อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 51 ลูกค้าประจำและพี่สาว
ไม่ว่าจะคิดสักกี่ครั้ง ฉันก็ดีใจจริงๆที่ได้ทำงานที่นี่
แม้ว่าฉันมักจะออกไปข้างนอกและก่อปัญหาอะไรบ่อยๆระหว่างทำงาน มาสเตอร์ก็ไม่คิดจะไล่ฉันออกสักที
「นี่ คัตสึกิ」
「หือ?」
่ช่วงนี้พวกเอเลี่ยนก็บุกมากันบ่อยเหลือเกิน พอมีเวลากลับมาทำงามก็ต้องตั้งใจกันหน่อย ทว่าอยู่ดีๆอัลฟ่าก็เรียกฉัน
เธอเองก็สวมชุดกันเปื้อนของพนักงานร้านเช่นเดียวกับฉัน
「ถ้านายเลี้ยงสัตว์ได้อยากจะเลี้ยงอะไรเหรอ?」
「สัตว์เลี้ยงเหรอ? หรืออัลฟ่าอยากจะเลี้ยง? แต่น่าจะยากหน่อยนะเพราะพวกเราอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์」
「ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแบบมีชีวิตจริงๆสักหน่อย…ประมาณว่า…เป็นตุ๊กตาพูดได้อะไรทำนองนั้นน่ะ」
「ตุ๊กตา?」
เธอหมายความว่ายังไงกัน?
เอาเป็นว่าอัลฟ่าคงอยากจะเลี้ยงตุ๊กตาสัตว์อะไรนั่นสักตัวสินะ
ด้วยอายุของเธอแล้วคงไม่แปลกมั้ง แต่ทำไมมาถามฉันล่ะ
「ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ กำลังวางแผนจะเก็บเงินซื้ออยู่เหรอ?」
「มะ-ไม่ใช่แบบนั้น คือว่า นายทำโปรโตเชนเจอร์ที่นายใช้แปลงร่างได้ไหม?」
「อ้อ ได้สิ ที่มันมีAI เด็กน้อยถูกติดตั้งไว้สินะ?」
「อื้อๆ」
หลังแน่ใจว่าลูกค้าไม่มีแล้ว อัลฟ่าจึงพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนั้นจำได้ว่าฉันถูกเรมะขอให้ทดสอบสูทอัพเกรดของอัศวินดำที่หายตัวไป ทว่าฉันไม่สามารถควบคุมมันได้ดั่งใจเลย จะว่าไปที่แปลงร่างเหมือนนาฬิกาข้อมือนั่นก็พูดกับฉันด้วยนี่เนอะ
「ดูเหมือนว่ามันอยากจะคุยกับนายน่ะ….」
「ก็เอาสิ」
「จริงเหรอ? ค่อยยังชั่ว ถ้างั้นเดี๋ยวฉันบอกเรมะให้」
โปรโตเชนเจอร์
ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรน่าสนใจรออยู่แล้วสิ
「โฮ่ๆ คุยกันสนุกปากเชียวนะ แต่ก็อย่าทำตัวขี้เกียจเพียงเพราะไม่มีลูกค้าล่ะ」
「เข้าใจแล้วครับ」
มาสเตอร์ที่กำลังตรวจวัตถุดิบอยู่ในครัวยื่นหัวออกมาเตือน
ถึงพวกเราจะคุยกันแต่มือก็ไม่ได้หยุดทำความสะอาดสักหน่อย
「จะว่าไปไอ้หนุ่มนี่ พักนี้คงจะได้ใช้ชีวิตอย่างแสนสุขแล้วล่ะสิ?」
「อะไรกันล่ะครับ อยู่ดีๆก็」
「รู้สึกว่าช่วงนี้พวกสาวๆมักจะมาที่ร้านเพื่อหานายบ่อยๆนะ คงไม่พ้นเรื่องรักๆใคร่ๆแหง คือไอ้ฉันก็ไม่ได้อยากจะไปยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอก แต่ระวังเอาไว้ก็ดีล่ะ」
