เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 341 คงมิได้ทะลุมิติอีกหรอกนะ
ณ ทางเหนือของหลิงโจว บนสวรรค์บูรพา
ชายชราผู้มีใบหน้าตอบ ผมและหนวดขาวโพลนผู้หนึ่ง กาลังยืน อยู่บนเขาที่เขียวชอุ่ม
แม้ชายชราผู้นี้จะดูมีลักษณะเหมือนกับเซียน ทว่าเวลานี้ใบหน้า ของเขากลับเต็มไปด้วยความโศกเศร ้า
“ทีนี้จะทาเช่นไรดี ทาเช่นไรดีเล่า ! ”
“คาดมิถึงว่าการไปรับสมัครศิษย์ที่เมืองหลานซีครานี้ จะต้อง กลับมามือเปล่าอีกแล้ว”
“ที่แย่ที่สุดก็คือ นิกายกระบี่สวรรค์ได้ยื่นคาขาดมาว่า ครึ่งปีหลัง หากสานักบริวารระดับเก้าของนิกายกระบี่สวรรค์ มิสามารถส่งศิษย์
เข้าไปเป็ นศิษย์สายนอกของนิกายกระบี่สวรรค์ได้ สานักของเขาก็ จะต้องถูกยุบ”
“เจ้าพวกหน้าเลือดพวกนี้ แต่ละปีมิเพียงต้องมอบศิลาวิญญาณ ให้ 100 ก้อนแล้ว ทุก ๆ ห้าปียังต้องส่งศิษย์สายนอกไปให้พวกเขาอีก 1 คน นี่มิเท่ากับจงใจจะบีบสานักระดับเก้าให้ตายเยี่ยงนั้นหรือ ! ”
“ใช่แล้ว ส านักชิงหยางของเราแม้จะถูกลดระดับลงมาเป็ นส านัก ระดับเก้าก็จริง แต่เยี่ยงไรเสียสานักชิงหยางก็เคยเป็ นสานักระดับสาม มาก่อน มิหนาซ้าเมื่อสามร ้อยปีก่อนสานักชิงหยางยังเคยมีศิษย์คน หนึ่ง สามารถเข้าไปเป็ นศิษย์สายในของสานักนั้นได้อีกด้วย”
เอ่ยถึงตรงนี้ชายชราก็ขอบตาแดงเรื่อขึ้นมาอย่างอดมิได้ น้าเสียงแหบแห้งลง
ใช่แล้ว
ชายชราผู้นี้ก็คือเจ้าสานักชิงหยาง
นักพรตชิงอวิ๋น
ความจริงแล้วในหลิงโจวแห่งนี้ สานักระดับเก้าเช่นสานักชิงห ยาง เรียกได้ว่ามีอยู่มากมายจนนับมิถ้วน
และใน ‘สวรรค์บูรพา’ หรือที่คนในโลกบาเพ็ญเพียรด้านล่าง เรียกกันว่าสวรรค์นั้น
จะมีแคว้นอย่างหลิงโจวเกิดขึ้นมากถึงสามพันแคว้น เรียกว่ามี อยู่อย่างดาษดื่น
อีกทั้งแต่ละแคว้นยังมีพื้นที่กว้างใหญ่ เทียบเท่ากับโลกของผู้ บ าเพ็ญเพียรด้านล่างเลยก็ว่าได้
เพียงแต่สิ่งที่ต่างกันระหว่างสวรรค์บูรพา และโลกบาเพ็ญเพียร ด้านล่างก็คือ
บางแคว้นในสวรรค์บูรพาก็ถูกส านักเซียนยึดครอง บางแคว้นก็ ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์สวรรค์
นอกจากนี้บางแคว้นยังได้ถูกเผ่าปีศาจยึดครอง และบางแคว้นก็ มีมนุษย์และปีศาจอาศัยอยู่ร่วมกันด้วย
อาทิเช่น หลิงโจว
ที่ถูกสี่สานักเซียนใหญ่ยึดครอง โดยแบ่งออกเป็ น นิกายกระบี่ สวรรค์ วังเสวียนจี จวนหนานหลิง นิกายจื่ออวิ๋น
ส่วนสานักอื่น ๆ ที่อ่อนแอ หากอยู่ในเขตแดนของส านักเซียนใด ก็จาเป็ นจะต้องพึ่งพาหนึ่งในสี่สานักเซียนหลัก มิฉะนั้นก็จะต้องถูก กาจัดทิ้ง
