เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ - ตอนที่ 10 วิชาดาบที่แท้จริง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ
- ตอนที่ 10 วิชาดาบที่แท้จริง
บทที่ 10 – วิชาดาบที่แท้จริง
กลับมาที่ปัจจุบัน.. เพราะสถานการณ์แบบนั้นนั่นเองเลยทำให้ฉันได้รับไอ้นี่มานั่นแหละนะ และส่วนใหญ่คนที่ฝึกจะเป็นคารินซะมากกว่า
เมื่อเข้ามายืนในสถานที่ฝึกซ้อมฉันก็มองหน้าคารินที่มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าคาดหวัง.. รู้สึกแย่เป็นบ้าเลยเฮ้ย
ในขณะที่ฉันกำลังจะพูดอะไรโมเมสักหน่อย แต่คารินก็ยกมือขึ้นพร้อมพูดว่า
“เดี๋ยวก่อนค่ะ อาจารย์”
“อะไรเหรอ?”
ฉันมองไปที่เธอ เธอก้มหน้าลงเหมือนลังเลแต่ทว่าเธอก็พูดขึ้นว่า
“อาจารย์มีชื่อว่า โรซาเรีย เดอ ออร์เลอองใช่ไหมคะ?”
“ก็ใช่อยู่…”
ฉันพยักหน้าเริ่มรู้สึกแปลกๆ และก็อย่างที่คาดเอาไว้เข้าตัวก็เริ่มพูดขึ้นมาทันที..
“นับตั้งแต่วันที่ฉันได้รับสืบทอดวิชาจากอาจารย์มา พวกเราก็นับว่าเป็นคนสนิทชิดเชื้อกันที่สุดยิ่งกว่าครอบครัว… ยิ่งกว่าคนรักค่ะ!”
ไหงเป็นงั้นไปวะนั่น คารินไม่ได้มองมาที่ฉันแต่เธอหลับตาสาธยายถึงแนวคิดอันพิลึกของตนเองฉันมั่นใจว่าในโลกนี้ก็ไม่น่าจะมีแนวคิดแบบนี้อยู่
หมายความว่าหล่อนคิดขึ้นมาเองแน่ๆ
“เพราะว่าวิชาดาบก็เปรียบเหมือนโล่ป้องกันและอาวุธที่สำคัญที่สุดสำหรับนักดาบใช่ไหมคะ?”
“อืม..”
แต่ฉันไม่ใช่นักดาบนะเออ
“เพราะแบบนั้นแหละค่ะ วิชานี้จึงเปรียบเสมือนอีกครึ่งชีวิตของนักดาบค่ะ หากถูกล่วงรู้หรือถูกเปิดเผยชีวิตอาจจะตกไปอยู่ในอันตรายครึ่งก้าวเลยก็ว่าได้ค่ะ”
“….”
“ต่อให้เป็นคนรักอย่างมากก็แค่ช่วยกันยืนหยัดเอาตัวรอด หรือครอบครัวก็เพียงแค่มีสายเลือดเดียวกันไหลเวียนอยู่ ไม่มีทางที่จะลึกซึ้งไปกว่าความสัมพันธ์ของพวกเราแน่นอนค่ะ อาจารย์”
“….”
ตรรกะยัยเด็กนี่ชักดูน่ากลัวขึ้นมาจริงๆ แล้วนะเฮ้ย.. ว่าแต่ทำไมสายตาหล่อนทำไมถึงมองมาที่ฉันแบบนั้นห้ะ
ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนโดนจ้องจะเล่นงานนี่มันคืออะไรเนี่ย?! แต่ถึงฉันจะหวาดหวั่นพรั่นพรึงกับท่าทางของคารินเท่าไหร่เจ้าตัวยังคงสาธยายต่อไป
“กล่าวคือ.. ความสัมพันธ์ของเราไม่ต่างอะไรจากการแชร์ครึ่งชีวิตของตัวเองให้กันและกันค่ะ!”
“ดังนั้น.. นับตั้งแต่วันนี้ที่อาจารย์สอนวิชาดาบให้ฉัน ฉันจะกลายเป็นคนใหม่ค่ะ กลายเป็นลูกศิษย์ที่แท้จริงเพียงคนเดียวของอาจารย์ค่ะ”
“และเพราะแบบนั้น เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเกินจะบรรยายของพวกเรา ฉันจะถือกำเนิดใหม่ไม่ใช่คาริน หรือคนจากตระกูลเรเดส”
“แต่ฉันจะมีชื่อว่า โรเซลี่ เดอ ออร์เลออง ค่ะ!”