「ทำไมถึงคิดไปแบบนั้นได้ล่ะครับ มาสเตอร์」
มาสเตอร์คงจะล้อเล่นแน่ๆ ดูสิพูดไปก็ยิ้มไปด้วย
อัลฟ่าที่ฟังอยู่เงียบๆมาจนถึงเมื่อกี้ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นบ้าง
「มาสเตอร์เองก็ไม่ต่างกันนี่」
「……อะไร คิดจะหาเรื่องกันเหรอ?」
「หวายยย น่ากลัวจัง」
อัลฟ่ารีบหนีไปซ่อนข้างหลังฉันพร้อมกับพูดอย่างสั่นเครือ
ทำไมถึงมาใช้ฉันเป็นโล่กันน้อ แต่ฉันก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดว่าไม่นานมานี้มีคนมาจีบมาสเตอร์
「ฮ่าๆๆ ผมก็ไม่คิดว่าคนคนนั้นจะเป็นคนเลวร้ายอะไร….」
「อย่ามาล้อกันเล่นนะเห้ย ไอ้นั่นน่ะเป็นสิ่งที่น่ากลัวอันดับสองเท่าที่ชีวิตฉันเคยเจอมาเชียว……」
แล้วอันดับหนึ่งคืออะไรนะ?
คิดแล้วก็สงสัย
ทว่าระหว่างนั้น ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่ม
เมื่อคิดว่าเป็นลูกค้า ฉันจึงหันกลับไปเพื่อต้อนรับ
「กลับมาแล้วจ้า」
「ชิบ!? มาแล้วเหรอฟะ!?」
คนที่เข้ามาคือชายร่างใหญ่ที่สูงเกือบ2 เมตร
รูปร่างล่ำสัน สวมเสื้อผ้าสีฉูดฉาดอย่างเสื้อเชิ้ตสีม่วงกางเกงสีแดง เดินก้าวเข้ามาในร้านอย่างมีชีวิตชีวา
「สวัสดีครับ ซันนี่ซัง」
「สวัสดีจ้า! นายนี่สุภาพน่ารักเสมอเลยนะ ฉันละมีความสุขจริงๆ!!」
ถึงจะเรียกว่าผู้ชาย แต่เสื้อผ้า คำพูด การกระทำของเขานั้นไม่เหมือนเพศสภาพแน่นอน
ฉันก็ไม่รู้จักชื่อจริงของเขาหรอก แต่เขาขอให้ฉันเรียนกเขาว่าซันนี่ เขาเป็นลูกค้าที่มาร้านกาแฟค่อนข้างบ่อย นับตั้งแต่เดือนก่อน
「ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?」
「อ้า! คนในที่ทำงานฉันไม่เห็นจะทักฉันเลยสักครั้ง แถมยังเมินกันอีกต่างหาก!!」
เขาจะแวะมาร้านทุกๆสามวัน ดังนั้นฉันจึงจำเขาได้ค่อนข้างเร็ว ยิ่งด้วยรูปร่างหน้าตานิสัยของเขาทำให้ฉันเข้ากับเขาได้ง่ายด้วย
เป็นคนสบายๆกว่าที่เห็น หลังทักทายกันเสร็จ สายตาของซันนี่ซังก็หันไปทางอัลฟ่าข้างๆฉัน
「แหม่ อัลฟ่าจัง! ไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังคัตซึกิคุงอีกแล้วเหรอ!! น่ารักจริงๆ!!!」
「แงงงงง……!!」
อัลฟ่าไปซ่อนอยู่ข้างหลังของฉันก่อนส่งเสียงขู่ใส่อีกฝ่าย
ทั้งที่ปกติเธอจะทักทายลูกค้าคนอื่นด้วยรอยยิ้มแท้ๆ แต่รายนี้เธอกลับแปลกไป
「เดี๋ยวเถอะ อัลฟ่านี่ต่อหน้าลูกค้านะ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่อัลฟ่าเค้า…」
「หุหุหุ ฉันไม่เป็นไร ผู้หญิงที่ดีน่ะเค้าไม่มากังวลอะไรเล็กๆน้อยๆหรอก」
