อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) - ตอนที่ 351
CE:บทที่ 351 เมินเฉย
บนโลกอินเตอร์เน็ท, ในเว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น การบอยคอตของพวกนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เพลงที่สองของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้ถูกอัพโหลดไป, แม้แต่คนที่ตอนแรกไม่ได้เข้าร่วมก็ยังไม่เริ่มที่จะอยู่เฉยๆ
ถ้าพวกเราปล่อยให้ A… พัฒนาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ, จุดยืนของพวกเขาคงได้สั่นคลอนแน่
เมื่อได้ฟังทั้งเสียงและบทเพลงของทั้งสองเพลงนี้ไป, ทําให้คนจํานวนมากต่างก็รู้สึกตัวเองด้อยค่าไปเลย
ในอนาคต, ถ้ามีบทเพลงที่ทําโดยA..ออกมา แล้วมีคนไปเอาตัวเองไปเทียบกับ A. ก็คงจะทําให้ตัวเองขายหน้าเสียเปล่าๆ
ในโรงเรียนสอนดนตรีแห่งหนึ่ง, มีกลุ่มนักดนตรีอาวุโสที่กําลังนั่งมองดูเหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอยู่
“พวกเธอก็ไปเข้าร่วมกับพวกนั้นสินะ, พวกเธอไปเข้าร่วมได้ยังไงกัน, พวกเธอกําลังทําให้พวกเราเสียหน้านะรู้มั้ย?”
“ไม่คิดที่จะเรียนรู้, แต่กลับจะหาแต่หนทางลัด, ทั้งๆที่พวกนายไม่คิดจะร้องเอง ก็กลับไปต่อต้านเขา, มีคนจํานวนมากมายที่อยู่วงการดนตรีที่เขาร้องเพลงได้เก่งกว่าและมีชื่อเสียงมากกว่าพวกนาย, ทําไมพวกนายไม่ไปบอยคอนคนพวกนั้นบ้างล่ะ?”
ลูกศิษย์คนหนึ่งโต้แย้งกลับมา ”อาจารย์ครับ, มันไม่เหมือนกันนะครับ? อันนั้นมันยังขับร้องโดยคน, ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็จะศึกษาแน่นอน, แต่นี่มันเป็นเครื่องจักรนะครับ, แถมมันยังสร้างดนตรีได้ทุกแนวด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกคุณจะให้นักดนตรีอย่างพวกเราทําอะไรล่ะครับ?”
“ถ้าพวกเธอยังมีความคิดแบบนี้อยู่, ก็อย่ามาเรียกพวกข้าว่าเป็นอาจารย์อีกเลย, เครื่องจักรนั้นก็ถูกสร้างโดยฝีมือมนุษย์, ถึงแม้ข้าจะเป็นตาแก่หัวรั้นก็ตาม, ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้คนหนุ่มอย่างพวกนายควรจะรู้ดีกว่าข้าไม่ใช่เหรอ? ถ้ารู้ว่าทําได้ไม่ดีเท่าเครื่องจักรล่ะก็ ก็ควรที่จะศึกษาให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้เอาชนะเครื่องจักรให้ได้ ไม่ใช่มาทําอะไรแบบนี้”
” ตาเฒ่าเฉียน, ตาเฒ่าเฉียน, อย่าดุด่าพวกเด็กนักเลย, พวกเขาก็แค่เหมือนคนมีไข้และไม่สามารถเลือกหนทางที่ถูกได้แค่นั้นเอง, สมัยพวกเรายังหนุ่ม พวกเราไม่เคยเจอปัญหาหรือเรื่องที่เกี่ยวของกับคอมพิวเตอร์มาก่อน แต่พวกเธอ เรื่องในครั้งนี้พวกเธอก็เป็นฝ่ายผิดจริงๆนะ”
“ทุกๆคนมีจะมีลักษณะเฉพาะของตัวเองเมื่อทําการบรรเลงดนตรี, ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเก่งกาจเพียงใดก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถมาแทนที่พวกเธอได้, เธอไปต่อต้านคนอื่นเพราะว่าเขาทําได้ดีกว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น วงการดนตรีจะพัฒนาไปได้อย่างไร, อย่ามาบอกว่าพวกมันเป็นแค่เครี่องจักร, ข้าไม่รู้หรอกนะว่า ทั้ง 2 บทเพลงนั้นถูกสร้างโดยเครื่องจักรจริงหรือไม่, แต่ต่อให้เป็นเครื่องจักรจริงๆ พวกเธอก็จะต้องดิ้นรนต่อสู้กับเครื่องจักรสิ ไม่ใช่ไปต่อต้านมันแบบนี้”
มีบางคนที่เริ่มฉุกคิดขึ้นมา และยอมแพ้ให้กับการกระทําที่ไร้ประโยชน์นี้, แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคิดจะทําต่อไป และหวังจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
ไม่ว่าอะไรเกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ป ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวใหญ่เสมอ, แล้วทําไมพวกเขาถึงคิดที่จะปล่อยโอกาสที่ดีแบบนี้ไป