“อาจารย์จะยอมรับฉันเป็นศิษย์และมอบชื่อที่แท้จริงให้กับฉันหรือเปล่าคะ?”
….หนักอึ้งชะมัดเลยเฮ้ย แถมพูดซะดิบดีแต่ที่ฉันจะสอนมันคือวิชาที่มาจากหนังจากการ์ตูนที่ฉันเคยอ่านทำเอารู้สึกแย่ไปด้วยเลยไหมเนี่ย
อันที่จริงพอฟังหล่อนไป ฟังหล่อนมาฉันก็รู้สึกคล้อยตามนิดๆ หน่อยๆ.. นิดหน่อยจริงๆ นะเออ!
ว่าแต่เธอจะเปลี่ยนชื่อง่ายๆ งี้จริงอะ!…
แล้วพูดขนาดนี้ใครมันจะปฏิเสธลงละเฮ้ย อีกอย่างถ้าเจ้าตัวต้องการก็แค่เรื่องชื่อเอง ฉันเป็นคนที่สนับสนุนแนวคิดคนเราต้องเป็นนายของตัวเอง
ชื่อเองก็สามารถเลือกที่จะใช้ยังไงก็ได้ เพราะงั้นเองฉันจึงไม่ได้ติดอะไรมากเรื่องของชื่อ แต่เพื่อความแน่ใจฉันเลยถามเช็กอีกสักรอบ
“จะเอาจริงเหรอ?”
เพราะชื่อเองก็ถ้าเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนจริงจังอะนะ เพราะเป็นสิ่งที่แทนถึงตัวเราและพอฉันถามแบบนั้น
“อ้ะ.. หรือว่าฉันไม่เหมาะสมเหรอคะ?!”
“…ฉันไม่ได้บอกแบบนั้นสักหน่อย ฉันกำลังถามว่าเธอจะเปลี่ยนจริงเหรอ ชื่อเธอมันเป็นสิ่งที่คุณแม่ตั้งให้ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่มีใครสำคัญเท่าอาจารย์แล้วค่ะ!”
“อะ.. อืม”
เจ้าตัวพูดออกมาแบบนั้น ไม่รู้ว่าเข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดร้อยส่วนหรือเปล่า ประสบการณ์ที่ฉันอยู่กับเด็กนี่มาเธอทั้งใสซื่อและฉลาดในเวลาเดียวกัน
“เอาเถอะ ถ้าตัดสินใจแบบนั้นก็ตามใจ”
“ค่า!!”
ว่าแล้วเธอก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ.. ในขณะนั้นตัวฉันไม่ได้เข้าใจเลยว่าสิ่งที่ฉันพูดไปโดยไม่คิดอะไรมาก..
จะทำให้โลกทั้งใบเกือบถูกทำลาย… แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ตัวฉันในตอนนี้สามารถรับรู้ถึงมันได้แน่นอน
“เอาล่ะ งั้นมาเริ่มกันเลย”
“ค่ะ!”
ฉันดึงหน้าเข้มขึ้นมา.. แต่ว่านะ ถึงจะทำดึงหน้าเข้มไปแต่ฉันก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะสอนอะไรให้กับเธอ
ในขณะที่ครุ่นคิดและถูกมองด้วยสายตาคาดหวังนั้น.. ฉันก็ยิ่งพยายามทำความเข้าใจเค้นเอาความรู้เกี่ยวกับวิชาดาบที่เคยรู้มาออกมาให้หมด
แต่น่าเสียดาย ในโลกเดิมฉันเป็นทาสบริษัท ไม่ใช่นักดาบแห่งใต้หล้าอะไรเช่นนั้น เอาจริงนอกจากในการ์ตูนฉันก็ไม่รู้อะไรเลย
แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยไงว่าในหนังในการ์ตูนมันใช้ได้จริงมากแค่ไหน เผลอพูดออกไปชุ่ยๆ จนเจ้าตัวรู้สึกว่ามันปลอมละก็…
“เธอ.. ไม่รู้จริงเรื่องวิชาดาบใช่ไหม?! โกหกมาตลอดใช่ไหม?”
คิดว่าฉันจะหมายถึงอะไรแบบนั้นเหรอ ไม่หรอกฉันตามคนในโลกนี้ทันแล้ว โดยเฉพาะคาริน.. ไม่สิ โรเซลี่ที่นับถือฉันมาก
เจ้าตัวคงตีหน้าเศร้าแล้วทำประมาณว่า เพราะตัวเองอ่อนแอฉันเลยไม่สอนแบบจริงจังให้ อะไรทำนองนั้นแน่นอน
ซึ่งกลายเป็นว่ามันจะยุ่งยากกว่าเดิมเสียอีก ง
พอยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่..