「เป็นผู้ชายแท้ๆ……」
「หือ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?」
ฉันหันกลับไปถามอัลฟ่าที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง
ซันนี่ซังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่เขานั่งประจำ
「อัลฟ่าจะเกินไปหรือเปล่า?」
「มันเป็นไปเองนี่นา」
「แต่ถ้ามาเกาะฉันอยู่แบบนี้มันทำงานลำบากนะ….」
ระหว่างที่ฉันยื่นเมนูกับน้ำให้เขา อัลฟ่าก็เกาะฉันไม่ห่างไปไหน
「มาสเตอร์ก็ยังหล่อเหลาเหมือนเคย」
「หยุดพูดอะไรน่าขนลุกสักทีเจ้าโยไค……จะสั่งอะไรก็รีบๆสั่งมา」
「ฉันไม่ใช่พวกโยไคอะไรนั่นสักหน่อยโถ่」
「ผู้ชายตัวยักษ์กล้ามโตขนาดนี้จะเป็นอะไรไปได้นอกจากโยไคล่ะ」
แม้มาสเตอร์จะพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมา แต่ซันนี่ซังก็ยังยิ้มไม่เปลี่ยน
「ทำมาเป็นพูด พ่ อ ห นุ่ ม ขี้ อ า ย」
「คัตสึกิ!! เอาเกลือมา!! ขอเกรดอุตสาหกรรม!!」
「เดี๋ยวสิครับ จะมาทำกับลูกค้าแบบนี้ได้ยังไง!!」
「ลูกค้าบ้าอะไร ไอ้หมอนี่มันมนุษย์กลายพันธุ์ชัดๆ!!」
อะไรของเขากันเนี่ย?!
ฉันเข้าไปหยุดมาสเตอร์ที่โมโหจะเอาเกลือออกมาสาด ก่อนจะย้ายเขาไปนั่งสงบสติตรงเคาเตอร์
「ต้องขอโทษเรื่องที่มาสเตอร์พูดด้วยนะครับ ซันนี่ซัง」
「ฉันเป็นคนก่อเรื่องเองด้วย ไม่ต้องขอโทษหรอก งั้นขอสั่งเมนูเลยได้ไหม?」
เมนูที่เขาสั่งคือ กาแฟเบลนด์เย็น ฉันเอาเมนูบอกไปกับมาสเตอร์ เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวในร้านที่ทำได้ ไม่กี่นาทีต่อมา กาแฟก็ถูกวางไว้ตรงหน้าของซันนี่ซัง
「หุหุหุ กาแฟแก้วนี้รักที่สุดเลย」
「ฉันได้ถั่วมาด้วย เอาสักหน่อยไหมเจ้าสัตว์ประหลาดนี่!」
「ภายในใจของหญิงสาวย่อมมีสัตว์ร้ายซ่อนอยู่เสมอจ่ะ」
「……ฝากที่เหลือด้วย คัตสึกิ」
อยู่ดีๆฉันก็โดนทิ้งให้จัดการที่เหลือแทน
「ถึงมาสเตอร์จะไม่พูดออกมา แต่เขาคงดีใจแหละครับที่คุณชอบกาแฟเขาขนาดนี้」
「ฟุฟุ」
ฉันพูดออกมา ทางซันนี่ซังก็ยิ้มให้พร้อมพยักหน้า
ในขณะเดียวกันอัลฟ่าก็ดึงชายเสื้อฉันเหมือนเด็กน้อย
「อิจฉาเหรอจ๊ะ ไม่ต้องห่วงหรอก คัตสึกิจึงไม่ใช่เป้าหมายของฉันสักหน่อย」
「พูดอะไรของนาย……」
「เพราะว่าหัวใจของฉันมีไว้เพื่อมาสเตอร์คนเดียว」
「อึก……」
มาสเตอร์หนีซีดแล้ววิ่งหนีเข้าครัว
ซันนี่ซังก็ทำได้เพียงยิ้มส่ง
「หากแหย่มากไป มันจะไม่ดีเอานะครับ」
「ฟุฟุฟุ ก็ปฏิกิริยาของเขาดูน่ารักมากนี่นา」
「มาสเตอร์ก็เป็นชายหนุ่มบริสุทธิ์เกินจะรับมืออะไรพวกนี้ด้วย」