และสี่สานักเซียนก็มีการประเมินและจัดอันดับสานัก ที่อยู่ในเขต แดนของพวกเขาอีกที
นั่ นก็หมายความว่า อันดับของสานักยิ่งสูง จานวนของ บรรณาการในแต่ละปีก็จะยิ่งมากขึ้น จานวนศิษย์ที่จะต้องส่งไปเป็ น ศิษย์สายนอกก็จะยิ่งมากตามไปด้วย
ส่วนสานักชิงหยางนั้น ถือเป็ นหนึ่งในสานักที่ต้องพึ่งพานิกาย กระบี่สวรรค์
ส่วนผู้บาเพ็ญเพียรที่ขึ้นมาจากโลกบาเพ็ญเพียรด้านล่าง
หลังจากที่พวกเขาก้าวข้ามประตูสวรรค์มาแล้ว ก็จะมิสามารถ เลือกได้ว่าจะถูกส่งให้ไปปรากฏตัวยังพื้นที่ไหนของทั้งสามพันแคว้น
อีกทั้งเนื่องจากมหามรรคาของโลกบาเพ็ญเพียรด้านล่างยังมิ สมบูรณ์ จึงทาให้หลังจากที่พวกเขาก้าวข้ามประตูสวรรค์มาแล้ว บางครั้งตบะบารมีที่มีอยู่อาจถูกมหามรรคาท าลายลง และท าให้ตบะ บารมีนั้นหายไปจนสิ้น
เช่นนั้นหากพวกเขาต้องการจะอยู่ที่สวรรค์บูรพา จึงจาเป็ น จะต้องเริ่มต้นเส้นทางการบาเพ็ญเพียรใหม่ โดยการเข้าร่วมสานักใด สานักหนึ่งเพื่อฝึกตนอีกครั้ง
นี่จึงเป็ นเหตุผลที่หลายวันนี้นักพรตชิงอวิ๋น ต้องวิ่งไปทั่วทุกเมือง น้อยใหญ่ในเขตของนิกายกระบี่สวรรค์
เพื่อรับสมัครศิษย์ !
แน่นอนว่าผู้ที่ขึ้นมายังสวรรค์บูรพานั้น บางครั้งก็ได้มีผู้บาเพ็ญ เพียรแปลก ๆ โผล่ขึ้นมาด้วย
นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่ข้ามประตูสวรรค์มาแล้ว มิได้รับ ผลกระทบจากมหามรรคาของสวรรค์บูรพา ตบะบารมีในกายก็จะ ยังคงอยู่
คนเหล่านี้ก็จะสามารถพัฒนาพลังของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มสายเลือดใหม่ให้แก่สวรรค์บูรพา
บ้างก็ถูกสานักเซียนที่แข็งแกร่งรับเข้าไป ก็จะได้รับตาแหน่งและ มีทรัพยากรที่ใช ้ในการบาเพ็ญเพียรให้ตามความสามารถ
นักพรตชิงอวิ๋นรู ้สึกลาคอแห้งผาก ขณะที่กาลังหยิบน้าเต้าใส่ สุราออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ และเตรียมที่จะดื่มนั้น
จู่ ๆ ก็มีภาพสุดตระการตาปรากฏขึ้น
เบื้องหน้ามิไกลออกไปนัก ได้มีไอสีม่วงจานวนมหาศาลพุ่งขึ้นมา อย่างกระทันหัน
เพียงพริบตาไอสีม่วงก็ค่อย ๆ ลอยขึ้น จนทะยานขึ้นไปนับหมื่นลี้ จนฉาบให้ท้องฟ้ าครึ่งหนึ่งกลายเป็ นสีม่วงได้ในพริบตา
ดูก็รู ้แล้วว่าปรากฏการณ์เช่นนี้ตระการตามากเพียงใด !
เห็นเช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็อดมิได้ที่จะตัวสั่นเทาขึ้นมา
วินาทีต่อมา ใบหน้าของเขากลับเต็มไปความยินดีในทันที
ปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้ จะต้องมีสุดยอดของวิเศษ ปรากฏขึ้นเป็ นแน่!