จริงๆแล้ว, เดิมทีไอ้การบอยคอตครั้งนี้มันก็ดูแปลกๆแต่แรกอยู่แล้ว
มีเพียงคนโง่ไม่กี่คนบนโลกเท่านั้นแหละที่เห็นด้วย, แม้แต่พลเมืองเครือข่ายบางคนยังเห็นเลยว่าเรื่องนี้มันผิด
แต่การต่อต้านฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ยังคงดําเนินต่อไป, หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนที่โปรโมตตัวเอง, บ้างก็โฆษณาตัวเอง
ในการโจมตีในระลอกที่สองนี้, ทุกๆคนต่างก็คิดว่าทางฟิวเจอร์กรุ๊ปจะออกมาตอบโต้อีก แต่ทางฟิวเจอร์กลับไม่ได้มีท่าทีอะไรกลับมา
“ดูเหมือนผลกระทบจากการโจมตีในครั้งนี้จะยังไม่รุนแรงพอ ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปถึงได้นิ่งเฉยไม่ตอบโต้อะไร, ลูกพี่พวกเราไปเชียร์พวกเขากันเถอะ, เผื่อทางฟิวเจอร์กรุ๊ปจะปล่อยเพลงที่สุดยอดออกมาอีก”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้นหรอก, จากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นไม่ได้สนใจคนพวกนี้อีกแล้ว และดูเหมือนพวกเขาเองก็ไม่คิดที่จะเล่นดนตรีอีกแล้ว”
“เจ้าพวกนักดนตรีที่มาบอยคอตแบบนี้ได้เคยดูข้อมูลของทั้งสองบทเพลงของฟิวเจอร์กรุ๊ปกันบ้างรึยังนะ? ต่อให้เป็นแบบนี้ต่อไป การบอยคอตครั้งนี้มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี, ยิ่งไปกว่านั้น เหตุผลในการโจมตีฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น สงสัยสมองของพวกเขาคงมีปัญหาแล้วล่ะ”
“อย่าไปคิดจริงจังนักเลย, คนพวกนี้ก็แค่อยากดังเท่านั้นแหละ, พวกเขาก็แค่อาศัยชื่อเสียงของฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้นแหละ
พวกคนที่อยู่เบื้องหลังการบอยคอตครั้งนี้ก็เริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ, หลังจากที่การบอยคอตได้ถูกเผยแพร่ออกไป, มีคนมากมายที่มาสนับสนุนพวกเขาก็จริง แต่ทว่าก็มีคนที่ซื้อบทเพลงทั้งสองเพลงของฟิวเจอร์กรุ๊ปมีจํานวนมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
ส่วนพวกคนที่หวังจะสร้างชื่อเสียงจากการช่วยในเรื่องนี้ พวกเขาก็พบว่าทางฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ได้สนใจพวกเขาเลย
สําหรับเรื่องของการบอยคอตนั้น ได้มีบางคนได้คิดทําแบบสอบถามขึ้นมา และพบว่าผลตอบรับนั้นมีผู้คนที่เลือก “สมองมีปัญหา” เป็นจํานวนมาก
จึงได้มีการเรียกกลุ่มคนที่บอยคอตให้มารวมตัวกันอีกครั้ง โดยปราศจากการดุด่าจากผู้คน เพราะคนพวกนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว
ในปัจจุบัน, อัตราการแพร่หลายของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบําบัดในจีนนั้นอยู่ที่ 60% และจํานวนผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รักษาหายแล้วก็มีจํานวนถึง 100,000 คน
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของวัสดุเส้นใยพืช, ที่ถูกนํามาใช้ทดแทนพลาสติกที่ยากแก่การย่อยสลายและทําลายได้นั้น, ทําให้เหล่าชาวนาได้รับผลประโยชน์อย่างมาก
ถ้าเกิดได้พบผู้ป่วยเหล่านั้นที่ได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีการรักษาโรคมะเร็งของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น, หากกล้าที่จะบอกว่าบอยคอตฟิวเจอร์กรุ๊ปต่อหน้าคนพวกนี้, ก็คงจะโชคไม่ดีแล้วล่ะ
คนพวกนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนเดนตายของฟิวเจอร์กรุ๊ปเลยก็ว่าได้, ซึ่งก็มีนักร้องบางคนที่โดนล้อมด้วยเหล่าผู้สนับสนุนเหล่านี้
การบอยคอตดําเนินมาต่ออีกหลายวัน, เมื่อทุกคนคิดว่าได้เวลาที่ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปน่าจะตอบโต้บ้างแล้ว พวกเขาก็พบว่ามีข่าวใหม่ประกาศขึ้นมาพบเว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป
แต่กลับไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของดนตรี, แต่การทดลองเครื่องบําบัดน้ําเสียเสร็จสมบูรณ์แล้ว
“ช่างน่าอายยิ่งนัก, คนพวกนั้นได้แต่ก่อความวุ่ยวายหลายวันมานี้, แต่ดูเหมือนประธานบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปจะไม่ได้สนใจพวกเขาเลย แต่กลับไปศึกษาเทคโนโลยีใหม่อยู่”
“เชอะ, มันก็ดีแล้วล่ะที่จะไม่สนใจคนพวกนี้, เวลาของอัจฉริยะนั้นมีค่ามาก, ชั้นล่ะอยากพูดเหลือนเกินว่าทําไมทางรัฐถึงไม่ออกมาจัดการอะไรซักทีนะ, ปล่อยให้คนพวกนี้กระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ได้, ช่างน่าหยะแหยง”
“จากการศึกษาเจ้าอุปกรณ์บําบัดน้ําเสียนี่, ดูเหมือนมันจะมีแค่พืชกับหินบางอย่างเองนะ มันดูน่าที่งดีนะ, แต่ก็ไม่รู้ว่ามันทํางานอย่างไรนี่สิ”
“มันก็คงจะเป็นเหมือนในคําอธิบายนั่นแหละ, การวิจัยนี้ก็มีผลประโยชน์อย่างมากกับประเทศชาติและผู้คนอีกแล้ว, มลพิษในน้ํานั้นมันแย่เกินไปแล้ว, แม่น้ําที่อยู่หน้าบ้านฉันเดิมที่เคยใส และมีปลาแหวกว่าย, แต่ตอนนี้มีแต่ขยะเน่าเสีย”
หลังจากที่ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ประกาศเรื่องของเทคโนโลยีนี้ออกมา, จื่อหยงก็ได้รีบแจ้นมายังฟิวเจอร์กรุ๊ป
เรื่องของการบําบัดน้ําเสียนั้นเป็นปัญหาใหญ่เรื้อรังของจีนมานานแล้ว ถ้าเทคโนโลยีของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นสามารถแก้ปัญหานี้ได้ล่ะก็ มันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและผู้คนแน่นอน
ในห้องวิจัย, อู๋ฮ่าวเหรินมองดูผลการทดสอบคุณภาพของน้ําและทําความเข้าใจใหม่เรื่องของความสามารถในการขจัดสารปนเปื้อนของดอกหวายมลพิษและหินดูดซับพวกนี้
หินดูดซับนั้นทํางานได้ดีมาก แต่ดอกหวายมลพิษนั้นน่ากลัวเกินไป, อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกว่าถ้าเกิดปลูกมันไว้ในน้ําแล้วล่ะก็, อาจทําให้สารอาหารจําเป็นสําหรับสิ่งมีชีวิตอื่นหมดไปได้และอาจทําให้สมดุลของห่วงโซ่อาหารพังพินาศได้
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะทํา “การฆ่าเชื้อ” กับพืชชนิดนั้น เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงหายนะจากการรุกรานของพืชชนิดนี้
เมื่อรู้ว่าจื่อหยงนั้นได้มาที่นี่, อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้นําข้อมูลและเดินไปยังอาคารหลัก
“นี่คือข้อมูลของเจ้าสิ่งนี้, และพวกนี้คือตัวอย่างของหินดูดซับ ซึ่งต้องนํามาใช้ร่วมกับดอกหวายนี้ แต่ความสามารถในการกําจัดมลพิษของน้ําของเจ้าพืชชนิดนี้มันรุนแรงมากเกินไป, พวกคุณจะลองไปหาวิธีจัดการดูเองก็ได้นะ”
จื่อหยงยังรู้สึกงงๆอยู่, แต่เมื่อเขามองมาที่ข้อมูลก็พอที่จะเข้าใจความหมายที่อู๋ฮ่าวเหรินหมายถึงได้
มันสุดยอดก็จริง แต่ก็เป็นพืชที่ตะกละมาก, ถ้าไม่ควบคุมให้ดีๆ แล้วปล่อยให้พืชพวกนี้แพร่พันธุ์ในน้ําได้แล้วล่ะก็ คงได้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นตามมาแน่
” คุณสามารถควบคุมการแพร่พันธุ์ของเจ้าต้นนี้ได้มั้ย?”
“ก็ได้อยู่ เดี๋ยวผมจะให้เมล็ดพันธุ์และเทคโนโลยีของต้นไม้นี้กับคุณแล้วกัน ก็เหมือนกับเรื่องของวัสดุเส้นใยพืช พวกคุณไปจัดการเรื่องนี้กันเอาเอง
มันจะเป็นการดีกว่าที่จะให้ทางประเทศเองเป็นคนจัดการกับเรื่องนี้ อู๋ฮ่าวเหรินเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะมาจัดการกับปัญหาเหล่านี้
หลังจากที่ได้เผยแพร่ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับดอกหวายมลพิษและหินดูดซับไปแล้ว, มันคงจะทําให้บางประเทศอยากที่จะมาแอบดูแน่, ซึ่งในกรณีนั้น ก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการกับทางรัฐไป, เขาคิดที่จะใช้โอกาสนี้ในการเตรียมตัวเพื่อออกล่าสมบัติในทะเล