ฉันรู้อยู่แล้วว่าซันนี่ซังเองก็เข้าใจ แต่แค่อยากแกล้งเฉยๆ
จากนั้นบทสนทนาของพวกเราก็หยุดลงไป
แต่อัลฟ่ากลับยังเกาะฉันไม่ห่าง
「พักนี้พวกเอเลี่ยนมาบุกกันบ่อยเหลือเกิน」
ซันนี่ซังพูดขึ้นหลังเงียบไปสักพัก
「นั่นสินะครับ….ผมเองก็อยากให้มันจบลงสักที」
「ใช่ไหมล่ะ ฉันละไม่ชอบเลยสักนิด」
เมื่อเขามองไปยังหยดน้ำที่ไหลจากแก้ว สีหน้าของเขาก็ดูเศร้าหมองเล็กน้อย
「ทั้งที่ทุกคนควรจะลืมเรื่องการต่อสู้ไป แล้วมาใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขจะดีกว่าแท้ๆ」
「ฮ่าๆๆ ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีสิครับ….」
「ของแบบนี้มันก็คงต้องพยายามกันสักหน่อยเนอะ….คิดว่างั้นไหม?」
ฉันรุ้สึกแปลกนิดหน่อยกับคำพูดของเขา
แต่ก็คงคิดมากไปเอง ดังนั้นฉันจึงตอบกลับไปอย่างปกติ
「หากอีกฝ่ายคิดแล้วหาทางหยุดทะเลาะกันได้น่าจะดี」
「….ก็นั่นสิน้า คัตสึกิจังเองก็คงจะมีเรื่องที่ปล่อยผ่านไม่ได้เหมือนกัน แต่ตรงจุดนี้ฉันก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ!!」
「เอ่อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะครับ」
ไม่เข้าใจเลยสักนิด
หลังจากได้ยินคำพูดประหลาดของเขาไป ซันนี่ซังก็ดื่มกาแฟเสร็จแล้วยืนขึ้น
「อยู่ที่นี่นานไปก็ไม่น่าจะดีนัก เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับของอร่อยนะ เช็คบิลเลยได้ไหม?」
「อ้อ ครับ」
หลังจากเงินเสร็จ ซันนี่ซังก็มองมาที่อัลฟ่ากับฉันแล้วยิ้มออกมา
「คัตสึกิจัง อัลฟ่าจังฉันไปก่อนน้า」
「ครับ ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้า」
「แง่งงงง……!」
ยังขู่ไม่เลิกอีก
เธอเป็นลูกสุนัขหรือไง
ฉันมองซันนี่ซังออกจากร้านไป ก่อนจะถอนหายใจ
「ซันนี่ซังนี่เป็นคนที่ธรรมดาจริงๆ」
「ฉันว่าหมอนี่น่าสงสัยออก」
「เดี๋ยวเถอะ นั่นหยาบคายนะ เลิกสงสัยเขาได้แล้ว」
「ง้าาาา」
ฉันดึงอัลฟ่าออกจากตัวเอง แล้วกลับไปทำงานอย่างตั้งใจ
ยิ่งใกล้เที่ยงแล้วด้วยสิ คงต้องเร่งมือหน่อย
***
【ชุดสูทมาตรฐาน NO 1078 เปิดการใช้งาน】
【ทำการเชื่อมต่อลำตัวเสร็จสิ้น อรุณสวัสดิ์ค่ะ มาสเตอร์】
「อ้า อรุณสวัสดิ์ กว่าจะเชื่อมร่างใหม่เสร็จ…」
คอกับลำตัวเชื่อมติดกันเรียบร้อยแล้ว สัมผัสของร่างกายที่คืนมามันเยี่ยมแท้
เนื่องจากการต่อสู้คราวก่อน ฉันเสียร่างกายไปให้กับอัศวินขาวที่ถูกปลุกพลัง จนเหลือแค่หัว เลยต้องใช้เวลาสักพักในการสร้างร่างใหม่
รู้สึกดีชะมัด ที่แผนวางไว้เป็นไปตามเป้า….