“เอิ่ม.. วิชาดาบนั้นคือวิชาที่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ดาบเราก็สามารถทำให้เป็นดาบได้ จะค้อน จะธนูหรือจะขนมปัง!”
จู่ๆ ฉันก็นึกคำพูดคำหนึ่งจากการ์ตูนขึ้นมาแล้วก็พูดขึ้น.. แบบช่วยไม่ได้พลางแอบดูท่าทางของโรเซลี่
เพราะวิชาดาบที่ฉันพึ่งพูดไปมันเหมือนพลังพิเศษไปแล้วละนะ ฉันใช้แผนประมาณว่ายิ่งทำให้วิชาดาบดูยากเท่าไหร่ยิ่งจะทำให้เธอเข้าใจว่าวิชาดาบนั้นเจ๋ง
แต่เธอก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรกับคำพูดของฉันเลยแม้แต่น้อย
“โรเซลี่..?”
“เอ้ะ.. คะ?”
“ฟังฉันอยู่ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ.. ทุกคำเลย!”
“แล้ววิชาดาบที่ฉันพึ่งพูดไป…”
“ค่ะ พื้นฐานของวิชาดาบใช่ไหมคะ.. เอ้ะ หรือว่าอาจารย์จะถามว่าฉันทำได้ไหมงั้นเหรอคะ? .. แน่นอนว่าทำได้ค่ะ หลังจากที่รู้จักอาจารย์เพื่อที่จะฝึกกับอาจารย์ได้ฉันเลยฝึกตามจนทำได้ในหนึ่งปีค่ะ”
“.. อะ..อืม”
เออว่ะ.. โลกนี้มันโลกแฟนตาซีขนาดแท้นี่หว่า! หมายความว่าความแฟนตาซีในการ์ตูนในโลกเดิมฉันมันช่วยอะไรไม่ได้เลย
ไม่สิ! ก่อนอื่นเลยไอ้วิชานี่ยังเป็นวิชาสุดเทพในการ์ตูนเลยนะ แต่เจ้าตัวดันใช้ได้ตั้งแต่เด็ก.. หมายถึงเด็กไม่กี่ขวบด้วย
หน๊านิ๊!? นี่มันแฟนตาซียิ่งกว่านิยายแฟนตาซีอีกนะเนี่ย!
ก็ไม่แปลกหรอกโลกเดิมฉันไม่มีอะไรแฟนตาซีเลยได้แต่เพ้อฝันขึ้นมาเอาไม่แปลกที่จะทำให้ความปกติธรรมดาในโลกแฟนตาซี
เป็นสิ่งที่สุดยอดขึ้นมาได้…
แต่แบบนี้ไม่ว่าฉันจะรีดเค้นวิชาบ้าอะไรจากในการ์ตูนมาก็คงช่วยไม่ได้อะสิ.. แล้วจะทำยังไงดีละเนี่ย?!
“เอ้ะ.. ท่าทางแบบนั้นหรือว่า หนึ่งปีมันช้าไปเหรอคะ! นั่นสินะ ท่านอาจารย์ทำได้ตั้งแต่ทารกเลยนี่นะ!?”
“ฉันมันอ่อนหัดค่ะ!”
เผลอครู่เดียวก็จะกลับไปทางเดิมอีกแล้วเฮ้ย.. แถมผสมกับความลำบากในการสอนเพราะฉันไม่รู้ต้องทำไง
ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ.. สมควรค่าแก่การพักแล้ว…
“ไปฝึกตัดต้นไม้ต้นนู่นเลยไป.. ถ้าไม่ไหวก็ฟันอย่างอื่นที่ขนาด พอๆ กัน ก็พอ.. พอตัดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเธอก็เข้าใจแก่นแท้เองล่ะ”
เพราะความรู้สึกเหนื่อยแบบนั้นฉันเลยปลงแล้วก็พูดแบบนั้น..
สายตาของโรเซลี่มองไปทางที่นิ้วฉันชี้ไป.. ก่อนจะค่อยๆ แหงนมองขึ้นไปสูงขึ้น ซึ่งมันสูงกว่าต้นไม้ที่ฉันชี้ไปอีก
ฉันถึงกับหันไปดูอีกรอบ… เหงื่อฉันตกและรีบพูดแทบจะทันทีว่า
“เฮ้ย.. ฉันไม่ได้หมายถึงต้นนั้—”
“เข้าใจแล้วค่ะ ตัดต้นไม้อิกดราซิลใช่ไหมคะ!”
