เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ - ตอนที่ 11 การท้าดวลที่แท้จริง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ
- ตอนที่ 11 การท้าดวลที่แท้จริง
บทที่ 11 – การท้าดวลที่แท้จริง
หลังจากที่โรเซลี่จากโรซาเรียไปเจ้าตัวก็รู้สึกเหงาเล็กน้อย ถึงโรเซลี่จะสภาพไม่ต่างจากคนอื่นในโลกนี้ แต่ว่าสำหรับโรซาเรียเด็กคนนั้นก็ทำให้เธอไม่เหงา
ก็นะ อยู่คนเดียวมันเหงาจะตาย.. แถมโรเซลี่ไม่ได้อาการหนักแบบเจ้ามิเกลที่เห็นโรซาเรียทีไรแทบจะต้องเอาหัวฟาดพื้นทุกครั้งไป
ในขณะเดียวกันที่โรซาเรียถูกโรเซลี่ทิ้งไปก็ผ่านมาแล้วหลายเดือนพอสมควร นับตั้งแต่วันนู้น พวกมิเกลก็ไม่เคยมาใกล้โรซาเรียอีกเลย
เพราะกลัวว่าจะโดนบันดาลโทสะใส่ละนะ.. และตอนนี้พวกเขาก็กำลังประชุมกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แต่ละคนเหงื่อไหลหยดย้อย.. มีผู้เฒ่าคนหนึ่งนั่งอยู่ปลายโต๊ะยาวตรงข้ามกับมิเกลแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่แม้แต่มิเกลยังให้เกียรติ
ผู้เฒ่าคนนี้เป็นสตรีอายุเยอะดวงตาของเธอผ่านโลกมาแล้วมากมายหลักร้อยปีอย่างแน่นอน
‘เฒ่าอมตะ’ นั่นคือฉายาของนาง.. ว่ากันว่านางฆ่าไม่ตายไม่มีใครสามารถฆ่านางได้ ไม่เคยมีใครชนะนางได้เช่นเดียวกัน
อีกทั้งอายุของนางก็อยู่ยงคงกระพันมามากกว่าสองร้อยปี แม้จะเป็นเผ่ามนุษย์ นั่นพิสูจน์ได้เลยว่าเธอเป็นหนึ่งในคนที่เห็นสงครามเมื่อร้อยปีก่อน
และในแดนมนุษย์คนที่อยู่สถานะเดียวกันกับนาง คงมีไม่มากเท่าไหร่นัก.. หญิงชรามองไปที่มิเกลด้วยสายตาที่ไม่มีความเคารพ
ยิ่งมีอายุมากผ่านโลกมาเยอะยิ่งทำให้เธอมั่นใจในตัวเองยิ่งกว่าอะไร จึงไม่แปลกที่เธอจะมีศักดิ์ศรีสูงเทียมฟ้า หยิ่งยโสโอหัง
“ผู้อมตะ… ได้โปรด…”
มิเกลกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก..มิเลนที่อยู่ภายใต้หน้ากากมิเกลแสดงสีหน้าไม่ค่อยชอบยัยแก่หนังเหี่ยวนี่อย่างชัดเจน
เพราะที่เธอขอกับอิแก่.. เอ้ย ผู้เฒ่าคนนี้คือช่วยฝึกผู้กล้าให้ที.. แต่ยัยเฒ่านี่กลับเรียกค่าสอนเป็นทรัพยากรแทบครึ่งประเทศ
ขนาดท่านโรซาเรียที่สูงศักดิ์ยิ่งกว่ายัยแก่หนังย่นนี่ประมาณสามร้อยล้านแสนหมื่นแปดล้านอีกสักประมาณร้อยรอบยังไม่สิ้นเปลืองขนาดนั้นเลย
นั่นคือในความคิดมิเลน.. แต่จริงๆ สนามฝึกพลังเวทนั้นมีค่าแพงกว่าประเทศขนาดใหญ่ประเทศหนึ่งเลยแหละ..
แน่นอนว่าแพงกว่าที่เฒ่าอมตะนี่เรียกร้องแน่ๆ แต่เหมือนมิเลนจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย.. ทุกคนที่ได้ยินข้อเสนอของยัยแก่หนังเฒ่านี่ก็รู้สึกหมั่นไส้หล่อนขึ้นมาพร้อมๆ กัน
แต่เป็นทีของโรซาเรียทุกคนต่างยิ้มแก้มปริเห็นด้วยนะ….