อีกทั้งที่นี่ยังเป็ นที่ที่ห่างไกลผู้คนอีกด้วย
นักพรตชิงอวิ๋นมาที่นี่ก็เพื่อต้องการระบายความอัดอั้นตันใจที่มี ต่อนิกายกระบี่สวรรค์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ออกมาไกลถึงเพียงนี้
แต่สุดท้าย เขาก็ได้พบกับปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่อขึ้น
เวลานี้ภายในใจของเขาจึงรู ้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็ นอย่างมาก
หากได้สุดยอดของวิเศษจากที่นี่ติดไม้ติดมือไปด้วย และ สามารถนาไปมอบให้กับหัวหน้าผู้เฒ่าของนิกายกระบี่สวรรค์
ถึงตอนนั้นสานักชิงหยางก็จะสามารถหลีกเลี่ยงหายนะ หรือมิ ต้องส่งของบรรณาการให้กับนิกายกระบี่สวรรค์อีกก็เป็ นได้
มิแน่ว่าหากโชคดีอาจได้รับการถ่ายทอดพลังโบราณ
และหากเป็ นสุดยอดของวิเศษที่หาได้ยากเล่า เช่นนั้นเขามิสู้หาย ตัวไปสักระยะ เพื่อฝึกฝนจนกลายเป็ นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง จากนั้น การจะขอเข้าไปอยู่ในสานักเซียนที่เหลืออีกสามแห่ง ก็คงมิใช่เรื่อง ยากอะไรอีกแล้ว
ถึงตอนนั้นก็แค่ย้ายสานักชิงหยางไปด้วยอย่างเงียบ ๆ แล้วสละ ต าแหน่งเจ้าส านักให้แก่ศิษย์เอกไปเสีย
เช่นนี้ก็มิถือว่าเขาทอดทิ้งสานักแล้ว และมิต้องคอยรู ้สึกละอาย ใจต่ออาจารย์ผู้ล่วงลับอีกด้วย
คิดถึงตรงนี้จู่ ๆ นักพรตชิงอวิ๋นก็ถึงกับอุทานคาที่มิเคยรู ้จัก ออกมาโดยมิรู ้ตัว
“เจ๋ง… เป้ ง ! ”
จากนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็ได้กระตุ้นพลังวิญญาณภายในกาย ขึ้นมา ก่อนจะเหาะไปตรงที่ที่มีไอสีม่วงลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง หลังจากเย่ฉางชิงก้าวข้ามประตู สวรรค์เข้ามา
เขาก็มิรู ้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จาได้เพียงตรงหน้ามืดลง จากนั้นเขาก็หมดสติไป
มาวันนี้เมื่อเย่ฉางชิงลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับพบว่าตนได้มาอยู่ใน ดินแดนรกร ้างว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
บรรยากาศเช่นนี้ทาให้เขาอดมิได้ที่จะคิดถึงอดีต ตอนที่เขา บังเอิญโผล่มายังโลกบาเพ็ญเพียรเป็ นครั้งแรก
และสิ่งที่คล้ายกับตอนนั้นเป็ นอย่างมากก็คือ
ในเวลานี้เขารู ้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งตัว ร่างกายราวกับถูกโดน รุมท าร ้ายมาก็มิปาน
และหลังจากที่เขาพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความลาบากแล้ว ก็รีบ ก้มไปส ารวจท่อนล่างของตนเองทันที
ยังอยู่ดี !
วินาทีต่อมา
“ใครบอกข้าได้บ้างเนี่ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วข้ามาอยู่ที่ ใดกัน ? ”
“หรือว่าที่นี่ก็คือสิ่งที่เรียกกันว่าสวรรค์เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“แต่ก็มิน่าจะใช่ ที่แห่งนี้ดูราวกับมิใช่แดนสวรรค์อย่างที่เคยคิด เอาไว้เลย ! ”
ตอนนั้นเอง เย่ฉางชิงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เขาจึงรีบเพ่งสมาธิ เพื่อจะใช ้พลังที่ควบคุมทุกอย่าง
ทว่าในตอนนั้นเอง กลับมีเพียงสายลมที่พัดผ่านไป
ต้นไม้เก่าแก่ข้างกายส่งเสียงกรอบแกรบขึ้นมาเบา ๆ ก่อนที่ใบไม้ สีเหลืองอร่ามจะร่วงหล่นลงมา
เย่ฉางชิง “……”
‘นี่มันอะไรกัน ? ’
‘หรือว่าเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ จะเป็ นเพียงความฝันจริง ๆ ? ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มันหลอกลวงกันชัด ๆ ! ’
คิดได้เช่นนั้น แม้แต่เย่ฉางชิงที่มีนิสัยสุภาพอ่อนโยนเป็ นนิจ ก็ยัง อดที่จะต่อว่าท่านเทพฉางชิงผู้นั้นมิได้
จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม
เย่ฉางชิงก็เดินโซเซมาจนถึงริมลาธารแห่งหนึ่ง
เขาจึงจัดแจงล้างหน้าล้างตาอย่างลวก ๆ จากนั้นก็กวักน้าลาธาร ที่เย็นสดชื่นขึ้นมาดื่มหลายอึก ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะค่อย ๆ คืนกลับมา
“ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? ”
“จริงด้วย ข้าคงมิได้ทะลุมิติอีกหรอกนะ ? ”
“……”
“……”
ระหว่างที่เย่ฉางชิงกาลังพึมพากับตัวเอง พลางมองไปรอบ ๆ นั้น
เขาก็ต้องเบิกตาโพลง เมื่อพบว่าข้าง ๆ เขาตอนนี้ได้มีชายชรา ท่าทางราวกับเซียนผู้หนึ่ง มาอยู่ตั้งแต่เมื่อใดมิทราบได้
แต่สิ่งที่ทาให้เขามิเข้าใจมากที่สุดก็คือ
เหตุไฉนชายชราผู้นี้จึงทาหน้าตาดุดัน พร ้อมกับจ้องเขม็งมาที่ เขา ราวกับเขาไปติดค้างอะไรเช่นนี้ด้วยเล่า