「เป็นยังไงบ้างคะ?」
「ก็ไม่เลว MEI สถานการณ์บนยานเป็นยังไงบ้าง….」
「บริเวณที่พี่สาวของท่านพักอยู่ สภาพเป็นไปตามที่ท่านคิดไว้ค่ะ」
「ให้ตายสิ ยัยไฟฟ้านั่น……!!」
เมื่อฉันมองไปยังภาพจากกล้องที่ฉายอยู่ก็เห็นสภาพทางเดินยานถูกเผาจนเกรียม การตงแต่งภายในที่ฉันทุ่มเทออกแบบด้วยตัวเองก็ไม่เหลือชิ้นดี
「ทำไมยัยบ้านั่นถึงไม่สวมสูทออกแบบพิเศษกันฟะ…!!」
「พี่สาวของท่านบอกว่ามันไม่น่ารักค่ะ」
「อึกกกก….!! เย็นไว้! ตูคือเครื่องจักร ทั้งร่างก็สร้างมาจากเครื่องจักร จะปล่อยให้อารมณ์บ้านี่มากวนใจไม่ด้ายยยยยย…!!」
ทำไมยัยนี่ต้องมาทำลายยานฉันทุกครั้งที่โผล่หน้ามาด้วยฟะ…!!
ถึงจะพอมีสามัญสำนึกขั้นต่ำที่สุดอย่างการไม่ไปแตะแถวแกนพลังงานของยาน แต่นอกเหนือจากที่นั่น ยัยบ้านี่ชอบเดินเตร่ไปทั่วและทำลายทุกอย่างรอบตัว เรียกว่าเป็นหายนะเดินไปของจริง
「ท่าทางจะรู้แล้วว่ามาสเตอร์ฟื้น อีกไม่น่าจะมาถึงค่ะ」
「MEI เตรียมตัวหรือยัง?」
「ค่ะ ตอนนี้ฉันได้ใส่ชุดสำหรับป้องกันกระแสไฟฟ้าแบบพิเศษที่ปล่อยมาจากพี่สาวท่านแล้ว แม้จะไม่สามารถกันได้ทั้งหมด แต่ก็พอจะลดทอนผลกระทบพอให้ทำงานได้ตามปกติค่ะ」
「ก็ดี……」
ร่างกายของฉันก็กลับมาพร้อมแล้ว
ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็เกิดเสียงดังลั่นขึ้น พร้อมกลุ่มก้อนพลังงานที่ก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์
『เจม ดีใจจริงๆที่ฟื้นได้สักที! โถๆ รู้หรือเปล่าว่าฉันเสียใจขนาดไหนที่ต้องเห็นนายในสภาพเหลือแต่หัว ถึงจะรู้ว่าเดี๋ยวก็กลับมาต่อหัวใหม่ได้ แต่มันก็อดสงบใจไม่ได้จนต้องหนีไปแช่น้ำแล้วเดินไปมารอบยานเพื่อรอนายฟื้น!!』
「อ-เอาเป็นว่า ตอนนี้ถอยไปห่างๆเลย คิดจะทำลายฉันทิ้งอีกหรือไงเร็ม」
แล้วก็เหมือนเคย พี่สาวคนนี้ไม่ฟังฉันสักนิด
ก็เข้าใจดีหรอกว่าการรอคอยสำหรับคนอย่างเธอเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่สิ่งที่เธอพูดมันก็ชวนยั๊วนะเฟ้ย
ชอบทำอะไรไม่สนโลกแท้!!