“ไม่ต้องพูดอะไรอีก ไม่มีเงินมากขนาดนั้นก็ไม่ต้องคุยกับข้า!”
เฒ่าอมตะกล่าวอย่างเย็นชา
“แต่ว่านี่เป็นโอกาสของเผ่ามนุษย์เรานะ! หากมีผู้กล้าเยอะกว่าพวกปีศาจได้ละก็….”
“เอาจริงๆ มนุษย์จะสูญพันธุ์ข้าก็ไม่สนหรอกเพราะข้าวิวัฒนาการขึ้นมาแล้วยังไงล่ะ”
“…?”
ทุกคนได้แต่มองยัยเฒ่าหนังเหี่ยวนี่พูดเพ้อเจ้ออะไรไม่รู้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหือกล้าอือกับเธอ
ตอนนั้นเองเหมือนเฒ่าอมตะจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“จะว่าไปพวกเจ้าเป็นคนคุมตัวไอ้คนนั้นไม่ใช่เหรอ ไอ้คนสังหารเทพอะไรนั่น ไปขอให้มันช่วยซะสิ เก่งนักเก่งหนาไม่ใช่เหรอ”
เธอพูดพร้อมหัวเราะก่อนจะพูดแถมว่า
“อ้อ คงสอนใครไม่เป็นละสิ ถึงได้มาขอให้ข้าช่วย”
“….”
ทุกคนไม่ได้พูดอะไรแต่ความเกลียดชังที่มีต่อยัยหนังเหี่ยวนี่พุ่งสูงทะยานฟ้า ถ้าพวกเขาเก่งกว่ายัยแก่นี่คงโดดใส่ไปแล้ว
สำหรับพวกเขาทุกคนในที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่เคารพโรซาเรียในฐานะผู้แข็งแกร่งอย่างเดียว สำหรับพวกเขาที่รู้จักท่านโรซาเรียมา
เธอเป็นคนที่ใจเย็นมีเหตุผลเสมอ ยกเว้นเวลาขอให้เธอทำนั่นทำนี่ให้อะนะ แถมไม่เคยมีท่าทางแบบนี้ด้วยซ้ำ
อีกทั้งคำพูดบางคำยังลึกซึ้งหาใดเปรียบ
อย่างจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า
“ทำไมฉันถึงสวยได้ขนาดนี้กันนะ? อ่าา มองกี่ทีก็น่ารัก แฮะๆ”
หนึ่งในคนคุ้มกันได้ยินแบบนั้น ช่างเป็นคำพูดที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าคำพูดมากด้วยปรัชญาเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่าใครบังอาจเข้าใจผิดว่าท่านโรซาเรียพูดว่าตัวเองสวยควรโดนตัดหัว
คนแบบท่านโรซาเรียไม่มีทางพูดอะไรเพ้อเจ้อและดูปัญญาอ่อนแบบนั้นแน่.. ถึงแม้จะเป็นความจริงที่ว่าเธอสวยสุดๆ
แต่คงไม่มีคนบ้าที่ไหนชมตัวเองหรอก ต่อให้มีก็คงเป็นการพูดติดตลกหรืออวดใส่คนอื่น แต่นี่พูดคนเดียวนะเหวย
หมายความว่ามันต้องเป็นสูตรอาคมชนิดหนึ่งที่ทรงพลัง เพราะหลังจากที่เธอพูดแบบนั้นแล้วเหมือนว่าบ้านทั้งหลังจะสั่นสะเทือนพอดี
นี่แค่คำพูดไม่มีการไหลเวียนของพลังเวทด้วยซ้ำ.. สาเหตุที่ไม่มีการไหลเวียนพลังเวทแท้ๆ เลยควรไม่น่าจะรู้ว่าการสั่นสะเทือนนี้มาจากไหน แต่ที่ทุกคนเข้าใจแบบนั้นเป็นเพราะคำพูดของเธอหลังจากนั้น
“อีกแล้วเหรอ ทำรุนแรงขนาดนี้มีหวังสักวันความแตกพอดี”
แสดงให้เห็นว่าเธอไม่อยากให้คนรับรู้ถึงความทรงพลังของตัวเอง!ช่างเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างถึงที่สุด
เธอคงกลัวว่าพวกเขาจะไม่กล้าคุยกับตัวเองเพราะลำพังเพียงแค่เสียงก็ยังทำบ้านสั่นสะเทือนได้จึงแอบฝึกคนเดียว
นับตั้งแต่วันนั้นพวกเขาจึงเคารพรักโรซาเรียยิ่งกว่าอะไร..
