเดียวกับผมของเด็กสาว.. มุมปากของเธอมีเลือดไหลย้อยออกมา.. บนตัวของงูอสูรใกล้ๆ หัวมันมีรอยโดนกัดที่เหมือนมีลวดลายประหลาดปรากฏขึ้น
“ก็สัมผัสสัญญาณชีพได้อย่างเยอะ แถมอยู่ใต้ดินก็นึกว่าจะได้กินอะไรอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ หลังจากหลับไปนาน”
“แต่รสชาติเหมือนกินอะไรไม่รู้ฝืดปากชะมัด”
เธอเช็ดเลือดที่มุมปากเผยให้เห็นฟันที่แหลมคมยื่นออกมาจากฟันส่วนอื่นๆ…
“แล้ว.. คนอื่นไปไหนกันหมดนะ จำไม่ผิดฝากเด็กๆ ไว้กับยัยนั่นนี่น่า”