เธอเข้ามาประชิดตัวฉันจนทำให้น้ำมันภายในร่างของฉันสูบฉีด ก่อนที่กระแสไฟฟ้าจะช็อตร่างฉัน
「หยุดปล่อยไฟฟ้าออกมาได้แล้วเฟ้ย」
『อุ้ย โดนนายด้วยเหรอ? พอดีว่าที่นี่มันให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเลยเผลอไปหน่อย』
「……」
อยากจะต่อยยัยนี่จริงๆ…!! แต่ถ้าฉันทำแบบนั้นจะเป็นฉันเองนี่แหละที่ไม่เหลือซาก
เร็ม พี่สาวของฉัน กระแสไฟฟ้าเดินได้
หากจะให้อธิบายว่าทำไมถึงมีร่างกายแบบนี้ก็คงต้องย้อนกลับไปตอนที่ฉันกับพี่สูญเสียร่างกายของตัวเองไป
เพื่อจะหลีกหนีความจริงตรงหน้า ฉันจึงเปิดโหมดรำลึกความหลังและสั่งให้สมองนึกถึงเรื่องในอดีต
『ฮ่าๆๆๆ!! ด้วยสิ่งนี้ดาวดวงนี้ก็จะมีพลังงานอันไร้สิ้นสุด!! แกจะกลายเป็นเสาหลักแห่งปวงชนของเรา!!』
สรุปโดยง่ายคือ ดาวเคราะห์ของฉันและพี่ที่เคยอยู่ล่มสลาย
ไม่ใช่เพราะถูกรุกรานหรืออะไรทำนองนั้น แต่เป็นเพราะนักวิทยาศาสตร์ที่ชั่วร้ายบนดาวล้มเหลวในการทดลองที่เปลี่ยนสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นพลังงาน
ซึ่งพี่สาวของฉันคือผู้ถูกทำการทดลอง
『เจ็ม หนีไปซะ!! ทิ้งฉันไว้!!』
พี่สาวถูกเลือกให้ไปเป็นผู้ทำการทดลอง ร่างของเธอติดอยู่ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ แล้วระหว่างการทดลองก็เกิดความผิดปกติขึ้น
นักวิจัยวิ่งหนีตายกันในขณะที่พี่ของฉันทำลายพื้นที่รอบๆด้วยกระแสไฟฟ้าจากร่างตัวเอง ทางฉันเองก็เผ่นแนบไม่ต่างจากพวกเขา ทว่าก่อนจะหนีพ้นก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น จนทำให้ยานอพยพและผู้คนหายไปไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น
『มะ..มาได้แค่นี้เหรอ……』
แน่นอนว่าฉันเองก็สภาพไม่ต่างกันนัก ถึงจะเอาชีวิตรอดมาได้แต่ร่างกายก็บาดเจ็บสาหัส ชิ้นส่วนในร่างก็ปลิวหายไปไหนไม่รู้จนเหลือแค่ 40% จากเดิม
ฉันใช้ได้แรงเฮือกสุดท้าย ทำการคัดลอกความคิดและข้อมูลภายในสมองของฉันลงไปยังเทอร์มินัล ก่อนจะทิ้งร่างกายเก่าไปและเกิดใหม่ในฐานะเครื่องจักร