และยังจ้างผู้เชี่ยวชาญอาคมหรือวาจาสิทธิ์มาพยายามตีความคำพูดของท่านโรซาเรียเผื่อสามารถฝึกตามได้
แต่ไม่ว่าจะเอาใครมาก็น่าเสียดายที่ไม่มีใครเข้าใจว่า “ทำไมฉันถึงสวยได้ขนาดนี้กันนะ? อ่าา มองกี่ทีก็น่ารัก แฮะๆ” มันใช้รูปแบบอาคมยังไงถึงออกมาเป็นแบบนั้น..
แน่นอนว่าโรซาเรียไม่รู้เรื่องนี้ ถ้ารู้บางทีเธอคงเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี แถมตอนอวยตัวเองโรเซลี่ยังฝึกอยู่อีก
ชีวิต..
พอมองไปที่อิแก่นี่.. บังอาจเรียกค่าสอนเกินหน้าเกินตาไม่พอยังดูถูกท่านผู้นั้นอีก แม่งเอ้ยย
“ตูอยากเชือดอิเฒ่านี่”
“ใจเย็นก่อน หล่อนเป็นคนแก่เฉยๆ น่า”
“ก่อนบอกคนอื่น เอ็งเก็บมีดก่อนเฮ้ย”
ทุกคนกระซิบกระซาบกันด้วยความเกลียดชัง..แต่ในตอนนั้นเอง
“อะไร เรียกฉันเหรอ?”
วินาทีเดียวกันนั้นประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกพร้อมใครหลายคนที่เปิดประตูให้และมีเด็กคนหนึ่งเดินเข้ามา.. หมายถึงเด็กจริงๆ อ่ะ แค่เกือบๆ 7 ขวบเอง
ผมสีฟ้าไฮไลท์สีชมพูของเธอทำให้เด่นสะดุดตา ใบหน้าของเธอดูสงสัย.. ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าท่านคนนี้แม้จะแสดงสีหน้าเช่นนี้
แต่ทว่าเธอรู้ทุกอย่างแต่แรกแล้ว เพียงแต่เธอแค่ถามไปเพื่อให้รู้ว่าตัวเองคุยกับอีกฝ่ายอยู่เธอคือคนที่ฉลาดซึ่งเดาได้แม้แต่ความคิดคนอื่น
แต่เธอก็ยังคงพูดคุยเหมือนปกติ ราวกับปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามบทที่ตัวเองรู้แต่แรกแล้ว นั่นแหละคือความปราดเปรื่องของคนคนนี้
พอเธอเดินเข้ามาด้วยท่าทางเช่นนั้น มิเลนในร่างมิเกลเหงื่อแทบตกเพราะเขาไม่ได้โผล่หน้าไปหาท่านโรซาเรียนานแล้ว
เพราะครั้งก่อนเธอทำให้ท่านโรซาเรียโกรธจึงไม่กล้าไปเจอหน้า.. จนท่านโรซาเรียมาเองแบบนี้หมายความว่าเธออาจจะมาด้วยความโกรธ
เพราะปกติท่านโรซาเรียไม่ค่อยออกจากคฤหาสน์เท่าไหร่
“ท..ท่านโรซาเรีย ทำไมถึงมาที่นี่ครับ?!”
มิเลนกล่าวด้วยความสับสน รีบลุกออกจากเก้าอี้เดินไปคุกเข่าหน้าโรซาเรีย… ทว่าโรซาเรียที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้น
“ฉันบอกกี่รอบแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ นายเป็นราชาไม่ใช่หรือไง แถมมีคนอื่นอยู่ด้วยนี่”
“ตะ..แต่ว่า.. ท่านโรซาเรียทรงสูงศักดิ์…”
“เฮ้อ..”