“ไม่—”
“สมกับเป็นอาจารย์เลยค่ะ วิชาดาบของอาจารย์ตัดต้นไม้ยักษ์นั้นได้จริงๆ ด้วยสินะคะ!”
“เดี๋ยว…”
“แต่ของที่ขนาดพอๆ กันมัน.. อ้ะ.. หรือว่าหมายถึงภูเขา?! ฉันต้องตัดภูเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตัดอิกดราซิลได้ใช่ไหมคะ?!”
“……”
“แล้วก็ปัญหาที่ตัวฉัน.. ที่อาจารย์บอกก่อนหน้านี้ถึงจะพอเข้าใจว่าเพราะฉันยังอยู่ในกรอบความคิดแคบๆ แต่พอตอนนี้ฉันรู้แล้วค่ะว่าตัวเองแคบขนาดไหน อาจารย์น่ะมองไกลถึงต้นอิกดราซิล แต่ฉันมองแค่ต้นไม้เล็กๆ ตรงนั้นสินะคะ แต่ตอนนี้เพราะคำพูดของอาจารย์ฉันถึงตระหนักว่าตนเองผิดตรงไหนทำให้มองเห็นต้นอิกดราซิลเหมือนอาจารย์แล้วค่ะ”
ตูต่างหากที่มองแค่ต้นไม้เล็กๆ ตั้งแต่แรกอะ
“สมกับเป็นท่านอาจารย์ของหนูเลยค่ะ กล้าที่จะตัดต้นอิกดราซิล.. ว่ากันว่าเป็นต้นไม้ที่เกิดจากเมล็ดพันธุ์ทั้งห้าของอิกดราซิลที่แท้จริง .. ซึ่งกล่าวกันว่าอิกดราซิลคือใจกลางของทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้ แม้แต่นอกทวีปที่ไร้สิ้นสุดก็ตาม หากตัดมันทิ้งก็คงไม่ต่างจากแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด!”
เออ เอาเข้าไป พูดให้หมด … หมดแล้วใช่ไหมงั้นฉันขอพูด…
“เอาล่ะ ห มดหรือยัง ฟังฉันพูดได้หรือยัง สิ่งที่ฉันจะบอกคือ..”
“ไม่ค่ะอาจารย์ ปัญหาคือตัวฉันค่ะ ฉันต้องตามหาค้นหาคำตอบวิชานี้ด้วยตัวเอง ถ้าหากอาจารย์สอนให้ทุกอย่างละก็.. ฉันก็คงไม่สามารถแก้ปัญหาตัวเองได้ค่ะ เพราะงั้นวิชานี้ฉันต้องบรรลุด้วยตัวเองค่ะ”
“…….”
ยังไม่ทันให้ฉันพูดอะไรเธอรีบแจ้นจากไปด้วยความไวปานแสง พอเวลาแบบนี้ก็ไปไวเชียว.. ก่อนที่ฉันจะได้ตั้งตัวอะไรภูเขาที่อยู่ใกล้ที่สุดในระยะสายตาฉันจะมีเสียงลึกลับดังขึ้น…
ไม่ทันได้หายใจ ภูเขาก็ขาดเหมือนกับโดนมีดตัดฉับเดียว..
เฮ้ย.. เอาจริงดิ..?
นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย
วอทดาฟาคค
………………………
หลังจากวันนั้น…. ภูเขาในอาณาจักรเกโบล์กถูกไล่ฟันจนเหี้ยนเตียนด้วยฝีมือใครไม่ทราบ ส่งผลต่อระบบนิเวศน์โดยรวมของสัตว์หลายชนิด จึงมีใบประกาศตามหาคนร้ายในครั้งนี้ และพยายามสร้างภูเขาขึ้นใหม่ ซึ่งโรซาเรียนั้นรู้ทันทีว่าต้นเหตุมาจากใคร.. เธอได้แต่ภาวนาว่าภูเขาหมดอาณาจักรแล้วให้โรเซลี่ไปเข้าโรงเรียนเสียที
………….
[นางเอก ? ✘✘✘ นางเหนื่อยแหละ ? ✔✔✔ … สงสารนางเอก ฮา… — ผู้เขียน]
[ว่าแต่ผมชอบอ่านคอมเม้นนะ เม้นเข้ามากันได้นะ ฮรืออ ไม่ได้อ่านเม้นแล้วจะลงแดง — ผู้เขียน]