ในมุมนี้จะบอกว่าฉันเป็นเพียงของเลียนแบบตัวตนเดิมก็ว่าได้
แต่ถึงจะบอกแบบนั้น ร่างหลักก็ตายไปแล้วด้วยสิ จะมาคิดอะไรมากก็เปล่าประโยชน์
『เจ็ม! นี่ฉันเอง!! เร็ม!』
ในขณะที่กำลังโปรแกรมสร้างร่างจักรกลขึ้นมาใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด จากการรวบพวกเศษชิ้นส่วนที่เหลือจากการระเบิด พี่สาวของฉันก็ปรากฏตัวขึ้นในรูปแบบของกลุ่มก้อนพลังงานแล้วพุ่งเข้ามาหาฉัน ไอ้แบบนี้ฉันได้ตายรอบที่สองแหง
ตัวฉันที่เป็นเครื่องจักร
กับพี่สาวที่เป็นกลุ่มก้อนพลังงานไฟฟ้า
เราทั้งสองได้สูญเสียร่างกายเดิมไปและเปลี่ยนเป็นสิ่งใหม่ ก่อนจะเผชิญนั่นนี่มาจนมีชีวิตถึงตอนนี้
【สิ้นสุดการย้อนความหลัง】
พี่สาวของฉันเสียร่างกายไปแล้วได้พลังนี้มาเป็นการแลกเปลี่ยน
ดาราแฝดเร็มสิ่งมีชีวิตรูปแบบพลังงานที่ไม่มีวันตายและไม่จำเป็นต้องดื่มกิน โดยดำรงตำแหน่งอยู่ในลำดับแห่งดวงดาราที่ 7
พลังที่สามารถทำลายดวงดาวต่างๆได้อย่างง่ายดายและสามารถเดินทางข้ามจักรวาลโดยไม่จำเป็นต้องใช้ยานใดๆ
ในฐานะจักรกลแบบฉัน เรียกได้ว่าแหยงสุดๆเหมือนเป็นศัตรูตามธรรมชาติ ทว่าพวกเราก็เป็นพี่น้องกัน จึงหนีไม่พ้นสักที….
「เร็ม อย่างน้อยช่วยใส่สูทพิเศษหน่อยเถอะ」
『อาการนายเป็นยังไงบ้างเจ็ม』
「ฟังกันบ้างสิฟะ……!!」
『พวกจัสติสครูเซเดอร์แข็งแกร่งไหม? แล้วอัศวินขาวล่ะ?』
สงสัยนี่จะเป็นหัวข้อหลักในการที่เธอมาหาฉันแหง
คงจะรู้แล้วสินะว่าฉันไปท้าทายพวกเขาบนดาวโลกมา ส่วนผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น
「แข็งแกร่ง แต่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอต้องออกโรง」
『ไม่ถึงเวลา? ทำไมกันล่ะ……』
กระแสไฟฟ้าพวยพุ่งออกมาจากร่างของเธอ
เห็นแล้วก็หัวจะปวดกับพลังของเธอที่ทำลายพื้นที่รอบๆ
『หมายความว่าต้องรอให้พวกนั้นแกร่งกว่านี้สินะ?』
「……ตามนั้น」
『แบบนี้นี่เอง ฟุฟุฟุ』
กระแสไฟฟ้าของเธอสงบลง….