โรซาเรียถอนหายใจออกมาแบบนั้น พอเธอถอนหายใจออกมาแบบนั้นเหงื่อมิเกลไหลยิ่งกว่าเดิมเสียงถอนหายใจนั้นราวกับแสดงถึงความผิดหวัง
พอเห็นมิเกลหน้าซีดลงโรซาเรียยิ่งทำสีหน้าแบบไม่เข้าใจมากกว่าเดิม..
“เจ้าน่ะเหรอ โรซาเรีย เดอ ออร์เลอองที่เป็นข่าว ร่ำลือกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาน่ะ?”
จู่ๆ เฒ่าอมตะก็เดินมาก้มมองโรซาเรีย..
ตั้งแต่ที่เฒ่าอมตะมายังที่แห่งนี้มิเกลก็ไม่เคยเคารพนอบน้อมกับเธอขนาดนี้เลย แต่พอกเป็นเด็กนี่เจ้าราชานี่กลับ…
แน่นอนว่าศักดิ์ศรีของเฒ่าอมตะร้อยปีมันไม่อาจโดนเด็กที่พึ่งเกิดเมื่อวานซืนเหยียบย่ำได้..หากเด็กไม่วานซืนได้รับความเคารพมากกว่า
เธอก็จะพิสูจน์เองว่าเหนือกว่า!
“ข้าในฐานะเฒ่าคนหนึ่ง ขอท้าเจ้าดวลแบบเท่าเทียม!”
“ห้ะ.. ฉันกับเธอน่ะเหรอ?”
โรซาเรียสะดุ้งตกใจถอยหลังหลายก้าว..ทุกคนในห้องยกเว้นเฒ่าอมตะยิ้มกันทุกคน.. สำหรับเฒ่าอมตะอาจจะมองว่าโรซาเรียกลัว
จริงๆ เธอก็กลัวนั่นแหละ หมายถึงกลัวจะพลั้งมือฆ่าคนเฒ่าคนแก่ตายน่ะ ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างพากันหลับตาแล้วก็อุทาน
“ขนาดคนแก่ร้อยปี ท่านโรซาเรียยังกลัวที่จะทำให้หล่อนบาดเจ็บเลย ทั้งที่หล่อนเก่งมากๆ คนหนึ่ง”
เฒ่าอมตะเห็นโรซาเรียถามเพื่อความมั่นใจเธอจึงพยักหน้า
“ใช่แล้ว”
“ไม่ไหวหรอกมั้ง”
โรซาเรียพูดพลางส่ายหน้า ทว่าคำพูดนั้นมันทำให้เฒ่าอมตะแทบเดือด.. นางกำลังโดนเด็กดูถูก!ในขณะที่เธอแสดงท่าทางโกรธเลือดออกหน้าชัดเจนเหมือนหมูเฒ่าทุกคนได้แต่ทำหน้าหน่ายใจ
“เอ่อ.. ฉันหมายถึงฉันนะที่ไม่ไหว ไม่ใช่คุณยาย โอเคไหม?”
โรซาเรียกล่าวเสริม.. ทว่านั่นมันเหมือนกับการพูดเพราะเห็นใจ เหมือนกลัวว่ายายเฒ่านี่จะเสียหน้า.. เลยพูดแบบนั้นออกมา ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเธอยอมเสียศักดิ์ศรีเพราะกลัวอีกฝ่ายตาย
นี่ยิ่งทำให้เฒ่าชราโกรธเข้าไปใหญ่.. อีกอย่างคำว่าเฒ่าแม้จะดูแก่เหมือนกันแต่หากเทียบกับคุณยาย หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเอาไปเทียบกับคนแก่แถวบ้าน ความโกรธจึงพุ่งปรี๊ดยิ่งกว่าเดิม
“ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจในตัวเองมากสินะ! ได้! ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักโลกกว้างเองยัยหนู!! แถมบังอาจเรียกข้าว่าคุณยายอีก!!”
โรซาเรียทำสีหน้าเหมือนจะพูดว่า…
“มาแบบอีกแล้วเหรอวะ!!! ฟังตูบ้างเส้!!”
………
[ชื่อตอนจริงๆ : มุมมองคนอื่นที่มองโรซาเรียในโลกนี้โดยเฉลี่ย — ผู้เขียน]