ว่ากันตามตรงดาวโลกได้เจออะไรที่สุดสยองหลังจากนี้แน่นอน แต่อัศวินขาวกับจัสติสครูเซเดอร์คงหาทางออกกันได้แหละ
「ถ้างั้นฉันกับMEIขอเดินทางไปเที่ยวกาแล็กซีอื่นก่อนละ เธอจะทำอะไรจากนี้ก็ตาม――」
『เจ็ม อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ?』
「อย่ามาล้อกันเล่นนะเห้ย!! ที่ฉันต้องซ่อมที่นี่เป็นบ้าหลังก็เพราะเธอแท้ๆ อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย ได้โปรดให้ก้มหัวขอร้องเลยก็ได้….」
「ยอมแพ้เถอะค่ะ มาสเตอร์……」
ยัยพี่สาวคนนี้คือสัตว์ประหลาดเดินได้ของแท้ที่อยู่ในลำดับ 7
แม้จะเป็นสัตว์ประหลาดทากไฟฟ้าของโลก ก็คงจะถูกกำจัดก่อนที่จะดูดซับพลังงานรอบตัวของพี่ได้หมดแหง
แต่ที่น่ากลัวกว่าคือดันมีคนที่อยู่เหนือกว่ายัยนี่อีกถึง 6 คนนี่แหละ
『ช่วยสร้างร่างให้ฉันหน่อยสิ』
「ก็ทำให้แล้วไม่ใช่เหรอฟะ ได้สูทที่ช่วยควบคุมกระแสไฟฟ้าไม่ให้เธอปล่อยออกมามั่วซั่วน่ะ」
『ก็ที่เจ็มสร้างออกมามันไร้รสนิยม แล้วก็ไม่น่ารักเลยสักนิดนี่นา』
….ยัยนี่พ่นอะไรออกมาฟะ?
「โฮ่ย ไอ้คุณพี่สาวบ้านี่!! บังอาจมาล้อเลียนรสนิยมของฉันเหรอฟะ!!」
「กรุณาสงบสติลงก่อนค่ะมาสเตอร์!?」
สูทที่อัดแน่นไปด้วยความโรแมนติกและอาวุธอเนกประสงค์มากมาย
ทำการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุดและเสริมเสน่ห์อันเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่มีเพียงฉันสามารถสรรค์สร้าง
แล้วมาบอกว่าไร้รสนิยมเลยไม่ใส่เนี่ยนะ ถึงเป็นพี่สาวก็ไม่ยกโทษให้หรอกเฟ้ย
แม้ว่าฉันจะระบายความโมโหออกมาใส่อีกฝ่าย แต่พี่ก็ลอยขึ้นไปในอากาศโดยไม่สนใจฉันสักนิด
『อีกสักพักคงได้ไปที่โลก ดังนั้นช่วยเตรียมสูทชีวภาพที่รูปร่างคล้ายมนุษย์โลกให้ฉันหน่อยละกัน』
「หล่อนไม่มีหูฟังชาวบ้านเหรอ!?」
『อย่าใส่ใจเรื่องเล็กน้อยไปเลย เอาเป็นว่านั่นคือที่ฉันต้องการในตอนนี้ นายคงทำให้ฉันได้สินะ?』
「เอ้อ ก็ได้วะ!!!」
น้องชายไม่อาจขัดขืนพี่สาวได้
แม้ร่างกายนี้จะเปลี่ยนไปเป็นเครื่องจักร แต่ฉันก็ฝืนความจริงข้อนี้ไม่ได้
ฉันเดินเข้าห้องทำงานไป พร้อมกับน้ำมันไหลที่อาบหน้า
『ดูเหมือนลำดับที่ 3 จะออกไปเดินเล่นแล้วเหมือนกัน ฉันเองก็ไม่อยากจะช้าด้วยสิ』
อย่างที่คิด ยัยนี่แหละอุปสรรคในการใช้ชีวิตของฉันที่ใหญ่ที่สุด…!!
「มาสเตอร์ ถ้าเป็นไปได้ก็ขอของฉันด้วยนะคะ」
「หา ทำไมเธอถึง……?」
「……」
「อย่ามาทำเป็นเอียงคอทำตัวน่ารักใส่เลยนะเห้ย หล่อนเองก็ไม่ชอบใจร่างที่ฉันออกแบบให้เหมือนกันสินะ MEI?!!」
หลังจากเอาชนะการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตเสร็จ ชีวิตฉันควรจะอยู่อย่างสงบแท้ๆ
แท้ทว่าก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำเลยสินะ กว่าจะไปถึงความสงบสุขของฉันได้จริงๆ!!
————-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code